น้ำตาล.. ทานอย่างไรไม่เสี่ยงสุขภาพแย่
ความจริงน้ำตาลเป็นอาหารหมู่เดียวกับข้าว แป้ง ซึ่งก็คือคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งนั่นเอง น้ำตาลนั้นจะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อน้ำหนัก 1 กรัม ตามหลักโภชนาการแล้วแต่ละวันเราสามารถบริโภคน้ำตาลได้ประมาณ 5-10% ของพลังงานที่ได้รับในหนึ่งวัน และควรทานให้น้อยพอ ๆ กับไขมันและโซเดียม โดยหากให้คิดเฉลี่ยออกมาง่าย ๆ เท่ากับว่าคนไทยสามารถบริโภคน้ำตาลได้ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวันนั่นเอง
และโดยมากก็มักจะลืมว่าน้ำตาลเป็นอาหารที่ให้พลังงานไม่ต่างกับข้าว และแป้ง จึงมักปรุงน้ำตาลลงไปในอาหารหรือขนมกันเพิ่มมาก ๆ แม้แต่น้ำตาลเพียงหนึ่งช้อนโต๊ะ (ซึ่งก็น้อยกว่าที่ใส่ในกาแฟเย็นหนึ่งแก้ว) ยังให้พลังงานมากขึ้นเกือบห้าสิบกิโลแคลอรี่ (ใกล้เคียงกับข้าวครึ่งทัพพี) เลยทีเดียว อีกทั้งยังไม่มีวิตามิน แร่ธาตุ หรือเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปจึงนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน ฟันผุ ไขมันในเลือดสูงได้ วันนี้เรามาลองปรับวิถีชีวิตใหม่ ด้วยการทานน้ำตาลให้ถูกวิธีกันค่ะ
– ลดปริมาณน้ำตาลลง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลในกาแฟ ชา หรือนมที่ดื่มอยู่ สามารถใช้น้ำตาลเทียมเข้ามาทดแทนได้ แล้วทานอาหารหวาน ๆ พวกขนมเค้ก เบเกอรี่ ช็อกโกแลตต่าง ๆ ให้น้อยลงด้วย การหักดิบเลิกทานไปเลยอาจทำได้ยาก แต่การลดปริมาณลงจะง่ายกว่า
– ไม่มีน้ำตาลชนิดไหนเป็นน้ำตาลเพื่อสุขภาพ แม้แต่น้ำตาลทรายแดงก็ยังให้พลังงานเท่า ๆ กับน้ำตาลทรายขาวธรรมดา
– หากอยากทานของหวานให้ทานเป็นผลไม้จะดีกว่ากินขนมหวาน เพราะแม้ว่าในผลไม้จะมีน้ำตาบ แต่ก็ยังมาพร้อมกับวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ควรทานไม่เกินวันละ 2 อุ้งมือด้วย การดื่มน้ำผลไม้ก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อมีน้ำตาลมากเกินไปเช่นเดียวกัน
– ลดอาหารจำพวกแป้งลง ไม่ว่าจะเป็น เส้นก๋วยเตี๋ยว มักกะโรนี พาสต้า ขนมปัง เบเกอรี่ต่าง ๆ เพราะแป้งนั้นเมื่อบริโภตคเข้าไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็วพอ ๆ กับการกินกลูโคส แล้วหากเหลือใช้จะถูกเก็บสะสมไว้เป็นไขมันอีกด้วย
– อย่าหลงเชื่อว่าอาหารที่ปราศจากไขมันจะทานแล้วไม่อ้วน เพราะแม้จะไม่มีไขมัน แต่ก็ยังมีน้ำตาลที่มีแคลอรี่สูงอยู่ดี
– สำหรับคนที่ทานสารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือน้ำตาลเทียมมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายอยากทานน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตในภายหลังได้ เรียกว่า โหยความหวานนั่นเองค่ะ แล้วอาจตบะแตกทานของหวานมากเกินพอดี ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็คงหลีกเลี่ยงสารให้ความหวานแทนน้ำตาลด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้ร่างกายเสพติดนิสัยที่ไม่ดีค่ะ
Leave a Reply