การเจริญสมาธิและแผ่เมตตา ช่วยให้สมองและจิตใจดีขึ้นได้
เรารู้กันมานานแล้วว่าการเจริญเมตตาภาวนา หรือการแผ่เมตตาอย่างเป็นประจำนั้นจะช่วยให้เรากลายเป็นคนที่มีจิตใจดีขึ้น มองโลกในแง่ดี นอนหลับก็ฝันดี การแผ่เมตตาสามารถแผ่ไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ พืช ทุกชนิด แผ่ได้ถึงสรรพสิ่งทั้งปวง เป็นกระแสแห่งความปราณี ความปรารถนาดี และความรัก ทำให้ผู้ปฏิบัติเองและสังคมรอบข้างมีความรักความเอาใจต่อกันและกันมากขึ้น มีสันติสุขเกิดมากขึ้นในโลก
แม้แต่ผู้ที่เจ็บป่วยทางกายอย่างหนักหากได้ลองปฏิบัติสมาธิ สวดมนต์แล้วแผ่เมตตาก็สามารถบรรเทาอาการของโรค และทำให้สุขภาพจิตของผู้ป่วยดีขึ้นมาก จากผลวิจัยของผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจากอเมริกา พบว่า พระภิกษุทิเบตที่ปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลาหลายสิบปีนั้น จะมีคลื่นแกมมาที่สูงกว่าพระภิกษุสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบทั้งก่อนการปฏิบัติสมาธิ และยิ่งสูงขึ้นมากในระหว่างการนั่งสมาธิ โดยคลื่นแกมม่านี้มีความสัมพันธ์กับการทำงานของสมอง ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ด้านบวก เช่น ความปิติสุข การมองโลกในแง่ดี การมีเมตตา ความอิ่มเอิบ คนที่ฝึกสมาธิและแผ่เมตตาบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่องจะมีการเปลี่ยนแปลงของสมองแบบถาวรในด้านบวก จึงทำให้เป็นคนที่จิตใจมีความสุข และเผื่อแผ่ความสุขนี้ให้กับผู้อื่นได้ด้วย
ในหัวใจของคนทุกคนล้วนมีความเมตตาและความรักเป็นพื้นยืนอยู่แล้ว แต่สามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นได้อีก เพียงฝึกหักการยอมรับและเข้าใจความแตกต่างของผู้อื่น ฝึกให้อภัย มองโลกในแง่บวก อารมณ์แจ่มใส และสวดมนต์นั่งสมาธิ และแผ่เมตตาอย่างน้อยวันละสามสิบนาทีทุกวัน เมื่อจิตสงบแล้วจึงค่อยแผ่คลื่นความรักความปรารถนาดีไปยังผู้ใกล้ชิด และแผ่ไปได้ไม่มีประมาณ ผู้ที่มีเมตตาจิตจากการหัดเจริญสมาธิแผ่เมตตาบ่อย ๆ จะยังให้เป็นผู้มีจิตใจเป็นสุข ตื่นก็สบาย หลับก็ฝันดี … การทำสมาธิแผ่เมตตาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สามารถทำเพื่อซื้ออารมณ์และจิตใจที่ดีงามมาให้กับตัวเองได้แบบง่าย ๆ วันนี้คุณได้ลองแล้วหรือยังคะ?
Leave a Reply