โรคสะเก็ดเงิน สาเหตุและการรักษา
หากคำนวณตามจำนวนประชากรโลกใบนี้แล้ว โรคสะเก็ดเงินสามารถพบได้ประมาณร้อยละ 2 เท่านั้น พบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงพอ ๆ กัน ซึ่งพบได้หลายรูปแบบดังนี้
– ผิวหนังเป็นปื้นนูนหนาขนาดใหญ่ และเป็นเรื้อรัง ปื้นมีขอบเขตชัดเจน สีชมพูถึงแดง มีสะเก็ดสีเงินปกคลุม พบได้มากบริเวณ ข้อต่อ ข้อศอก ข้อเข่า แขนขา และหลังส่วนล่าง
– ปื้นรูปหยดน้ำ พบได้มากในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ตอนต้น เป็นปื้นนูนขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร ขึ้นเป็นจำนวนมาก บริเวณลำตัว แขนขา และมีอาการหลังจากการเจ็บคอ
– เป็นผื่นบริเวณข้อพับ ขาหนีบ รักแร้ ราวนม
– ผื่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป็นผื่นหนา ๆ ที่ทำให้ฝ่ามือ ฝ่าเท้าแตกและเจ็บ
– เป็นตุ่มหนองทั่วร่างกาย มีไข้ ไม่สบายเจ็บผิวหนัง
– เป็นผื่นแดงทั่วตัว มีผิวหนังอักเสบทั่วร่างกายกว่าร้อยละ 90 ขึ้นไป
– สะเก็ดเงินบริเวณหนังศีรษะโดยเฉพาะตามไรผม
– สะเก็ดเงินบริเวณเล็บ ทำให้เล็บมีหลุมเล็ก ๆ เล็บหนาผิดรูปร่าง หรือเนื้อใต้เล็บมีจุดสีเหลือง และเล็บเผยอ
– และพบว่าผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินกว่าร้อยละ 5-30 มีอาการของโรคสะเก็ดเงินของข้อต่อร่วมด้วย มักพบที่ข้อนิ้วส่วนปลาย
โรคนี้สามารถกำเริบได้จากการใช้ยาบางชนิด ความเครียด การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ โรคอ้วน และการติดเชื้อ HIV ของผู้ป่วยโรคเอดส์
การรักษาโรคสะเก็ดเงินนั้นมักจะเริ่มไปตามลำดับ ตั้งแต่การใช้ยาทา, การฉีดสเตียรอยด์ ซึ่งจะนิยมใช้เมื่อเป็นปื้นหนาและมีขุยมาก , การฉายรังสียูวี ในกรณีที่มีรอยโรคกระจายเป็นบริเวณกว้าง, การให้ยากิน
โรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย แต่สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการบรรเทาความเครียด เพราะเป็นสาเหตุสำคัญของอาการสะเก็ดเงินกำเริบ ควรระวังผลแทรกซ้อนจากการใช้ยาด้วย บางรายอาจต้องปรึกษาอายุรแพทย์ร่วมด้วยเพราะจะมีอัตราการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งผู้ป่วยนั้นควรตรวจเบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือดและควบคุมทุกอย่างไว้ให้ดี ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย เพราะโรคนี้ไม่ได้เป็นแค่โรคผิวหนังเท่านั้น แต่เป็นโรคของทุกระบบในร่างกายรวมกัน จึงจำเป็นต้องดูแลร่างกายทั้งหมดให้แข็งแรงไว้ก่อน
Leave a Reply