11 เทคนิคการทานอาหารเพื่อสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

11  เทคนิคการทานอาหารเพื่อสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

การทานอาหารให้ครบถ้วนทั้งห้าหมู่ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและไม่เจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งจะบอกว่าง่าย ๆ แสนง่าย แต่ทำไมบางคนก็ยังเป็นโรคขาดสารอาหารบางประเภทอยู่ดี บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่รู้จักเทคนิคการทานอาหารให้ถูกต้องก็ได้ วันนี้มาลองดูเทคนิคการทานอาหารหลาย ๆ ข้อ ที่สรุปออกมาเป็นกฎง่าย ๆ ให้คุณไปลองทำตามกันนะคะ

1. ต้องทานอาหารเช้า อาหารเช้าจะทำให้คุณมีพลังสดใสไปได้ทั้งวัน ช่วยลดอัตราความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด การทานอาหารเช้ายังทำให้หิวอาหารมื้ออื่น ๆ ลดลงอีกด้วย ซึ่งเวลาในการทานอาหารเช้าควรอยู่ในช่วง เจ็ดโมงถึงไม่เกินเก้าโมงเช้า เพราะเป็นระยะเวลาที่กระเพาะอาหารเริ่มทำงาน หากไม่มีอาหารตกถึงท้องในช่วงนี้ กระเพาะอาหารก็จะไปดูดสารอาหารจากอุจจาระออกมา .. ฟังแบบนี้แล้วจะทานข้าวเช้าไหม?

2. เปลี่ยนไปใช้น้ำมันที่แม้จะมีราคาแพง แต่ดีต่อสุขภาพดีกว่า อย่างน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันดอกทานตะวัน เหล่านี้มีกรดไขมันอิ่มตัวที่มีประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยยับยั้งการก่อมะเร็ง มีเบต้าคาโรทีนและวิตามินเอสูง ป้องกันโรคผิวหนังและริ้วรอยเหี่ยวย่นอื่น ๆ

3. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรขึ้นไป เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ตลอดวัน ช่วยขับถ่ายของเสียง หล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกายให้ชุ่มชื่น รักษาความเข้มข้นของเลือดให้เป็นปกติ โดยให้ดื่มน้ำตามเวลาดังนี้
– ตื่นเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้วหรือประมาณ 400 ซีซี เพราะช่วงนี้ความเข้มข้นของเลือดจะสูงมาก
– สาย ๆ ช่วง 9-10 โมงเช้า ดื่ม 2 แก้ว เพื่อช่วยชำระของเสียออก
– บ่าย ๆ ประมาณบ่ายโมง ถึง บ่ายสอง ดื่ม 3 แก้ว
– ช่วงเย็นถึงค่ำ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม ดื่ม 3 แก้ว
– และช่วงก่อนนอนให้ดื่มอีก 1 แก้ว ถ้าเป็นน้ำอุ่นก็จะยิ่งช่วยชำระล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหารแล้วยังช่วยให้หลับสบายด้วย

4. ดื่มนม หรือทานปลาตัวเล็กตัวน้อย เต้าหู้ โยเกิร์ต ชี้ส ถั่วเหลือง หรือผักใบเขียวอื่น ๆ เพื่อให้แคลเซียมได้เข้าไปเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

5. ลดการทานขนมหวาน ของกินจุบจิบ คุ้กกี้ โดนัท มันฝรั่งทอด หรือเบเกอรี่มันๆ ทั้งหลายออกไปบ้างแล้วหันมาทานผลไม้แทน เพราะมีทั้งวิตามิน แร่ธาตุและกากใยนาน ๆ ชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายมากกว่า แล้วยังไม่อ้วนด้วย

6. ทานธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง เมล็ดดอกทานตะวัน ลูกเดือย ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้ถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะมีเส้นใยเป็นจำนวนมากจึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและควบคุมน้ำตาลในเลือดได้

7. ดื่มชาบ้าง เพราะชามีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ชาดำ ชาอู่หลง ฯลฯ การดื่มชาวันละ 1-3 แก้ว ลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ 30 เลยทีเดียว

8. กินอาหารให้หลากหลาย เช่น ผักผลไม้ต่าง ๆ ก็ควรทานให้ครบสี เช่น มะเขือเทศสีแดง องุ่นหรือมะเขือม่วง ผักใบเขียวเข้มต่าง ๆ แครอทสีส้ม ฯลฯ อย่าทานอะไรซ้ำ ๆ เพราะจะทำให้คุณได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนได้

9. ทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจะทำให้ร่างกายคุณได้รับกรดไขมันโอเมก้าสาม และโปรตีนไขมันต่ำที่มีคุณค่า ช่วยบำรุงเซลล์สมอง มีไขมันน้อย แล้วยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งทั้งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ด้วย

10. ทานถั่วให้ได้สักวันละ 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นการทานเป็นของว่างหรือทานปะปนในอาหาร ทำให้คุณได้รับโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุสำคัญต่าง ๆ ที่ดีต่อร่างกาย แต่ไม่ควรกินมากเกินไป ทั้งยังควรเลือกกินถั่วที่ผ่านการต้ม คั่ว หลีกเลี่ยงชนิดทอดที่มีไขมันสูงด้วยค่ะ

11. นอกจากนี้สำหรับคนที่ต้องการถั่วที่มีสรรพคุณในการต้านมะเร็ง ต้องลองทานถั่วพีแคน ถั่ววอลนัท บราซิลนัท ที่ช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งปอดและต่อมลูกหมก แล้วยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งอีกด้วย

เทคนิคทั้ง 11 ข้อข้างต้นนี้ปฏิบัติตามได้ไม่ยากเลย แต่กลับให้ผลดีกับสุขภาพเป็นอย่างมาก ลองนำไปประยุกต์ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิตของคุณนะคะ