สาว ๆ อย่าเพิ่งตกใจ หากเป็นเริมที่อวัยวะเพศ
โรคเริม คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แล้วทำให้ผิวหนังมีอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและอักเสบ หลังจากนั้นเชื้อจะไปแอบอยู่ตามปมประสาท เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง หรือถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด แสงแดด หรือรอบเดือนก็อาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก คนเรากว่าร้อยละ 80-90 ต่างก็เคยได้รับเชื้อเริมเข้าสู่ร่างกายกันทั้งนั้น
แต่อาจไม่ได้แสดงอาการของโรคในทันทีเพราะยังมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงอยู่ แล้วโรคเริมนี่ก็สามารถเกิดได้ทั่วร่างกายด้วย จะมีอาการเจ็บ ๆ ตึง ๆ คัน ๆ ก่อน ต่อมาภายในหนึ่งวันจะมีตุ่มน้ำพองใส ๆ ขึ้น แล้วแตกออกเป็นแผลตื้น ๆ ตกสะเก็ดแล้วก็หายไป พบบ่อยบริเวณริมฝีปาก และอวัยวะเพศ จัดได้ว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง โรคนี้สามารถเป็นที่ส่วนใดของร่างกายก็ได้ทั้งสิ้น และมักเป็นซ้ำที่เดินด้วย เป็นเชื้อที่ไม่สามารถขับออกไปจากร่างกายได้ เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้นั้น มีอยู่ด้วยกันสองชนิดก็คือ
– Herpes simplex Virus 1 มักเกิดอาการบริเวณปากและผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไป ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ติดต่อกันได้ทางน้ำลายผ่านการจูบ การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้ลิปสติกแท่งเดียวกัน หรือกินข้าวไม่ใช้ช้อนกลางก็ติดต่อได้
– Herpes simplex Virus 2 มักเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ หากเป็นครั้งแรกจะเจ็บปวดแสบปวดร้อนมากเวลาปัสสาวะ แต่หากเป็นหนที่สองที่สาม ก็มักจะไม่รุนแรง อาจมีตุ่มใสขึ้นเพียงไม่กี่ตุ่ม บางคนก็แค่เจ็บ ๆ คันแล้วก็หายไปเอง
โรคเริมที่อวัยวะเพศอาจป้องกันยากสักหน่อย เพราะสามารถติดเชื้อได้ทั้งการร่วมกันตามปกติ หรือทางปาก Oral Sex ก็ได้ และเชื้อไวรัสที่ปากกับอวัยวะเพศก็อาจสลับกันได้ด้วย จึงควรสังเกตคู่ของคุณเป็นพิเศษด้วยว่ามีแผลหรือไม่ และวิธีการป้องกันโรคเริมที่ดีที่สุดก็คือ.. ใช้ถุงยางทุกครั้งนั่นเองค่ะ
โรคเริมสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่การไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับยาต้านไวรัส แม้ไม่ช่วยให้หายขาดแต่ก็ลดความรุนแรง และลดระยะเวลาที่เป็นลงได้ ควรดูแลแผลเริมให้สะอาด ให้แห้งตลอดเวลา ทำความสะอาดแผลเริ่มด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดก็เพียงพอแล้ว ในผู้ที่มักมีความเครียดมาก นอนไม่พอ อ่อนแอ ก็อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หรือทำให้มีอาการที่แย่ลง และกลับมาเป็นซ้ำได้อีกบ่อย ๆ ด้วย
แต่ที่ต้องระวังไว้ให้มากก็คือ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หากเป็นโรคเริมควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะอาจส่งผลถึงทารกในครรภ์ได้ และควรพบแพทย์เพื่อป้องกันมิให้ติดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้
Leave a Reply