ดนตรีและศิลปะช่วยพัฒนาเด็กพิเศษได้อย่างไร ?
เด็กพิเศษที่เราพูดกันถึงในวันนี้ได้แก่ เด็กที่มีปัญหาดังต่อไปนี้ เด็กที่มีปัญหาทางร่างกาย, เด็กสมาธิสั้น, ดาวน์ซินโดรม, เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้, ออทิสติก, พิการทางสมอง, เด็กพิการซ้ำซ้อน และเด็กปัญญาเลิศ แต่เด็กพิเศษในกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนานั้นจะหมายถึงเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการดูแลแตกต่างกันไป ยิ่งค้นพบได้เร็วเท่าไรก็มีโอกาสในการพัฒนาและรักษาให้ดีขึ้นไปเท่านั้น การพัฒนาเด็กพิเศษมีหลายวิธี แต่วิธีที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากก็เห็นจะเป็นการนำเอาศิลปะและดนตรีมาเป็นเครื่องมือในการบำบัดนั่นเองค่ะ
ในส่วนของการบำบัดด้วยดนตรี จะช่วยให้เด็กได้เกิดการรับรู้ กระตุ้นสมองให้เกิดการทำงาน พัฒนาประสาทสัมผัสร่วมกันของส่วนต่าง ๆ เช่น ตากับนิ้วมือ มือซ้ายและมือขวา แม้แต่การเต้นรำก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาการทำงานร่วมกันของอวัยวะต่าง ๆ ได้ ดนตรีทำให้เด็กรู้จักจังหวะรอคอยเป็น ทำในสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จ ดนตรีเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเอง มีข้อดีก็คือมีเครื่องดนตรีหลายชนิดให้เลือกเล่นตามความชอบ บางคนสามารถนั่งฟังเครื่องดนตรีบางชนิดได้เป็นเวลานาน ทำให้มีสมาธิมากขึ้น พลอยทำให้อยากทำกิจกรรมอื่น ๆ เกี่ยวกับดนตรีได้สำเร็จอีกด้วย
สำหรับงานศิลปะเพื่อการพัฒนาเด็กพิเศษนั้นจะช่วยให้เด็กรู้จักฝึกการใช้สายตาแยกแยะเส้นและสี มีความสุขกับการใช้มือจับพู่กันวาดภาพบนกระดาษ พัฒนาการวาดด้วยเทคนิคต่าง ๆ เปิดโอกาสให้เด็กได้สร้างผลงานตามที่ตนเองชอบ ศิลปะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน แต่ก็มีความกล้าหาญขึ้นด้วย สร้างสมาธิ ทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะสร้างชิ้นงานให้เสร็จ อาจได้เปิดเผยความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวเด็กออกมาด้วย จึงเป็นทางช่วยให้สังคมภายนอกและคนอื่น ๆ ยอมรับความสามารถของเด็กได้อีกทางหนึ่ง
ความจริงแล้วทั้งดนตรีและศิลปะต่าง ๆ ล้วนเหมาะกับเด็กทุกประเภท ยิ่งหากเป็นเด็กพิเศษด้วยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ทั้งสองศาสตร์นี้เพื่อช่วยพัฒนาสมองของเด็กให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ
Leave a Reply