โรคเริม.. ติดต่อง่ายหายช้า แต่ป้องกันได้
โรคเริม นั้นแม้จะเป็นโรคที่ได้ยินชื่อกันจนคุ้นหูมาแล้ว แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้จักกว่ามันเกิดขึ้นจากเชื้ออะไร โรคเริมนี้เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากไวรัสเฮอร์ปีส์ พบบ่อยได้บริเวณริมฝีปากและอวัยวะเพศ
เริมบริเวณริมฝีปาก
จะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส ๆ แสบและคันนิดหน่อย เมื่อตุ่มนี้แตกออกและตกสะเก็ดแล้วจะหายไปในเวลาประมาณ 7-10 วัน ก่อนการเกิดตุ่มน้ำใสอาจรู้สึกตึง ๆ และร้อนวูบวาบบริเวณปาก บางรายที่เป็นครั้งแรกจะมีตุ่มน้ำใสจำนวนมาก มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตได้ เมื่ออาการหายไปแล้ว เชื้อไวรัสจะหลบซ่อนภายในปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือเครียด หรือโดนแดดมาก เชื้อไวรัสนี้จะแสดงอาการอีกครั้ง โรคจึงเป็น ๆ หาย ๆ การติดเชื้อเริมจะไม่รุนแรง แต่ในคนที่ภูมิต้านทานต่ำกว่าปกติ อาจมีอาการที่รุนแรงได้
สำหรับการปฏิบัติตนเมื่อเป็นตุ่นน้ำใสขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับยาที่ช่วยรักษาอาการเฉียบพลันให้ดีขึ้น ควรรักษาความสะอาดของร่างกาย และล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการจูบ หรือใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน ยิ่งโดยเฉพาะกับเด็กหรือผู้ป่วย มีภูมิต้านทานต่ำ เพราะจะติดเชื้อได้ง่าย
เริมบริเวณอวัยวะเพศ
เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เคยเป็นเริมมาก่อน หรือกำลังมีอาการของโรคอยู่ อาการจะมีตุ่มน้ำพองใสเป็นกลุ่ม ปวดแสบและคันมาก เมื่อตุ่มน้ำแตกออกจะเป็นแผล และเมื่อแผลหายแล้วไวรัสจะหลบซ่อนในปมประสาท และพร้อมจะกลับมาเป็นได้อีกเมื่อมีความเครียด ร่างกายอ่อนแอ โดนแสงแดด หรือเจ็บป่วยอื่น ๆ รวมไปถึงการเสียดของผิวกับเสื้อผ้า เช่น การสวมกางเกงคับ ๆ ด้วย
หากคู่สามีภรรยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นที่อวัยวะเพศ มักจะคิดมากว่าไปติดจากใครมาจนอาจเป็นปัญหาใหญ่ได้ ขอให้คิดในแง่ดีไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปสงสัยว่าไปนอนกับคนอื่นมา จะยิ่งเครียดกว่าเดิม เพราะโรคเริมนั้นสามารถสัมผัสติดต่อจากที่สาธารณะต่าง ๆ ได้ เช่น โถชักโครกที่ผู้หญิงเป็นเริมมานั่งไว้แล้วไม่ได้เช็ด หรือเพื่อน ๆ ที่เป็นเริ่มแล้วมาใช้ของร่วมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ ลิปสติก หรือช้อน โดยที่เพื่อนเองก็อาจไม่ทราบว่าตัวเองเป็นเริมอยู่
ดังนั้นต้องตักเตือนคนที่เรารู้จักด้วยว่าการเป็นเริมนั้นต้องระมัดระวังตัวเองไม่ให้ไปติดต่อกับคนอื่น และที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือผู้หญิงที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศแล้วคิดจะมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์
สำหรับเด็กเล็ก ๆที่ใคร ๆ อยากอุ้มอยากจูบอยากหอม หากคนในครอบครัวหรือคนรู้จักเป็นเริมที่ริมฝีปากอยู่ ก็ควรหลีกเลี่ยงการติดต่อแบบนี้ เพราะแม้โรคนี้จะรักษาหายแล้ว แต่เชื้อจะยังคงหลบซ่อนอยู่ในปมประสาท ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงทุกวิถีทางที่จะไม่ให้โรคกำเริบขึ้นจนปรากฏขึ้นบนผิวหนัง และไม่ควรทำให้ตัวเองเป็นตัวแพร่เชื้อไปติดผู้อื่นอีกด้วยค่ะ
Leave a Reply