ข้าวก็ทานน้อย ดื่มแต่น้ำแล้วทำไมยังอ้วนได้ล่ะ?

ข้าวก็ทานน้อย ดื่มแต่น้ำแล้วทำไมยังอ้วนได้ล่ะ?

มีเรื่องเล่าให้คุณผู้อ่านฟังค่ะ เรื่องมีอยู่ว่ามีพนักงานสาวในโรงงานคนหนึ่ง ชื่อบังอร คุณบังอรน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม ได้ชวนเพื่อนอีกสองคนเข้าค่ายลดน้ำหนักกับโรงพยาบาล เพื่อนทั้งสองคนนี้ก็น้ำหนักสูสีกับบังอรนะคะ คือราว 70 กิโลกรัม เมื่อถึงเวลาเข้าค่ายจริง บังอรเองกลับไม่ได้มาเข้าเพราะติดธุระพอดี เพื่อนสองคนจึงเข้าอบรมในเรื่องของการลดน้ำหนักเอง

เมื่อทั้งสองเข้ามาเรียนรู้ในค่าย จึงได้ทราบสาเหตุที่ตนเองอ้วนนั้นเป็นเพราะว่า ชอบกินจุบจิบและดื่มชาเย็น วันละสองถุงทุกวัน แล้วยังทานอาหารจานด่วนพวกที่ทอดน้ำมันลึกทั้งหลาย ไม่ค่อยกินผักและกินมื้อดึกประจำ กับทั้งไม่ออกกำลังกายเลยด้วย วิทยากรจึงได้แนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกับการปรับพฤติกรรมการกินของตน ด้วยการลดการดื่มชาเย็น ทานอาหารที่มีน้ำมัน้อย ทานพวกแกงจืดแทน แล้วให้ทานอาหารเย็นก่อนหกโมงเย็น ออกกำลังกายทุกวันด้วยการเดินเร็ววันละครึ่งชั่วโมง ซึ่งพอสองคนนี้ทำตามก็สามารถลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัมในสัปดาห์แรก จนสุดท้ายในหนึ่งเดือนนั้น เพื่อนของคุณบังอรก็สามารถลดน้ำหนักเกือบ 3 กิโลกรัมในหนึ่งเดือนเลยทีเดียว รวมไปถึงเมื่อครบระยะสามเดือน เพื่อนทั้งสองของบังอรสามารถลดน้ำหนักได้ 5.2 กิโลกรัมและ 7 กิโลกรัมตามลำดับ

แต่ตัวบังอรที่ไม่เข้าค่าย ก็รีบเร่งลดน้ำหนักตามเพื่อน และด้วยความเชื่อว่าการทานข้าวแล้วจะทำให้อ้วน เธอจึงไม่ยอมกินข้าวเช้าเพื่อจะได้ลดน้ำหนักได้เร็ว ซึ่งแรก ๆ ก็ดูเหมือนจะลดได้ แต่บางวันมีทานกาแฟ ขนมบ้างนิดหน่อย เมื่อทำหลายวันร่างกายก็อ่อนเพลีย เมื่อหิวจนทนไม่ได้ก็ไปหาชาเย็น กาแฟเย็นกินตอนสาย รวมไปถึงขนมต่าง ๆ ด้วย เพื่อรองท้องก่อนถึงมื้อเที่ยง พอมื้อเที่ยงด้วยความที่หิวมากจึงทานมากกว่าปกติ สรุปในสัปดาห์แรกแทนที่จะลด กลายเป็นน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีก 1.5 กิโลกรัมซะอย่างนั้น

บังอรสอบถามเพื่อนแต่ไม่เชื่อ จึงได้เดินมาสอบถามวิทยากร เธอได้บอกวิทยากรว่า
“ก็ไม่ได้กินข้าวเช้า กินแต่น้ำ ๆ ซึ่งเป็นชาเย็น กาแฟเย็น ของมัน ๆ ก็ไม่กินมาก ทำไมน้ำหนักไม่ลดลงเลย จริงอยู่ว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่แค่เดินทำงานไปมาในโรงงานก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

วิทยากรจึงจำเป็นต้องให้คำแนะนำคุณบังอรไปว่า การลดน้ำหนักนั้นต้องใจเย็น แล้วต้องช้า ๆ จึงจะคงทน และต้องมีความตั้งใจ กับทั้งรู้สาเหตุที่แน่ชัดของความอ้วนของตนเอง แล้วแก้ไขให้ตรงจุด ควรลดอาหารมัน ๆ ทอด ๆ ขนมหวานทั้งหลายด้วย กับทั้งต้องกินอย่างมีสติ และน้ำหวานนั้นจะทำให้อ้วนง่ายมากเพราะดูดแป๊บเดียวก็หมดแก้วแล้ว ซึ่งก็เป็นน้ำตาลทั้งนั้น แม้จะสดชื่นในตอนแรก แต่จะหิวง่าย อ่อนเพลีย กินมาก กินจุบจิบตามมาในภายหลัง ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับการกินข้าวซ้อมมือ ผักสด ผลไม้สด ซึ่งกินแล้วอยู่ท้อง อิ่มได้นาน รวมทั้งการออกกำลังกายก็เป็นการเผาผลาญไขมันเก่าให้หายไป การลดน้ำหนักจึงจะได้ผลดี