ร้อนสุด ๆ แบบนี้ ดูแลสุขภาพให้ดีกันหน่อยดีกว่า
อย่าเพิ่งคิดว่า “ก็แค่หน้าร้อน” เหมือนเคย ๆ ที่แค่ร้อนก็วิ่งเข้าห้องแอร์นะคะ ความร้อนจากอากาศที่ร้อนจัดมากในปีนี้ต้องถือว่ามากกว่าปีอื่น ๆ อยู่ค่ะ และทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าปกติด้วย ดังนั้นมาดูแลสุขภาพให้ดีเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บจากความร้อนกันดีกว่านะคะ
1. แม้อากาศจะร้อนจัด แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัดมากเกินไป เพราะอาจเจ็บป่วยจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันเกินไป ควรดื่มน้ำเย็นแต่พอดี ๆ ดีกว่า อย่าน้อยเวลาดื่มเข้าไปจะได้ไม่จี๊ดขึ้นสมองด้วยนะคะ
2. สำหรับหน้าร้อน ดื่มน้ำเปล่าสะอาด ๆ จะดีที่สุด แล้วควรดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หรือ 8-10 แก้ว เพื่อชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปจากความร้อนของอากาศภายนอก หากอ่อนเพลียก็สามารถดื่มน้ำเกลือแร่ได้เหมือนกัน แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ร่างกายก็จะยิ่งสูญเสียน้ำมากกว่าเดิมอีก นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงหน้าร้อน จะทำให้เมาง่ายและอาจช็อกหมดสติได้ง่าย
3. หากตากแดดมาร้อน ๆ ไม่ควรนอนตากลมหรือตากความเย็น เพราะเมื่ออุณหภูมิร่างกายล่ำลง แต่อุณหภูมิภายนอกยังร้อนอยู่ เหงื่อจะไม่สามารถระบายออกจากร่างกายได้ ทำให้เวียนหัว ไม่สดชื่น หนักหัวและอาจเป็นไข้หวัดได้
4. ตั้งอุณหภูมิของแอร์ให้เย็นแต่พอดี แค่ 25 องศาเซลเซียส นอกจากประหยัดไฟฟ้าแล้ว ยังทำให้ร่างกายปรับตัวได้ทัน ไม่ป่วยอีกด้วย
5. ควรพักผ่อนนอนหลับให้พอเพียงอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง
6. ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก ควรทานอาหารให้ครบหมู่ อีกทั้งยังไม่ควรงดอาหารเช้า จะช่วยให้มื้ออื่น ๆ หิวน้อยลง หากในมื้ออื่นๆ รู้สึกท้องอืดแน่นเฟ้อ แนะนำให้ดื่มน้ำชาสะระแหน่ หรือเปปเปอร์มิ้นท์ ช่วยขับลมและทำให้สบายท้องขึ้นอีกด้วย อีกทั้งอาหารที่เหมาะสมสำหรับหน้าร้อน คืออาหารที่มีธาตุเย็น เช่น ฟักแฟง มะระ สะเดา จะช่วยลดความร้อนในร่างกาย อีกทั้งยังควรทานอาหารที่สดใหม่ เพื่อป้องกันการเกิดโรคทางเดินอาหารด้วย
7. พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา หรืออยู่กลางแจ้งนานเกินไป เพราะการสูญเสียเหงื่อมากจะทำให้เป็นลมแดดได้ง่าย หากต้องการออกกำลังกายควรกีฬาในที่ร่มจะดีกว่า
8. เลือกสวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่าย แห้งง่าย เพื่อร่างกายจะได้เป็นหวัดและไม่เป็นผดผื่นหรืออับชื้นด้วย
9. สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทานอาหารที่สดใหม่ และไม่ควรนอนบนพื้นที่เย็นเกินไป ตลอดจนไม่ควรอาบน้ำเย็นจัดเกินไปด้วย
10. ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีระบบย่อยไม่ดี และมีม้ามบกพร่อง สามบุคคลข้างต้นนี้หากเผชิญอากาศร้อนแล้วดื่มน้ำเย็นมากเกินไป ร่างกายจะสะสมความชื้น ทำให้ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ปวดหัว เป็นไข้ ฯลฯ
11. อากาศร้อนส่งผลให้อารมณ์หงุดหงิดง่าย ซึ่งมักเกิดขึ้นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบ่ายแก่ ๆ ดังนั้นนี่คือช่วงเวลาของการปฏิบัติธรรมเพื่อให้อารมณ์เย็นลง
12. พกสเปรย์บรรเทาผิวจากความร้อนแบบง่าย ๆ ด้วยตนเอง ด้วยการเตรียมน้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด + กลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์ 2 หยด + กลิ่นสเปียร์มิ้นท์ 1 หยด ผสมให้เข้ากันแล้วกรอกใส่ขวดที่มีหัวสเปรย์ พกติดตัวไว้ฉีดได้ทั้งวัน
13. การเผชิญแสงแดดสำหรับผู้ที่แต่งหน้า ควรทาครีมกันแดดด้วยทุกครั้ง เพราะแสงแดดอาจก่อให้เกิดอาการแพ้และทำให้แสบผิวได้ แล้วยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ด้วย การทาครีมกันแดดควรทาซ้ำทุกสองชั่วโมง และควรเป็นการครีมกันแดดที่สามารถป้องกันทั้งรังสียูวีเอ และยูวีบี และควรทาครีมกันแดดแม้จะอยู่ในที่ร่มด้วย สำหรับผู้ที่เล่นกีฬาหรือมีกิจกรรมที่ต้องโดนน้ำ แนะนำให้ใครครีมกันแดดชนิด Waterproof หรือกันน้ำได้ด้วย
14. หากเกิดเหตุไม่คาดฝันจนโดนแดดหรือความร้อนแผดเผา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา แต่ก่อนอื่นให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการนำผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่โดนแดดเผาทั้งหมด หรืออาจแช่ในอ่างน้ำที่หยดออยล์เล็กน้อย หากมีอาการปวดแสบปวดร้อนบนผิวให้ทานยาแอสไพรินระงับอาการปวด สามารถทาผิวด้วยเจลว่านหางจระเข้ สำหรับรักษาผิวที่โดดแดดเผา แต่หากโดนเผามากจนเกรียมหรือไหม้ แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ผิวหนังโดยด่วนค่ะ
อย่าลืมดูแลสุขภาพช่วงหน้าร้อนนี้กันด้วยนะคะ ป้องกันอาการเจ็บป่วยแต่เนิ่น ๆ ค่ะ
Leave a Reply