ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ…เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
แม้เดี๋ยวนี้คนเราจะทำงานนั่งโต๊ะกันมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าอาการเมื่อยล้าหรือปวดเมื่อยจะน้อยลง แต่ตรงกันข้ามกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคนสมัยนี้กล้ามเนื้อและร่างกายอ่อนแอกว่าคนทำงานสมัยก่อน หรือผู้ใช้แรงงานมากนัก การที่กล้ามเนื้อขาดความแข็งแรงนั้น เมื่อต้องออกแรงอย่างหนักหรือการอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ หรือการเกร็งกล้ามเนื้อนาน ๆ ทำให้เกิดการบีบหรือกดหลอดเลือดที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ออกซิเจนมาช่วยเผาผลาญอาหารทำไม่ได้เต็มที่ ร่างกายจึงต้องเปลี่ยนไปใช้กระบวนการที่ไม่ใช้ออกซิเจน จึงทำให้เกิดการคั่งของกรดแลกติกในกล้ามเนื้อชุดนั้น อาการปวดและล้ากล้ามเนื้อจึงตามมา ยกตัวอย่างอิริยาบถที่สร้างความเมื่อยล้าได้มาก ได้แก่ อาการปวดกล้ามเนื้อบ่าจากการเกร็งกล้ามเนื้อไว้เพื่อสะพายกระเป๋าไม่ให้หลุด หรือการสวมรองเท้าส้นสูงที่ต้องเขย่งเท้าไว้นานๆ ทำให้ปวดเมื่อยน่องได้ ฯลฯ ซึ่งอาการเหล่านี้หากไม่ได้รับการปรับแก้ไขให้เหมาะสมจะทำให้อาการปวดนั้นเรื้อรัง รักษายากได้
ทุกวันเมื่อมีอาการปวดเมื่อยล้าขึ้น ให้พักผ่อนกล้ามเนื้อชุดนั้นแล้วออกกำลังกายด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ลดการตึงตัว เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้ เพียงคุณค่อย ๆ ยืดกล้ามเนื้อชุดนั้นออกช้า ๆ จนตึงแล้วค้างไว้ 10 วินาทีแล้วปล่อยออกเท่านั้น
หากต้องการป้องการอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อก็ทำได้โดย ไม่อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ เช่น ก้มหน้าอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป ควรหมั่นขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง มิให้กล้ามเนื้อคอต้องเกร็งค้างตลอดเวลา ไม่ควรสะพายกระเป๋าหนักเกินไป ควรสลับบ่าหรือใช้มือมาหิ้วบ้าง ไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูงนาน ๆ หรือนั่งทับขาข้างใดข้างหนึ่งนานเกินไปด้วย ฯลฯ รวมไปถึงอวัยวะต่าง ๆ ที่คุณใช้งานประจำด้วย เครื่องจักรเครื่องยนต์ต่าง ๆ ยังต้องพักเพื่อรับการซ่อมบำรุง เป็นระยะ แล้วร่างกายคนเราจะต้องการการพักผ่อนเปลี่ยนอิริยาบถบ้างไม่ได้หรือ?
Leave a Reply