การป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยโรคเอดส์

การป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยโรคเอดส์

การป้องกันการติดเชื้อ

เนื่องจากผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงติดเชื้อได้ง่าย ผู้ดูแลจำเป็นต้องป้องกันผู้ป่วยมิให้รับเชื้อโรคซึ่งมีวิธีการดังนี้

1. การล้างมือ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำลายเชื้อโรคให้ล้างมือบ่อยๆ ล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำ ล้างมือก่อนทำอาหาร ก่อนป้อนอาหาร ก่อนอาบน้ำให้ผู้ป่วย ต้องล้างมือทุกครั้งเมื่อจามหรือไอ หรือเอามือจับจมูก ปาก อวัยวะเพศ เมื่อคนดูแลเปลื้อนเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิจะต้องล้างมือทันที วิธีการล้างให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและสบู่ 15 วินาที

2. ปิดแผลของท่าน ถ้าท่านมีแผลหรือตุ่มน้ำที่ผิวหนังหรือ
การอักเสบที่ผิวหนังต้องระวังเป็นพิเศษที่จะนำเชื้อไปติดผู้ป่วยและอาจจะติดเชื้อจากผู้ป่วย ท่านมีแผลต้องใช้พลาสเตอร์ปิดแผลสวมถุงมือ

3. แยกคนไม่สบายออกจากผู้ที่ติดเชื้อ หากมีสมาชิกในครอบครัวปวดเป็นไข้หวัดหรือโรคอื่นต้องแยกจากผู้ที่ติดเชื้อ HIV หากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องสวมหน้ากาก
ปิดปากและจมูก

4. ห้ามคนไข้สุกใสเข้าใกล้ผู้ป่วย ไข้สุกใสอาจจะทำให้ผู้ป่วย HIV เสียชีวิตได้ดังนั้นผู้ที่เป็นไข้สุกใสต้องไม่อยู่ห้องเดียวกับผู้ป่วยจนกระทั่งผื่นแห้ง สำหรับผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยที่เป็นไข้สุกใสหากจะไปเยี่ยมผู้ที่ติดเชื้อ HIV ต้องหลัง 3 สัปดาห์ ผู้ที่เป็นงูสวัดก็ไม่ควรเยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อ HIV และถ้าท่านอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคไข้สุกใสและท่านต้องดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ท่านต้องสวมหน้ากากปิดปากปิดจมูก ล้างมือก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนไข้ และอยู่ในห้องคนไข้ให้น้อยที่สุด ถ้าหากผู้ที่ติดเชื้อ HIV สัมผัสผู้ป่วยไข้สุกใสหรือโรคงูสวัดต้องแจ้งแพทย์ทราบทันที

5. สมาชิกของผู้ที่ติดเชื้อ HIV ควรจะได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบเพื่อป้องกันโรคติดต่อไปยังผู้ป่วยและเพื่อให้แน่ใจอาจจะต้องฉีดกระตุ้นอีกครั้ง วัคซีนที่ต้องฉีดคือ หัด หัดเยอรมัน คางทูม สำหรับวัคซีนป้องกันโปลิโอต้องใช้ชนิดที่เชื้อตายแล้วเท่านั้น

6. ระวังสัตว์เลี้ยงและการทำสวน แม้ว่าการเลี้ยงสัตว์จะให้ความสุขกับผู้ป่วยแต่สัตว์ก็สามารถนำเชื้อไปสู่ผู้ป่วยได้ ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ไม่ควรจะสัมผัสกับกรง กระบะอาหาร อุจาระของสัตว์ น้ำสำหรับเลี้ยงปลา หากผู้ป่วยต้องสัมผัสสัตว์ต้องล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้ง สำหรับผู้ที่ทำความสะอาดกรงหรือกระบะอาหารควรจะสวมถุงมือทุกครั้งและล้างมือทันที สัตว์ที่เลี้ยงก็ต้องหมั่นฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพเป็นประจำ เชื้อโรคสามารถพบได้ในดินดังนั้นต้องสวมถุงมือทุกครั้งที่ทำสวน

7. การซักรีด เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนสามารถซักร่วมกับคนปกติได้โดยใช้ผงซักฟอกธรรมดา แต่ผ้าที่เปื้อนเลือด อุจาระ ปัสสาวะ น้ำอสุจิ ให้ใช้ถุงมือจับใส่ถุงพลาสติกแยกไว้ต่างหากและล้างด้วยน้ำธรรมดาเพื่อล้างเลือดออกก่อนจึงค่อยซักธรรมดาไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ HIV เพราะการซักธรรมดาก็ฆ่าเชื้อได้ สำหรับเครื่องเรือนที่เปื้อนเลือดให้สวมถุงมือแล้วใช้น้ำสบู่ล้างออก

8. การทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดอ่างล้างหน้า ฝักบัว บ่อยๆโดยใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ พื้นบ้านต้องล้างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โถส้วมให้ล้างบ่อยๆโดยใช้น้ำยาธรรมดาล้างทำความสะอาด

9. อาหาร ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV สามารถรับประทานอาหารทุกชนิดยิ่งมากยิ่งดี และควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย แต่ก็มีข้อที่ต้องระวังคือ
– ห้ามดื่มนมที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ
– ห้ามรับประทานไข่ดิบ เช่น mayonnaise, hollandaise sauce, ice cream, fruit drinks
– เนื้อสัตว์ต้องทำให้สุกโดยไม่พบเนื้อแดงในอาหาร
– ไม่รับประทานปลาหรือหอยสุกๆดิบๆ
– สำหรับคนเตรียมอาหารให้ล้างมือก่อนเตรียมอาหารทุกครั้งและล้างทุกครั้งเมื่อทำอาหารชนิดใหม่
– อุปกรณ์ที่ใช้เตรียมอาหารต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหารใหม่
– ห้ามใช้ช้อนที่ชิมอาหารคนอาหาร
– อย่าให้อาหารที่เตรียมไว้ปนเลือดวัวหรือเลือดหมู
– ให้ล้างเขียงทุกครั้งที่จะทำอาหารชนิดใหม่
– ให้ล้างผักสดให้สะอาดและทำให้สุก
– ไม่ต้องแยกช้อน จาน ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ก็พอ
– ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไม่ควรเลียน้ำหรือจานระหว่างปรุงอาหาร
– อาหารร้อนต้องรับประทานขณะร้อน อาหารเย็นต้องรับประทานขณะเย็น

การป้องกันตัวเอง

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV อาจจะนำเชื้อโรคมาติดผู้ดูแลได้ ท่านจะต้องรู้จักป้องกันตัวเอง ตัวอย่างเช่นหากผู้ป่วยติดเชื้อ HIV มีอาการท้องร่วงผู้ดูและต้องสวมถุงมือขณะทำความสะอาดและให้ล้างมือเมื่อทำความสะอาดเสร็จ ถุงมือใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หากมีอาการไอเกินกว่า 1 สัปดาห์ ต้องไปพบแพทย์เพราะอาจจะเป็นวัณโรค หากผู้ป่วยเป็นวัณโรคสมาชิกในครอบครัวควรได้รับการตรวจว่าเป็นวัณโรคหรือไม่แม้ว่าจะไม่มีอาการไอ ผู้ป่วยที่มีตัวเหลืองตาเหลืองต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเป็นตับอักเสบหรือไม่ หากเป็นตับอักเสบผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ผู้ทีอยู่ในบ้านเดียวกันควรจะได้รับวัคซีน

ถุงมือ.
เนื่องจากเชื้อ HIV มีอยู่ในเลือด น้ำเหลือง ปัสสาวะและอุจาระของผู้ป่วยผู้ดูแลต้องระวังการสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้โดยเฉพาะผู้ที่มีแผล การดูแลสิ่งเหล่านี้ ต้องสวมถุงมือทุกครั้ง ถุงมือที่ใช้มีสองชนิดคือ ถุงมือที่ใช้ทางการแพทย์ใช้ในกรณีต้องสัมผัสกับสิ่งที่มีเชื้ออยู่ ใช้แล้วทิ้งเลยอีกชนิดหนึ่งคือถุงมือที่ใช้ตามบ้านไว้ใส่สำหรับทำความสะอาดบ้าน

การจัดการของเสีย
ของเสียของผู้ติดเชื้อ HIV ได้แก่ เลือด น้ำเหลือง ปัสสาวะ อุจาระ อาเจียนควรจะเททิ้งในโถส้วมและกดล้างออกให้หมด แต่ต้องระวังอย่าให้มีการกระเด็นเข้าตาหรือปาก สำหรับผ้าอ้อม ผ้าอนามัย ผ้าทำแผล ควรจะใส่ถุงพลาสติกและปิดให้สนิทแล้วทิ้งในช่องขยะมีพิษอย่าลืมสวมถุงมือ

เมื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้าย
เมื่อโรคดำเนินมาถึงระยะสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นการเสียชีวิต ผู้ดูแลสามารถสังเกตสิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้

– ผู้ป่วยจะนอนทั้งวันปลุกไม่ค่อยตื่น ให้พยายามพูดคุยหรือดูแลขณะที่ตื่น
– ผู้ป่วยจะจำตัวเองไม่ได้ ไม่รู้วันเดือน สถานที่ ให้บอกผู้ป่วยถึงวัน เวลา และบุคคล
– ผู้ป่วยจะควบคุมปัสสาวะและอุจาระไม่ได้ ต้องทำความสะอาดโดยใส่ถุงมือ โรยแป้ง
– ผิวจะเย็นและมีสีคล้ำขึ้นเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดลดลง ต้องห่มผ้าให้อบอุ่น
– ผู้ป่วยจะมีปัญหาเรื่องการได้ยินและการมองเห็น
– ผู้ป่วยจะกระสับกระส่าย ดึงผ้าคลุมเตียง ต้องพูดปลอบและให้ความมั่นใจว่ามีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา
– ผู้ป่วยจะไม่ดื่มน้ำและรับประทานอาหาร ต้องให้ใช้ผ้าเช็ดริมฝีปากเพื่อให้ปากชื้น
– ผู้ป่วยอาจจะไม่ปัสสาวะ
– หายใจเสียงดัง เนื่องจากมีเสมหะอยู่ในคอ การดูแลต้องให้ผู้ป่วยนอนหัวสูง หรือนอนตะแคง ถ้าผู้ป่วยพอกลืนได้ให้น้ำแข็งชิ้นเล็กๆ