โรคตาดับ โรคอันตราย ดูแลตัวเองไว้ก่อนมองไม่เห็น

โรคตาดับ โรคอันตราย ดูแลตัวเองไว้ก่อนมองไม่เห็น

โรคตาดับ หรือภาวะตาดับคือ โรคหรือภาวะที่สูญเสียการมองเห็นอย่างเฉียบพลัน อาจเกิดกับดวงตาข้างใดข้างหนึ่งหรือสองข้างพร้อมกันก็ได้ มีสาเหตุได้หลายโรค เช่น โรคต้อหินเฉียบพลัน โรคจอประสารทตาหรือโรคเส้นประสาทตา ฯลฯ ซึ่งภาวะตาดับอาจสามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้อีก แต่ต้องรู้ตัวทันทีและได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วด้วย ดังนั้นเราจึงควรหมั่นสังเกตความสามารถในการมองเห็นของตนตัวเองเป็นระยะ ทั้งการมองทั้งสองข้างและมองแบบปิดตามองทีละข้าง เพื่อเปรียบเทียบกัน หรือมีอาการผิดปกติหรือสงสัยว่าตาข้างใดมีปัญหา ต้องทดสอบและรักษาอย่างทันท่วงที

โดยสายเหตุของโรคตาดับเฉียบพลันนี้จะแบ่งตามลักษณะอาการปวดที่พบ ร่วมกับการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นได้อ 2 กลุ่ม ดังนี้
1. สาเหตุตาดับจากโรคที่การมองเห็นแย่ลง โดยไม่มีอาการปวดตาร่วมด้วย
2. สาเหตุตาดับจากโรคที่มองเห็นแย่ลง โดยมีอาการปวดตาด้วย

ซึ่งโรคที่การมองเห็นแย่ลง โดยไม่มีอาการปวดตาร่วมด้วย มีดังนี้
– โรคหลอดเลือดแดงจอประสาทตาอุดตัน (Central retinal artery occlusion) จะทำให้ตาข้างใดข้างหนึ่งมืดลงในเวลาไม่กี่นาที ไม่เจ็บปวด แต่เป็นโรคร้ายแรง ควรพบจักษุแพทย์ภายใน 6-24 ชั่วโมงจึงจะมีโอกาสกลับมามองเห็นได้อีก
โรคจอประสาทตาหลุดลอก (Retinal detachment) คือ การลอกตัวของจอประสาทตา การมองเห็นจะเหมือนมีม่านดำ เริ่มเห็นเป็นเงาดำ บางบริเวณขยายขนาดเงาดำจนอาจมองเห็นไม่สมบูรณ์ อาจเห็นเป็นจุดหรือเส้นดำลอยไปมาจากภาวะวุ้นตาเสื่อม หรือเห็นฟ้าแลบในตาข้างนั้นมาก่อน หรืออาจไม่มีอะไรมาก่อนเลยก็ได้
– โรคเลือดออกใต้จุดรับภาพ (Submacular hemorrhage) เป็นโรคที่อาจเกิดจากอาการจอประสาทตาเสื่อมตามอายุหรือเป็นผู้ที่เคยมีอุบัติเหตุกับดวงตา จนเกิดภาวะเลือดออกใต้จุดรับภาพ การมองเห็นจึงแย่ลงทันที และอาจขยายขนาดจนบังบริเวณที่มองเห็น

ในส่วนของโรคที่การมองเห็นแย่ลงโดยมีอาการปวดตา ได้แก่
โรคต้อหินเฉียบพลัน (Acute glaucoma) นอกจากปวดตาและปวดศีรษะอย่างรุนแรงแล้วจะมีอาการตามัวข้างใดข้างหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่นาทีถึงชั่วโมง ตาจะแดงและมัวลงอย่างมากจนเกิดภาวะความดันในลูกตา บางคนอาจเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียนด้วย ต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาอย่างรวดเร็ว
โรคเส้นประสาทตาอักเสบ (Optic neuritis) ตาจะมัวลงข้างใดข้างหนึ่งหรือสองข้าว ปวดลึก ๆ ในตาเมื่อมีการกลอกตา อาจมองไม่เห็นเป็นบริเวณหรือทุกบริเวณ โดยอาจจะค่อย ๆ ลุกลามจากการมองไม่เห็นบางบริเวณในช่วงแรกก่อน แต่หากให้การรักษาอย่างถูกต้องจะทำให้สามารถกลับมามองเห็นได้

โรคตาดับเป็นอันตรายต่อดวงตามาก มีสาเหตุได้จากหลายโรค ที่จะทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นได้อย่างฉับพลัน ดังนั้น ควรรีบสังเกตและไปพบแพทย์อย่างเร็วที่สุดเพื่ออาจรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้

การดูแลดวงตาให้ถูกวิธี
1. ควรอ่านหนังสือและใช้สายตาในที่ที่มีแสงสว่างพอเพียง อย่าเพิ่งหรือจ้องอะไรนาน ๆ จนปวดตา
2. สวมแว่นกันแดดทุกครั้งที่มีแสงจ้า และโดยเฉพาะขณะทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่อาจมีอันตรายต่อดวงตา แว่นตาควรป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบีได้ 100% แล้วควรสวมแว่นตาทุกครั้งที่มีความเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุต่อดวงตาได้
3. อย่าใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดหน้า หรือเครื่องสำอางก็ตาม
4. หากใช้สายตามาก ๆ ควรหาช่วงเวลาพักผ่อนสายตา ด้วยการมองไปไกล ๆ หรือมองต้นไม้สีเขียวบ้าง ควรกระพริบตาบ่อย ๆ ควรพักสายตาด้วยกฎ 20-20-20 คือ ทุก 20 นาที มองไปไกล 20 ฟุต ประมาณ 20 วินาที เพื่อพักสายตา ป้องกันตาล้า หรือปวดตา
5. นอนหลับอย่างพอเพียงในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
6. การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดถุงใต้ตาและรอยเหี่ยวย่นได้ การใช้ครีมที่เข้มข้นก็ใช้ทำให้ต้องใช้แรงกดในการทา รอบดวงตาจึงเกิดริ้วรอย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
7. หากตาบวมแดง หรืออิดโรย ใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเย็นหรือห่อน้ำแข็งประคบเปลือกตา
8. บริหารลูกตาโดยการกรอกลูกตาไม่มาเป็นวงกลม วันละ 2-3 ครั้ง แล้วนอนหงายหรือหลับตาซักพัก ใช้แตงกวาฝานมาร์กส์ตาไว้ จะทำให้ดวงตามีชีวิตชีวามากขึ้น
9.หากดวงตาเผชิญกับฝุ่นผงให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาล้างตา กลอกตาไปมาไม่ควรขยี้หรือหยอดตาบ่อยเกินไป ยาหยอดตาไม่ควรยืมคนอื่น อีกทั้งให้ยาหยอดตามีอายุแค่ 1 เดือนเท่านั้นหลังการเปิดใช้ หากเกินระยะเวลาอาจปนเปื้อนได้
10. ทานอาหารที่บำรุงดวงตา เช่น แครอท ผลไม้ ผักใบเขียว และกรดไขมันโอเมก้าสาม
11. พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสายตาอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากโรคบางชนิดไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า แต่สามารถตรวจพบได้ก่อนจะลุกลาม
12. หากในครอบครัวมีโรคทางดวงตา ควรต้องระมัดระวังและตรวจเป็นประจำ เพราะสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
13. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ เพราะโรคบางชนิดอาจสร้างปัญหาให้ดวงตาได้ เช่น โรคตาจากเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง
14. งดบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้เกิดโรควุ้นในตาเสื่อม โรคต้อกระจก และทำลายเส้นประสาทตา ทำให้เสี่ยงต่อการตาบอดได้ด้วย
15. ล้างมือให้สะอาดเสมอ หากใช้คอนแทคส์เลนส์ ต้องฝึกฝนและเรียนรู้การใช้ให้ถูกวิธี เพื่อป้องกันดวงตาติดเชื้อ

ดวงตาของเรานั้นมีอยู่คู่เดียว เสียหรือพิการแล้วไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยน จึงควรดูแลและถนอมดวงตาให้อยู่กับเราไปจนแก่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดไปค่ะ