ยารักษาโรคงูสวัด…มีจริงหรือไม่
โรคงูสวัด นั้นเป็นโรคผิวหนังอีกชนิดหนึ่งที่พบได้มากในประเทศไทย โดยเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า VZV ซึ่งเชื้อนี้ทำให้เกิดโรคในมนุษย์ได้สองโรคก็คือ..
– โรคอีสุกอีใส เมื่อร่างกายรับเชื้อ VZV เข้ามาจะทำให้เกิดอาการเป็นไข้ตัวร้อนก่อน 1-2 วัน แล้วจึงมีตุ่มน้ำใสคล้ายบนหยดบนบนร่างกาย กระจายตัวขึ้นเป็นระลอก ๆ หลายรุ่น
– ระยะที่สองคือโรคงูสวัด โดยเชื้อไว้รัสชนิดนี้จะทำให้เกิดโรคอีสุกอีใสในวัยเด็ก เมื่อหายแล้วเชื้อจะเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย และรอเวลาที่ร่างกายอ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันลดลง หรืออดนอน โดยอาจใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีก็ได้ เพื่อปะทุขึ้นอีกครั้ง มักพบในกลุ่มผู้สูงอายุหรือคนที่อ่อนแอ ซึ่งจะแสดงอาการออกมาเป็นโรคงูสวัด
อาการของโรคงูสวัสดนี้ จะแบ่งออกได้เป็นสามระยะได้แก่
– เริ่มต้นผู้ป่วยจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนร้อน ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
– ระยะต่อมาประมาณ 2-3 วันจะเริ่มมีผื่นแดง แล้วจึงกลายเป็นตุ่มน้ำใสเรียงกันเป็นแนวยาว ๆ ตามเส้นประสาท เมื่อตุ่มแตกจะกลายเป็นแผลและตกสะเก็ดแล้วหายได้เองในสองอาทิตย์
– หลังจากนั้นจึงเข้าระยะที่สาม คือมีอาการปวดแสบร้อนลึก ตามแนวของโรคที่เคยเป็น บางคนอาจเป็นได้อีกเป็นเดือนหรือหลายเดือน โดยเฉพาะคนแก่จะมีอาการปวดอีกเป็นปีเลย
ในส่วนของยารักษางูสวัดนั้น ปัจจุบันจะมีใช้ยาต้านไวรัสชื่อว่า อะไซโคลเวียร์ ซึ่งก็ได้ผลดีทั้งผู้ป่วยงูสวัดและอีสุกอีใส และเริ่มด้วย นอกจากนี้ยังมียาวาลาซิโคลเวียร์และแฟมซิโคลเวียร์ วึ่งกินน้อยกว่าแต่ราคาแพงกว่า การรักษาความกินยาอะไซโคลเวียร์ให้เร็วที่สุด เพื่อยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวสัส คือตั้งแต่เริ่มมีอาการปวดแสบปวดร้อนตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีตุ่มใส จนถึงก่อนที่ตุ่มใสจะแตกออก ควรใช้หลังจากพบตุ่มน้ำใสบนร่างกายแล้วไม่เกิน 3วัน ตัวยาจึงให้ผลการรักษาได้ดีที่สุดค่ะ
งูสวัดนั้นอาจจะไม่กลับมาเป็นอีกได้หากรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงไปจนเกิดโรคค่ะ
Leave a Reply