สาเหตุการเป็นมะเร็ง พันธุกรรมหรือการใช้ชีวิต?

สาเหตุการเป็นมะเร็ง พันธุกรรมหรือการใช้ชีวิต?

มีเรื่องราวจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดท่านหนึ่ง ที่เรื่องราวในชีวิตของทั้งตัวผู้ป่วยเองและคุณแม่ของผู้ป่วยน่าจะเป็นเรื่องราวที่บอกอะไรบางอย่างได้บ้างเกี่ยวกับโรคมะเร็งและการใช้ชีวิตนะคะ เผื่อคุณผู้อ่านจะนำไปพิจารณาและปรับใช้ชีวิตกันดูค่ะ

ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดท่านนี้อาศัยอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัด แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักคนหนึ่งแม้จะอายุเข้า 80 ปีแล้วแต่ก็ยังแข็งแรง ใช้ชีวิตเป็นสาวบ้านนามาตลอดชีวิต ไม่เคยทานวิตามินหรืออาหารเสริมใด ๆ มีผิวสีน้ำตาลเข้มเรียบเป็นมันไม่ได้ใช้โลชั่นบำรุงผิว มีริ้วรอยเหี่ยวย่อนบ้าง แต่ผมยังมีสีดำเงาสวย มีผมหงอกแค่ประปราย ดวงตามีประกายสดใสใจดีน่ารัก คุณยายใช้ชีวิตในสวนปลูกผักไว้กินเองและขายด้วย แล้วก็ยังทำไร่ทำนาทำสวยได้ทั้งที่อายุแปดสิบแล้ว แต่ลูกสาวอายุเพียง 47 กลับเป็นมะเร็งปอด

การที่คุณยายมีสุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดีอยู่เช่นนี้ แล้วก็ดูสบาย ๆ เพราะคุณยายออกกำลังกายทำสวน จึงมีเหงื่อทุกวัน ทั้งถางหญ้า รดน้ำต้นไม้ พรวนดิน ปลูกผักสวนครัวตั้งเกือบครึ่งไร่ ทั้งแตงกวา ผักกาด พริก ถั่วฝักยาว ตะไคร้ ใบโหะรา กะเพราะ ฯลฯ โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย คุณยายใช้ผักในสวนของตัวเองในการทำกับข้าว ที่ใช้น้ำมันน้อยมาก ส่วนใหญ่มักทานเป็นน้ำพริกผักจิ้ม หรือแกง หรือนึ่ง ทานปลาเป็นส่วนใหญ่ เนื้อสัตว์ใหญ่ไม่ค่อยกิน ไม่ใช่ชูรส ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย กินขนมบ้างส่วนใหญ่เป็นกล้วยน้ำว้าในสวน ไม่มีโรคประจำตัว และสวดมนต์ไหว้พระ ใส่บาตรบ่อย ๆ

ซึ่งแตกต่างกันมากกับชีวิตของลูกสาวที่เป็นมะเร็งปอด เพราะลูกสาวมาอยู่ในกรุงเทพ ตระเวนทำงานในโรงงานทั้งกทม.และต่างจังหวัดตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 หย่ากับสามีตั้งแต่ลูกคนที่สองอยู่ในท้อง ทำงานคนเดียวเลี้ยงครอบครัวมาตลอด ไม่ค่อยได้พักผ่อน อดหลับอดนอน กินไม่เป็นเวลา ไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกกินมากนัก ไม่ได้พักผ่อน ต้องทำงานเข้ากะตลอด อยู่เวรล่วงเวลาเป็นแบบนี้กว่า 20 ปีจนส่งลูกจบปริญญาได้ทั้งสองคน ซึ่งก็น่าชื่นชมที่ว่าลูกคนเล็กที่อยู่กรุงเทพ จะลางานมาเป็นเพื่อนแม่เวลาทำเคมีบำบัดเสมอ

จากเรื่องที่เล่ามาดังกล่าว น่าสนใจตรงที่เราเคยเชื่อกันว่าร่างกายหากยิ่งใช้มาก ก็ยิ่งเสื่อมมาก และการมีอายุยืนและมะเร็งอาจถูกกำหนดมาด้วยพันธุกรรมก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เสียทั้งหมด ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตด้วยว่าปฏิบัติต่อตนเองอย่างไร จะเห็นความแตกต่างในเรื่องของสุขภาพได้เลยจากคุณยายและคุณแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งท่านนี้ ในส่วนของผู้ป่วยมะเร็งท่านนี้นั้น เมื่อเข้ารับการรักษาก็ปรับการใช้ชีวิตให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น พักผ่อนมากขึ้น และทานอาหารที่มีประโยชน์ กินให้เรียบง่ายด้วยการกินอาหารที่คุณยายปลูกเอง เมื่อได้รับการรักษาทางเคมีได้หกครั้ง ก้อนที่ปอดก็เล็กลง และพร้อมที่จะรับการผ่าตัดต่อไป ก็ขอภาวนาให้เธอหายป่วยเร็ว ๆ ด้วย