ปรับพฤติกรรมเปลี่ยนนิสัย ห่างไกลโรคกรดไหลย้อน!!!

ปรับพฤติกรรมเปลี่ยนนิสัย ห่างไกลโรคกรดไหลย้อน!!!

เดี๋ยวนี้การใช้ชีวิตในปัจจุบันต่างก็สร้างปัญหาความเครียดขึ้นได้ง่าย ๆ ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ กับร่างกายอย่างไม่อาจหาที่มาได้  และหนึ่งในโรคนั้นก็คือโรคกรดไหลย้อนด้วย  โดยโรคนี้นั้นคือภาวะที่เกิดน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกรดจากในกระเพาะอาหาร  แต่มีบ้างอยู่เหมือนกันที่เป็นด่างจำลำไส้เล็ก  เมื่อกรดไหลย้อนขึ้นมาอาจทำให้เกิดอาการหลอดอาหารอักเสบหรือไม่ก็ได้  ซึ่งสาเหตุของโรคนี้มีได้หลายแบบ เช่น  หลอดอาหารเกิดการคลายโดยโดยไม่ยังไม่กลิน  หรือ ความดันจากหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายลดต่ำลงกว่าปกติ  หรือแม้กระทั่งเกิดการเลื่อนของกระเพาะอาหารเข้าในหลอดอาหารก็ได้  กรดจึงไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมากขึ้น  ทำให้กระเพาะอาหารหรือหลอดอาหารบีบตัวผิดปกติ  แล้วยังอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดและมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมด้วย

โรคนี้พบได้ในทุกช่วงอายุ  โดยเฉพาะผู้ที่พฤติกรรม เช่น อ้วน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กำลังตั้งท้อง เป็นเบาหวาน  เป็นโรคผิวหนังแข็ง ฯลฯ  แล้วยังเกิดจากผู้ที่ใช้ยาลดความดันโลหิตหรือยาต้านโรคซึมเศร้าได้อีกด้วยเช่นกัน  สำหรับเด็กนั้นพบได้ทุกวัน  โดยจะสังเกตเห็นอาการได้คือ มักจะมีการอาเจียนหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย  หอบหืด ไอเรื้อรัง ปอดอักเสบเรื้อรัง  และอาจมีอาการหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย

อาการของโรคกรดไหลย้อนนี้ จะมีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ไล่ขึ้นมาถึงหน้าอก และถึงคอ  มักกำเริบขึ้นมาในช่วงหลังอาหารมื้อหนัก  การยกของหนัก การนอนหงาน การโน้มตัวไปข้างหน้า  รวมทั้งมีอการเรอเปรี้ยวด้วย  ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสองอย่างก็ได้  ซึ่งการรักษานั้นจะทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นด้วยการรักษาแผลในหลอดอาหารและป้องกันผลแทรกซ้อน  ให้คำปรึกษาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  การให้ยา การส่องกล้อง การรักษาและผ่าตัด  ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั่นเอง  โดยทำได้ดังต่อไปนี้

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันและรักษาอาการโรคกรดไหลย้อนก็คือ  หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม กาแฟ ชา น้ำผลไม้ หรืออาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด อาหารที่มีไขมันสูง รวมไปถึงช็อกโกแลตด้วย  ดูแลตัวเองให้มีน้ำหนักตัวอยู่ในมาตรฐาน ทานมื้อเย็นแต่พอดี และยังไม่ควรเข้านอนทันที  ควรทิ้งเวลาไว้อย่างน้อยสามชั่วโมง ทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่ทานบ่อย ๆ  การใส่เสื้อผ้าก็มีส่วนเช่นกัน อย่าใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป แล้วออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ส่วนของการนอนให้นอนตะแคงไปด้านซ้าย และนอนหมอนหนุนหัวให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้วด้วย