วิธีเลือกครีมกันแดดสำหรับหน้าร้อนนี้!!!
ด้วยแสงแดดที่ร้อนจัด และรังสียูวีที่เข้มข้นขึ้นในพื้นที่ประเทศไทยเวลานี้ ทำให้เวลาไปไหนมาไหนนอกบ้านขาดครีมกันแดดดี ๆ ไม่ได้เลยนะคะ หากไม่ทาครีมกันแดดแล้วเนี่ย ผิวจะไหม้ ดำคล้ำ มีปัญหาผิวหนังเช่น กระ ฝ้า ริ้วรอย จุดด่างดำต่าง ๆ ได้ง่ายมากเลยค่ะ ไม่ใช่แค่เฉพาะสาว ๆ เท่านั้น แต่ชายหนุ่มเองที่มีกิจกรรมนอกสถานที่ก็จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นผิวอาจจะไหม้เกรียมเอาได้ง่าย ๆ แล้วยังดูแก่ก่อนวัยอีกด้วย การเลือกครีมกันแดดก็จำเป็นต้องเลือกให้ถูกวิธี ซึ่งในปัจจุบันนี้มีครีมกันแดดให้เลือกโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ก็คือ
1. ครีมกันแดดทางกายภาพ หรือ Physical Sunscree ทำหน้าที่เหมือนเป็นผิวภายนอกอีกชั้น เมื่อมีรังสียูวีจากแสงแดดมากระทบผิวจะทำการสะท้อนรังสีออกไปจากผิว มีส่วนผสมที่สำคัญได้แก่ ไททาเนียม ไดออกไซด์ , ซิงค์ออกไซด์ ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาสูตรให้ครีมกันแดดชนิดนี้มีเนื้อละเอียดมากขึ้นแล้วและไม่ทิ้งคราบไว้บนผิวแล้ว
2. ครีมกันแดดแบบสารเคมี หรือ Chemical Sunscreen เป็นครีมที่ทำหน้าที่เปลี่ยนรังสียูวีเป็นความรังและสลายตัวไป ซึ่งครีมกันแดดที่ดีควรป้องกันรังสียูวีได้ทั้งรังสียูวีเอ และรังสียูวีบีค่ะ
แล้วค่า SPF คืออะไร เลือกแบบไหนดี?
ค่า SPF หรือ Sun Protection Factor คือค่าความสามารถของครีมกันแดที่จะช่วยให้ผิวไม่โดยแดดไหม้เป็นกี่เท่าของ 30 นาที ตัวอย่างเช่น ผิวของคนไทยเราสัมผัสแสงแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด 30 นาทีผิวจะเริ่มแสบแดงไหม้ แต่เมื่อใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF15 ให้นำ 15×30 = 450 นาที หรือประมาณ 7 ชั่วโมงกว่า ๆ นั่นเอง
เพราะในช่วงเวลาตั้งแต่ 09.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาที่มีแดดแรงและเป็นอันตรายต่อผิวมากที่สุด แม้ทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวแต่ออกแดดทั้งวันผิวก็ยังดำคล้ำได้อยู่ดี แม้คุณจะใช้ครีมกันแดดแบบ SPF15 ก็ตาม เพราะครีมกันแดดเป็นเพียงการกรองรังสียูวีในแสงแดดออกไปเท่านั้น และก็ยังไม่หมดร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย การใช้ครีมกันแดด SPF15 แสงจะยังผ่านเข้าผิวได้ 6.7% ครีมกันแดด SPF 30 แสงผ่านเข้าผิวได้ 3.3 % ทาครีมกันแดด SPF 40 แสงผ่านเข้าผิวได้ 2.5% นอกจากนี้แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไปยังทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงเรื่อย ๆ อีกด้วย และสำหรับในประเทศไทยนั้นครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวได้ดีที่สุดควรมีค่า SPF30 ขึ้นไปค่ะ
Leave a Reply