ประโยชน์ของการเคี้ยวช้า ๆ
อาหารที่เราทานกันอยู่ทุกวันนี้ ที่ทานกันลงท้องไปก็ใช่ว่าจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไปซะหมด มีบางคำหรือบางครั้งเหมือนกันที่ทานเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ด้วยเหตุผลไม่ว่าจะเป็น ท้องอืดหรือระบบการย่อยไม่ดีเพราะเครียดบ่อย หรือหากเป็นอาหารที่สกปรกหรือปนเปื้อนเชื้อโรค ร่างกายก็จะขับสารพิษพร้อมอาหารนั้นให้ออกมาอยู่ดี อีกทั้งในชีวิคคนไทยเราปัจจุบันนี้มีแต่ความเร่งรีบ แม้แต่การกินอาหารก็ยังแทบไม่มีเวลาเคี้ยว สารอาหารที่ควรจะรับก็ลดน้อยลงไป วันนี้จึงจะมาพาคุณผู้อ่านให้เคี้ยวอาหารกันให้ละเอียด ๆ นาน ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดดังต่อไปนี้ค่ะ
– ในขณะที่เคี้ยวอาหาร ฟันและลิ้นจะทำหน้าที่ช่วยกันตัด ฉีก บดอาหารจนละเอียด ซึ่งที่ดีที่สุดก็คือต้องเหลวแหลกจนมีสภาพเป็นเนื้อครีมก่อนการกลืนสู่กระเพาะอาหารและลำไส้ อาหารที่ถูกเคี้ยวจนเหลวแหลกนี้จะย่อยได้ง่ายและถูกดูดซึมได้อย่างเต็มที่และรวดเร็ว ไม่มีเศษอาหารตกค้างเน่าเสียในท้อง หรือมีก็เหลือน้อยมาก จึงเป็นผลดีต่อสุขภาพมากค่ะ
– เป็นการช่วยให้ลิ้นได้รับรสชาติที่เป็นธรรมชาติของอาหารแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ผัก ถั่วต่าง ๆ คุณจะสามารถรับรสชาติดี ๆ ของอาหารได้มากขึ้น ทำให้ต่อไปคุณอาจไม่อยากปรุงแต่งรสชาติให้มากจนเสียความเป็นธรรมชาติอีกต่อไปเลยค่ะ
– ยิ่งเคี้ยวนาน เคี้ยวมากเท่าไร น้ำลายในปากก็จะยิ่งออกมามากขึ้นเท่านั้น ประโยชน์ของน้ำลายคือช่วยเป็นตัวหล่อลื่นทำให้สะดวกในการกลืน แล้วเอนไซม์ในน้ำลายเองยังช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้รับรู้รสชาติได้ดีขึ้น อาหารอร่อยมากขึ้น ช่วยให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยชำระล้างเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ต่าง ๆ ออกจากตัวฟันได้มากขึ้น ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่อาจเจริญเติบโตในช่องปาก ซึ่งเป็นตัวการทำให้ฟันผุได้ ทั้งนี้จำนวนการเคี้ยวอาหารที่จะทำให้น้ำลายหลั่งออกมามากพอก็คือ 50-100 ครั้งต่ออาหารหนึ่งคำนั่นเอง
– เมื่อน้ำลายหลั่งออกมามากเข้าก็จะช่วยให้ดื่มน้ำน้อยลงระหว่างมื้ออาหาร จึงไม่รบกวนการย่อยของกระเพาะอาหาร
นอกจากการเคี้ยวช้า ๆ ที่จะทำให้ดีต่อสุขภาพแล้ว ในมื้อเย็นนั้นก็ควรทานอาหารก่อนเวลานอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมงด้วย เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยอาหารอย่างเต็มที่ไม่เหลือเศษอาหารเป็นส่วนเกิน ที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ หรืออ้วนลงพุงได้อีกด้วยนะคะ
Leave a Reply