ระวังไว้บ้างกับการทานพืชผักเป็นยา
หลายปีก่อนมีกระแสการกินมะรุมเป็นยาบำรุงสุขภาพกันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะกินเป็นยาสกัดหรือกินสด ๆ มักจะกินกันเป็นประจำทุกวัน เป็นแรมเดือนแรมปี เพราะมีเอกสารออกมาเผยแพร่ถึงประโยชน์อีกมากมายของมะรุม คนเลยหาต้มมาปลูกหายามากินกันเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งที่ความจริงแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรอย่าง ดร.กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติ ได้เคยเขียนหนังสือระบุไว้เพียงว่าพืชผักเหล่านี้นั้นมีสารเคมีอะไร มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ไม่ได้ตั้งใจให้ทำเป็นยาหรือกินทุกวันเพื่อรักษาสุขภาพ โดยที่คนสมัยก่อนนั้นกินฝักมะรุมแล้วสุขภาพดี เพราะกินเป็นกับข้าวอย่างเอามาทำแกงส้ม หรือนำใบจิ้มน้ำพริก ก็จะกินกันเป็นครั้งคราวไม่ได้กินทุกวัน การที่คนในยุคปัจจุบันหันมาบริโภคอย่างเอาเป็นเอาตายทุกวัน จึงอาจก่อให้เกิดโทษภัยต่อสุขภาพได้มากกว่า
รวมทั้งยังเคยมีกรณีศึกษาเกี่ยวกับพืชผักสมุนไพรเหล่านี้อีกหลายกรณี
– หลายสิบปีก่อนเคยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท่านหนึ่งนำเอามะเกลือมาปรุงเป็นยา โดยการต้มเป็นหม้อใหญ่ ๆ ทิ้งค้างคืนไว้ รุ่งขึ้นก็ตึกแจกจ่ายเด็ก ๆ ตามหมู่บ้านกินกันถั่วหน้า ปรากฏว่ามีเด็กหลายคนตามัว ตาบอด เพราะได้รับพิษจากสารเคมีในมะเกลือที่กลายรูปจากการตั้งทิ้งไว้ค้างคืน
– เรื่องของใบขี้เหล็กก็เคยเป็นข่าวมาแล้ว ที่เชื่อกันว่ามีสรรคุณเป็นยากล่อมประสาทและยานอนหลับนั้น ก็ได้มีการทดสอบกับหนูว่าไม่เกินพิษเฉียบพลัน ทำให้ผู้ที่ประสบปัญหานอนไม่หลับเป็นจำนวนมากหันมากินยาใบขี้เหล็กแคปซูลกันเป็นแถว ปรากฏว่ามีผู้ป่วยหลายรายที่มีอาการดีซ่าน มาเข้ารักษากับแพทย์ และก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นตับอักเสบจากการบริโภคขี้เหล็กแคปซูลเป็นเวลาติดต่อกันหลายเดือน จึงต้องยกเลิกการผลิตไปเพราะไม่ปลอดภัย
– สมุนไพรที่มีพิษต่อตับอีกชนิดก็คือ บอระเพ็ดนั้นเอง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด แต่เมื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานกินทุกวันก็ทำให้ตับอักเสบได้
ดังนั้นการจะเลือกกินพืชผักอะไรก็ตาม หากยังไม่มีข้อพิสูจนได้ว่าปลอดภัยและได้ผล รวมถึงไม่มีผลข้างเคียงจริง ก็หลีกเลี่ยงดีกว่านะคะ ควรหันมาบริโภคพืชผักในรูปแบบที่ปู่ย่าตายายเราเคยทำกันมาแต่โบราณจะดีกว่าค่ะ
Leave a Reply