ลดความอ้วน ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้ยาอีกต่อไป

ลดความอ้วน ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้ยาอีกต่อไป

จากกระแสการแพ้ยาลดความอ้วนอย่างรุนแรงนั้น ประเด็นนี้สามารถสะท้อนทัศนคติคนไทยได้เป็นข้อ ๆ ก็คือ คนไทยส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจกับรูปร่าง ขาดความรู้ด้านโภชนาการ ฝันอยากออกกำลังกายแต่ไร้เวลา ส่งผลให้ต้องเผชิญกับ “ภาวะอ้วนลงพุง” สัญญาณอันตรายของความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ดังนั้นวันนี้จะขอนำเอาคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์การกีฬาหรือ อาจารย์สาธิก ธนะทักษ์ โค้ชเป้ง มาให้คำแนะนำในการลดความอ้วนกันนะคะ

หลักของการลดความอ้วนก็คือ
1. ไม่กินหวาน เพราะน้ำหวานทั้งหลายทุกประเภทให้แคลอรี่เท่ากับข้าวถึง 2 มื้อ หากต้องการลดความอ้วนก็ก็ต้องงดน้ำหวานต่าง ๆ
2. ทานครบมื้อและครบหมู่ เพื่อให้ได้สัดส่วนของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตอย่างถูกสัดส่วน และควรจำกัดปริมาณของข้าวด้วย
3. ลดกินเค็ม เพราะความเค็มทำให้เสียสุขภาพและทำให้เป็นโรคอ้วนทางอ้อมได้ อีกทั้งเกลือยังเป็นสาเหตุให้ร่างกายบวมน้ำ และทำให้เกิดเซลลูไล้ท์ได้

สำหรับการออกกำลังกายนั้น โค้ชเป้งได้ให้เคล็ดลับไว้ว่า เราควรออกกำลังกายระดับปานกลางประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายชนิดแอโรบิกต่าง ๆ ทั้งการวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ ในระดับที่ร้องเพลงไม่ไหว หายใจแรง แต่ยังพอพูดได้ แต่สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 300 นาทีหรือวันละ 45 นาทีขึ้นไป ซึ่งอาจแบ่งการออกกำลังกายเป็นครั้ง ๆ ละ 10115 นาทีก็ในแต่ละครั้งต่อวันก็ได้

การออกกำลังกายนั้นควรเป็นกิจกรรมที่ทำไปตลอดทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่ทำในช่วงที่ต้องการลดน้ำหนักเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วก็มีความเป็นไปได้ว่าน้ำหนักจะกลับมาใหม่ได้อีก และสิ่งที่ควรทำนอกเหนือจากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนั้นก็คือการเล่นเวท ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรงขึ้น ช่วยป้องกันกระดูพรุกและทำให้รูปร่างดีได้สัดส่วนด้วย
การลดน้ำหนักความมีความแรงบันดาลใจเป็นของตนเองก่อน เพราะหากไปออกกำลังกายเพราะคนอื่นนั้นมักจะทำไม่ได้นาน ส่วนการกินยาเพื่อลดน้ำหนักหรืออาหารเสริมอื่น ๆ แม้จะลดได้แต่น้ำหนักก็มักจะกลับขึ้นมาอีกเพราะไม่ได้ใช้ความพยายามด้วยตนเอง แต่หากมีแรงบันดาลใจลดน้ำหนักด้วยตนเองแล้วก็จะประสบความสำเร็จในการลดความอ้วนได้