การรักษาโรคภูมิแพ้ และทางเดินหายใจ

การรักษาโรคภูมิแพ้ และทางเดินหายใจ

โรคภูมิแพ้นั้น เป็นโรคที่สมัยนี้คนรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่ท่ามกลางมลพิษเริ่มเป็นกันมากขึ้น โรคภูมิแพ้เป็นภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยากับ “สารก่อภูมิแพ้” เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือขนสัตว์ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ จนร่างกายปล่อยสารที่เรียกว่าฮิสตามีนอกมา จึงทำให้เยื่อบุของร่างกายนั้นเกิดอาการระคายเคืองขึ้น

ซึ่งอาการหลัก ๆ ของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจก็คือ มีน้ำมูกใส จาม คัดจมูก คันจมูก บางท่านก็มีอาการของไซนัสอักเสบ และมีอาการที่ดวงตาด้วย เช่น คันตา ตาแดง ขอบตาคล้ำ หรือบางคนก็มีอาการที่หูก็คือหูอื้อ หรือหูชั้นกลางอักเสบได้ด้วย

ซึ่งการจะหลีกเลี่ยงอาการภูมิแพ้ได้นั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเราแพ้อะไรบ้าง ซึ่งวิธีการที่จะรู้ได้ก็คือการทดสอบภูมิแพ้ โดยแพทย์จะทำการหยดน้ำยาสลัดจากสารก่อภูมิแพ้บนผิวหนังของเราแล้วใช้เข็มสะกิดที่ผิวหนัง ซึ่งการทดสอบนี้จะไม่เจ็บและจะทราบผลภายในระยะเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น และเมื่อเราได้ทราบแล้วว่าเราแพ้สารอะไร ก็จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้นั้นได้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของการรักษาและดูแลตนเองร่วมกันทั้งแพทย์และผู้ป่วยจะเป็นดังต่อไปนี้

1. ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตนเองแพ้ เช่น หากแพ้ขนสัตว์ก็ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้าน หรือหากแพ้ไรฝุ่น ก็ไม่ควรปูพรมในห้องนอน หรือควรทำความสะอาดเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนทุกสองสัปดาห์ หรืออาจเปลี่ยนไปใช้เครื่องนอนที่สามารถกันไรฝุ่นได้

2. หากสัมผัสกับสารก่ออาการแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ทานยาแก้แพ้พวกยาแอนตี้ฮิสตามีนบางชนิด แต่ก็อาจทำให้มีอาการง่วงนอน คอแห้ง ปากแห้ง หรือปัสสาวะลำบากได้ด้วย

3. ใช้ยาพบจมูกสำหรับภูมิแพ้โดยเฉพาะ ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ชนิดปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงของยาได้บ้าง เช่น การระคายเคืองของเยื่อบุจมูก และเลือดกำเดาไหล แต่หากพ่นยาอย่างถูกวิธีจะเกิดผลน้อยมาก

4. การใช้ยาสูดเพื่อรักษาโรคหืดภูมิแพ้ แบ่งออกได้เป็นสองชนิด
– ยาสูดเพื่อการรักษาและควบคุมโรคหืด ชนิดที่ต้องสูดต่อเนื่องทุกวัน ไม่ควรใช้ยาเฉพาะตอนมีอาการ
– ยาสูดสำหรับพกพาเพื่อบรรเทาอาการ ควรนำมาใช้เวลามีอาการหรือใช้ก่อนออกกำลังกายประมาณครึ่งชั่วโมง ไม่ควรใช้เป็นประจำ และสำหรับผู้ป่วยบางรายที่คุมอาการได้ดี จะทำให้ผู้ป่วยใช้ยาชนิดนี้น้อยครั้งมาก

5. การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ ผู้ป่วยจะได้รับการฉีดสารก่อภูมิแพ้ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพและปรับภูมิต้านทาน โดยหมอจะค่อย ๆ เพิ่มขนาดยาให้มากขึ้น ฉีดทุกอาทิตย์เป็นเวลา 4-6 เดือน หลังจากนั้นก็จะปรับเป็นฉีดทุกเดือนเป็นเวลาสามปี อาจมีผลข้างเคียงเป็นอาการของโรคได้บ้าง แต่อาการจะหายไปหลังจากฉีดแล้วภายในครึ่งโมง