มารู้จักโรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังที่เป็นโรคเรื้อรัง.. แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ
โรคสะเก็ดเงิน แม้จะไม่ได้พบเห็นบ่อยมากนัก แต่ก็เป็นโรคเรื้อรังที่สร้างปัญหากับชีวิตผู้ป่วยไม่น้อย อาการของโรคจะมีลักษณ์ผิวเป็นปื้นแดง มีสะเก็ตสีเงินวาวและมีขุยหนา โดยบริเวณที่มักเกินโรคก็คือส่วนที่มีความด้านของร่างกายอย่างเช่น หัวเข่า ข้อศอก หรือแม้แต่แผ่นหลัง และแขนขา รวมทั้งหนังศรีษะและเล็บด้วยเช่นกัน โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดทั้ง แต่ปัจจัยที่น่าสงสัยอาจเป็นในเรื่องของพันธุกรรม การติดเชื้อที่ทำให้เกิดการแบ่งเซลล์ผิวหนังเร็วกว่าปกติก็เป็นได้ และจะมีอยู่ร้อยละ 10-30 ที่จะมีอาการปวดข้อนิ้ว ปวดข้อสะโพกและกระดูกสันหลัง อีกทั้งยังพบว่าผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินมักมีอาการอ้วนลงพุงอีกด้วย ด้วยสามารถวินิจฉัยจากความผิดปกติจาก 3 ใน 5 ก็คือมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม.ในเพศชายและ 80 ซม. ในเพศหญิง, มีความดันเลือดมากกว่า 130/85 มม.ปรอท รวมทั้งได้รับยารักษาความดัน, มีระดับของไตรกรีเซอไรด์มากกว่า 150 มก.ต่อเดซิลิตร หรือมีไขมันในเลือดสูงและได้รับยาลดไขมัน, มีระดับไขมันดีน้อยกว่า 40 มก.ต่อเดซิลิตรในเพศชายและน้อยกว่า 50 มก.ต่อเดชิลิตรในเพศหญิง หรือเป็นผู้มีไขมันในเลือดสูงและได้รับยาลดไขมัน รวมไปถึง มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 100 มก.ต่อเดซิลิตรหรือเป็นเบาหวานระดับที่ 2
การเป็นโรคสะเก็ดเงินนั้นไม่ทำให้ถึงแก้ชีวิต ยกเว้นในรายที่มีผื่นมากกว่าร้อยละ 90 ของร่างกายที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ อีกประการที่สำคัญคือโรคสะเก็ดเงินไม่ได้เป็นโรคติดต่อ ผู้ที่เป็นสามารถใช้ชีวิตกับสังคมได้ตามปกติ แต่หากมีอาการมี อาจมีเศษขุยร่วงตามที่นั่งที่นอนซึ่งอาจรบกวนการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยอยู่บ้าง แต่โรคนี้มีการศึกษาพบว่ามีโอกาสถ่ายทอดผ่านไปยังลูกได้ด้วย และเนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่ไม่ทราบสาเหตุจึงยังรักษาให้หายขาดไม่ได้แต่ช่วยกันควบคุมโรคและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ในส่วนของการรับประทานอาหาร ผู้ป่วยสะเก็ดเงินควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม ไวน์ เหล้า และอาหารหมักดองต่าง ๆ รวมทั้งยาบางอย่างเช่น ยาลิเทียม, ยาต้านมาลาเรียล, ยาลดความดันกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ อีกทั้งยาลดต้านความอักเสบแบบไม่ใช่สเตียรอยด์ที่จะกระตุ้นให้เป็นโรคได้ ในส่วนของการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของโรค อาจใช้การทายาสำหรับผู้ที่มีอาการของโรคไม่รุนแรง อาจใช้การทานยา การฉายแสง การฉีดยา ฯลฯ ซึ่งแล้วแต่การประเมินของแพทย์
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงิน ควรดูแลตัวเองด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลตัวเองอย่างให้เครียด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหากเป็นแผลหรือคัน อย่าเกา แต่ให้รีบรักษาผิวโดยด่วน หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เลือกใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยน เลี่ยงสบู่ที่ผสมน้ำหอม และมีค่า pH 5-7 หลังอาบน้ำควรทาครีมหรือโลชั่นน้ำ หรือน้ำมันเพื่อให้ความชุ่มชื่นกับผิวหลังอาบน้ำทันทีด้วย
Leave a Reply