มารู้จักยาเคมีบำบัด ที่ใช้กับโรคมะเร็งกัน!
ยาเคมีบำบัด คือ ยาที่มีสารเคมีที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆ การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดนั้น สามารถรักษาด้วยวิธีนี้อย่างเดียว หรือ สามารถใช้ร่วมกับการรักษาอย่างอื่นได้ ซึ่งยาเคมีบำบัด ใช้ไปทำลายเซลล์มะเร็ง และอาจจะไปทำลายเซลล์ปกติบางส่วนได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดนั้น อาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ แต่ก็แล้วแต่ชนิดของโรคมะเร็งและร่างกายของผู้ป่วย
ยาเคมีบำบัด จะเข้าไปขัดขวางขบวน การเจริญเติบโตของวงจรชีวิต เซลล์ทำให้ เซลล์ตาย ยาแต่ละตัวออกฤทธิ์แตกต่างกันในการรักษา บางแผนการรักษาประกอบด้วยยาหลาย ชนิด ที่ให้ร่วมกัน
อาการข้างเคียง ยาเคมีบำบัดมีผลกระทบต่อเซลล์ปกติด้วย โดยเฉพาะเซลล์ที่มีการเจริญ และแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร, เส้นผม, เม็ดเลือด ดังนั้น จึงเป็นสาเหตุของอาการข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ระยะหนึ่งในระหว่างการ ให้ยาแต่ละชุด เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาสร้างเซลล์ปกติขึ้นมาทดแทน
อาการไม่พึงประสงค์ ที่ต้องปรึกษาแพทย์ มีดังนี้
1. มีเลือดออกหรือเป็นแผลในปากมาก
2. มีผื่นหรืออาการแพ้
3. มีไข้ หนาวสั่น
4. ปวดมากบริเวณที่ฉีด
5. หายใจลำบาก
6. ท้องเดินหรือท้องผูกอย่างรุนแรง
7. ปัสสาวะหรืออุจจาระมีเลือดปน
อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย คือ
1. คลื่นไส้อาเจียน
2. ผมร่วง
3. แผลในปาก
4. ปริมาณเม็ดเลือดลดลง
อย่างไรก็ตาม อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นจะหายไปเมื่อสิ้นสุดการให้ยาเคมีบำบัด ซึ่ง อาการไม่พึงประสงค์จะขึ้นกับชนิดของยาเคมีบำบัดที่ได้รับ และปฏิกิริยาตอบสนองต่อยา ของร่างกายผู้ได้รับยาเคมีบำบัดนั้น ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการไม่ พึงประสงค์ ที่จะเกิด ขึ้นจากการได้รับยา เพื่อบรรเทาอาการให้น้อยลงหรืออาจพิจารณาปรับแผนการรักษา ถ้าเกิด มีอาการรุนแรง อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดไม่ได้หมายความว่า อาการของโรคมะเร็งเป็นมาก ขึ้น และความรุนแรงของอาการไม่พึงประสงค์ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับผลของยาเคมีบำบัดต่อ เซลล์มะเร็ง
Leave a Reply