ไม่อยากไอคิวหล่น…ต้องกินอาหารเช้า
นับเป็นความเข้าใจผิดของพ่อแม่จำนวนมากที่ไม่เห็นความสำคัญของอาหารเช้าเลย นอกจากตัวเองจะไม่ทานแล้ว ยังไม่ยอมจัดหาให้ลูก ๆ ได้ทานเต็มมื้อด้วย ผลเสียของการไม่ทานอาหารเช้านั่นคือทำให้ร่างกายขาดพลังงาน และสมองจะตื้อ ไม่ปลอดโปร่ง การเรียนรู้และความจำก็ไม่ดี เพราะสมองของคนเรานั้นต้องการใช้กลูโคสเป็นพลังงาน ซึ่งได้ถูกเผาผลาญไปจนเกือบหมดแล้วในระหว่างการนอนหลับ หากตื่นเช้ามาไม่ทานข้าวเช้า ก็จะทำให้สมองไม่สดใสดังกล่าวมาแล้ว
สารอาหารที่จำเป็นสำหรับมื้อเช้าก็คือคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล เพราะจะเป็นการส่งกลูโคสกลับเข้าสู่สมอง ทำให้สมองตื่นตัวทำงานได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังให้พลังงานกับร่างกายในการเริ่มเช้าวันใหม่ได้ และหากคุณไม่ยอมทานมื้อเช้าแต่ไปรวบยอดเอาในมื้อเที่ยงก็ไม่ทันอยู่ดี เพราะเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานส่วนนั้นได้ผ่านไปแล้ว หากติดนิสัยไม่เคยทานอาหารเช้าหรือไม่ทานอาหารเช้าไปนาน ๆ จะสังเกตได้ว่าความจำจะเริ่มเสื่อม สมองไม่ค่อยสดใสเท่าไรนัก
และอาหารของสมองที่สำคัญมากก็ได้แก่ กรดโฟลิค วิตามินบีหก วิตามินบีสิบสอง ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งดูดซึมวิตามินบีสิบสองได้น้อยลง ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป ทานอาหารที่มีกรดโฟลิคให้มากแทน ซึ่งพบได้มากในธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบสีเขียวเข้ม น้ำส้มค้น และถั่ว
ดังนั้นหากไม่อยากสมองเสื่อมหรือไอคิวหล่นร่วงตั้งแต่อายุน้อย ๆ ควรทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ทุกวันนะคะ จะได้มีสมาธิเรียนหนังสือและมีแรงทำงาน ไม่ผิดพลาดและไม่หิวโซจนถึงมื้อเที่ยงอีกด้วยค่ะ
Leave a Reply