หลับใน.. ตายง่ายกว่าเมาแล้วขับ
เพราะปัจจุบันยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายใดมาบังคับใช้ได้ว่า คนง่วงไม่สามารถขับรถได้ อุบัติเหตุจากการหลับในจึงยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ มากกว่าเมาแล้วขับเสียด้วยซ้ำไป ผู้ที่มีอาการหลับในนั้นนอกจากจะเกิดจาการอดนอนหรือนอนไม่พอแล้วยังเกิดจาก..
– ป่วยไข้ไม่สบาย กำลังกินยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้อยู่ อาจเสี่ยงต่อการหลับในขณะขับรถได้ อาการวูบหลับแค่ 3 วินาทีนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุร้างแรงที่ไม่คาดคิดได้ เพราะรถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วอย่างปราศจากความควบคุม อาจประสานงากับรถคันอื่น เกยข้างทาง ชนต้นไม้หรือปีนเกาะไปชนกับอีกฝั่ง รวมไปถึงขับตกเหวได้เลยทีเดียว ฯลฯ คนที่อ่อนเพลียหรืออดนอนมักจะง่วงมากในตอนบ่าย หลังอาหารเที่ยง หรือหลังเที่ยงคืน ดังนั้นช่วงเวลาเหล่านี้จึงมีอุบัติเหตุบนท้องถนนบ่อยครั้งที่สุด
– เมาแล้วง่วง แล้วก็ขับรถอีก ก็อันตรายอย่างมาก เพราะประสาทสัมผัสทุกอย่างจะช้าลงไปหมด สมองตื้อทำให้การสั่งการไปยังอวัยวะต่าง ๆ ช้าลง หากเกิดภาวะคับขันทำให้การตัดสินใจช้าและผิดพลาดได้ การขับรถทางไกลจึงควรเตรียมตัวเองให้พร้อมด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ งดเครื่องมึนเมาทั้งหลาย
– ผู้ที่อ้วนน้ำหนักเกิน หรือนอนกรนจนหลับไม่สนิทก็ไม่ควรขับรถทางไกลคนเดียวโดยลำพัง หากมีคนนั่งไปด้วยควรชวนคุยเพื่อไม่ให้ง่วงหรือเปลี่ยนกันขับ
หากเริ่มรู้สึกง่วงแล้วให้ลองผ้าเช็ดเช็ดหน้า เช็ดลำคอ หน้าอก หรือจิบน้ำเย็น ๆ หรืออมน้ำเข็งก็จะทำให้สดชื่นขึ้น ลองหาลูกอมรสชาติเปรี้ยว ๆ ซ่า ๆ หรือเผ็ด ๆ จัด ๆ อมไว้ก็ช่วยให้ตื่นตัวได้เช่นกัน ลองเปิดกระจกให้ลมพัดหน้าหรือเปิดเพลงสนุก ๆ ฟังไปด้วยก็จะช่วยให้กระฉับกระเฉงค่ะ หากทนไม่ไหวแล้วให้ลองหาสถานที่ปลอดภัย เช่น ป้อมตำรวจ ปั๊มน้ำมัน หรือที่ชุมชนจอดรถนอนพัก หลับซักงีบ แล้วเข้าห้องน้ำยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อยสักหน่อย ดื่มกาแฟ เช็ดตัวด้วยผ้าเย็น ๆ ให้ร่างกายตื่นตัวสดชื่น แล้วค่อยขับต่อไปจะปลอดภัยกว่านะคะ
Leave a Reply