โรคไข้หวัด อาการ, การรักษา, วิธีป้องกัน

โรคไข้หวัด อาการ, การรักษา, วิธีป้องกัน

ไข้หวัด (Common cold) เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเดินหายใจส่วนต้น โดยส่วนใหญ่จะติดได้จากทาง จมูก และ คอ ติดต่อได้ง่ายเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน รับเชื้อได้จากละอองเสมหะของผู้ไอ หรือ ติดเชื้อได้จากสิ่งของเครื่องใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จาน-ชาม ที่เปื้อนเชื้อหวัด โรคไข้หวัดมักจะมีการติดต่อกันมากในช่วงฤดูหนาว ที่มีความชื้นต่ำและอากาศเย็น ในส่วนของเด็กเล็กจะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อหวัดน้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัดปีละ 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่อาจจะเป็น 2-4 ครั้งต่อปี ผู้หญิงจะเป็นบ่อยเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็กมากกว่า คนสูงอายุจะเป็นปีละครั้ง

อาการของไข้หวัด
ผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดมักจะมีอาการตัวร้อน เป็นไข้ คัดจมูก น้ำมูกไหลมาก น้ำมูกจะมีลักษณะเป็นใสๆ บางรายอาจมีอาการแสบคอร่วมด้วย ปวดศีรษะเล็กน้อย รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง และอาจจะมีการเบื่ออาหารร่วมด้วย โดยทั่วไปมักจะมีอาการตัวร้อนอยู่ 3-4 วัน เมื่อรับประทานยาลดไข้แล้ว ก็จะสามารถหายไปได้เอง อาจจะมีน้ำมูกมากใน 2-3 วันแรก แต่อาจจะมีอาการไอต่อเป็นสัปดาห์ นานที่สุดอาจถึง 3 เดือน ในเด็กเล็กถ้าไม่ได้รับประทานยา หรือเช็ดตัว อาจจะรุนแรงถึงขั้นเป็นหลอดลมอักเสบ หรือปอดบวมได้

การรักษาของไข้หวัด
การรักษาไข้หวัดที่ดีนั้น ควรพักผ่อนร่างกายให้มากๆ อย่าอาบน้ำหรือทานน้ำเย็น ให้ทานน้ำอุ่นให้มากๆ เพื่อให้เชื้อหวัดขับออกมาทางปัสสาวะ หากมีอาการเบื่ออาหาร ให้รับประทานเป็น น้ำหวาน, น้ำผลไม้ หรือน้ำข้าวต้ม ทีละน้อยแทน ในผู้ป่วยที่มีไข้หรือปวดหัว ให้ทานยาแก้ปวด-ลดไข้ พาราเซตามอล (Paracetamol) ในผู้ใหญ่ให้ทานครั้งละ 1-2 เม็ด เด็กโต ครั้งละ ครึ่ง-1 เม็ด เด็กเล็ก ให้ทานยาชนิดน้ำเชื่อม ครั้งละ 1-2 ช้อนชา หากยังมีไข้สูงอยู่ให้ทานซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง ไม่ควรรับประทานยาปฏิชีวนะ เพราะไม่ได้ช่วยกำจัดเชื้อหวัดซึ่งเป็นเชื้อไวรัสให้หายได้ (ยาปฏิชีวนะจะใช้ในเมื่อมีอาการแทรกซ้อน) ในผู้ป่วยที่มีน้ำมูกไหลมาก ให้ทานยาแก้แพ้ครั้งละ ครึ่ง-1 เม็ด
ถ้าหากมีน้ำเหนียวหรือแห้งติดจมูกมาก ให้ใช้น้ำเกลือนอร์มัล (NSS) หยอดเข้าจมูกข้างนั้น 2-3 หยด หรือใช้น้ำเกลือล้างจมูกข้างที่รู้สึกอึดอันแทนได้

*ในยาแก้ไข้ หรือ ยาแก้หวัด เมื่อรับประทานมากไป อาจจะทำให้มีอาการไอเพิ่มมากขึ้น เพราะยาแก้ไข้ ยาแก้หวัดจะทำให้เสลดเหนียว ขับออกมาได้ยาก สำหรับผู้ที่ไอมากให้งดยาเหล่านี้ แล้วให้ดื่มน้ำอุ่นมากๆ หรือจะจิบเป็นน้ำผึ้งผสมมะนาว เพื่อช่วยให้เสลดออกมาง่ายขึ้น และอาหารไอนั้น จะหายไปเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา

วิธีป้องกันไข้หวัด
รู้กันอยู่แล้วว่าไข้หวัดยังไม่มีวัคซีนที่ป้องกันได้โดยตรง ดังนั้นวิธีการป้องกันตัวเองคือ ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างแรก และควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆดังนี้
1. หลีกเลี่ยงชุมชน หรือสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
2. ใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษทิชชู่ ปิดปากทุกครั้งที่ไอหรือจาม
3. ล้างมือบ่อยๆ หรือ ใช้เจลแอลกอฮอล์ชโลมมือบ่อยๆ
4. ไม่เอามือที่สกปรกเข้าปาก หรือเอามือที่สกปรกขยี้ตาเพราะอาจจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้
5. เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้คนจำนวนมาก ให้สวมหน้ากากปิดจมูก เพื่อป้องกันเชื้อโรค หรือละอองเสมหะเข้าสู่ร่างกาย
6. ไม่ควรใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

อาการอย่างไรที่ควรไปพบแพทย์
ผู้ป่วยที่มีเชื้อไข้หวัดนั้น อาจจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตามมา แต่ก็ไม่บ่อยมากนัก ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อาการของการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ได้แก่ ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรืออาจรุนแรงไปถึงปอดอักเสบ ปอดบวม ซึ่งจะอันตรายมากในเด็กเล็ก หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ไปพบแพทย์โดยทันที

อาการในผู้ใหญ่
1. รับประทานยาแล้วไม่หาย มีไข้สูงทุกวัน ติดต่อกันเกิน 4 วัน
2. มีน้ำมูกเหลืองหรือเขียว นานเกิน 24 ชม.
3. ไอมีเสมหะข้นหรือเขียวทุกครั้งที่ไอออกมา
4. ปวดหัวบริเวณหัวคิ้ว รอบกระบอกตา หรือบริเวณโหนกแก้ม มีอาการปวดหู หูอื้อ
5. มีน้ำมูกไหลเรื้อรังนาน 10-14 วัน
6. มีอาการหายใจลำบากหรือรู้สึกหอบ
7. ซึม นอนซม เบื่ออาหารมาก ปวดท้อง อาเจียน

อาการในเด็ก
ให้นับการหายใจ โดยดูการกระเพื่อมของหน้าท้องและหน้าอก

1. เด็กแรกเกิด – อายุ 2 เดือน หายใจมากกว่านาทีละ 60 ครั้ง
2. เด็กอายุ 2 เดือน – 1 ขวบ หายใจมากกว่านาทีละ 50 ครั้ง
3. เด็กอายุ 1-5 ขวบหายใจมากกว่านาทีละ 40 ครั้ง
4. มีอาการที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ (ตามข้างต้น)
5. ร้องไห้งอแงผิดปกติ

เมื่อไปพบแพทย์แล้ว แพทย์จะตรวจดูหู คอ และฟังปอด ว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ ถ้าหากเป็นไข้หวัดธรรมดา ก็จะทำการดูแลรักษาตามอาการ คือรับประทานยาลดไข้ แต่หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอมลมอักเสบ แพทย์ถึงจะให้ยาปฏิชีวนะ

สำหรับโรคไข้หวัดนี้ เป็นโรคที่สามารถหายเองได้เป็นส่วนใหญ่ เมื่อเป็นไข้หวัด ควรพักผ่อนและรับประทานน้ำอุ่นมากๆ รักษาตามอาการ และหลีกเลี่ยงสถานที่ๆมีการระบาดของเชื้อโรค