กินของหวาน ๆ ทำเด็กสมาธิสั้นจริงหรือ?

กินของหวาน ๆ  ทำเด็กสมาธิสั้นจริงหรือ?

เป็นเวลานานมาแล้วที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายมักจะเชื่อว่าถ้าให้ลูก ๆ ได้กินของหวาน ๆ หรือลูกกวาดต่าง ๆ มาก ๆ เด็ก ๆ จะเริ่มทำตัวไฮเปอร์ จนเหมือนเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น  หรือเข้าใจว่าจะทำให้ลูกตัวเองเป็นเด็กสมาธิสั้นด้วยซ้ำไป  ซึ่งความจริงแล้วเด็กทุกคนมีความซุกซนและกระตือรือร้นเป็นธรรมชาติของเราดยู่แล้ว  การกระโดดโลดเต้นเล่นซนจึงเป็นเรื่องแสนธรรมดาสำหรับเด็กทุกคนนั่นเอง                                                                          

แต่สำหรับผู้ที่จะเป็นโรคสมาธิสั้น หรือโรค ADHD นั้นจะเป็นโรคทางจิตเวชที่เกิดในเด็ก  โดยจะแสดงอาการก่อนอายุ 7 ขวบ  สาเหตุของโรคก็คือความผิดปกติจากการพัฒนาสมองส่วนการควบคุมตนเอง  จึงมีผลกระทบต่อพฤติกรรมที่แสดงออก การเรียน การแสดงอารมณ์และสัมพันธภาพกับผู้อื่น 

ซึ่งในช่วงปี 1996  นั้น มีเหล่าจิตแพทย์ได้ทำการทดสอบกับครอบครัวที่มีลูกอายุ 5-7 ปี  เพื่อทดสอบว่าพ่อแม่ของเด็กคนไหนที่ทราบว่าลูกของตนเองทานอาหารที่มีน้ำตาล และลูกคนไหนบ้างที่ทานอาหารที่ไม่มีน้ำตาล  โดยนักวิจัยได้แบ่งกลุ่มของพ่อแม่ออกเป็นสองกลุ่มก็คือ กลุ่มพ่อแม่ที่คิดว่าลูกของเค้าทานน้ำตาลเข้าไป กับกลุ่มที่พ่อแม่คิดว่าลูกได้ทานอาหารที่ไม่มีน้ำตาล  โดยความจริงแล้วเด็กทั้งหมดจะได้ทานอาหารที่ไม่มีน้ำตาลทั้งสิ้น  แต่พ่อแม่นั้นกลับมองว่าเด็ก ๆ เล่นสนุกสนานเกินเหตุจนเหมือนเด็กที่มีอาการไฮเปอร์แอคทีฟ

แต่อันที่จริงแล้ว  มิได้เป็นเช่นที่พ่อแม่ของเด็กคิดเลย   เพราะจากการศึกษาของนักจิตวิทยาพบว่าเด็กช่วงอายุ 9-11 ปีที่ได้ทานอาหารที่มีน้ำตาลลงไปครึ่งชั่วโมงจะมีความสามารถในการเรียนรู้และมีสมาธิกับการทำงาน มีความจำที่ดี และทำแบบทดสอบได้ดีขึ้นด้วย  แต่ในส่วนของเด็กที่มีอาการสมาธิสั้นจริง ๆ จะไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดได้เลยทั้งสิ้น 

แต่ก็ใช่ว่าพ่อแม่จะควรตามใจให้ลูกทานน้ำตาลมากเกินไป เพราะน้ำตาลจะทำให้แม้จะช่วยให้เด็กมีสมาธิได้มาก แต่ก็อาจก่อปัญหาน้ำหนักตัวเกินและโรคเบาหวานในเด็กได้ด้วยเช่นกัน