Tag: ไวรัส HIV
-
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
—
by
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง จากสถิตินับถึงปีปัจจุบันพบว่าคนไทยนั้นเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีอัตราการตายจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้โรคมะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับที่หนึ่ง แซงหน้าอุบัติเหตุ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคปอดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ รองลงมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้แก่ – ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นั่นคือการได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนจากอาหาร, การได้รับรังสีเอกซ์, รังสียูวีจากแสงแดด, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด, การติดเชื้อไวรัสแพบพิลโลมา, พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ฯลฯ – ปัจจัยจากความผิดปกติภายใน เช่น พันธุกรรม, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะทุพโภชนาการ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสรุปกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อการมะเร็งได้ดังนี้ 1. กลุ่มที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ 2. กลุ่มที่สูบบุหรี่ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทางเดินหายใจ มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง แล้วหากดื่มเหล้าด้วยก็อาจเป็นมะเร็งช่องปากในลำคอได้อีก 3. กลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือทานอาหารที่ปนเปื้อนอะฟลาทอกซิล ที่เป็นเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหาร ทั้งพริกป่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ แล้วถ้าได้รับทั้งสองชนิดก็มีโอกาสในการเป็นมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น 4. กลุ่มที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ และทานอาหารที่ใส่ดินประสิว…
-
การป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยโรคเอดส์
การป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยโรคเอดส์ การป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงติดเชื้อได้ง่าย ผู้ดูแลจำเป็นต้องป้องกันผู้ป่วยมิให้รับเชื้อโรคซึ่งมีวิธีการดังนี้ 1. การล้างมือ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำลายเชื้อโรคให้ล้างมือบ่อยๆ ล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำ ล้างมือก่อนทำอาหาร ก่อนป้อนอาหาร ก่อนอาบน้ำให้ผู้ป่วย ต้องล้างมือทุกครั้งเมื่อจามหรือไอ หรือเอามือจับจมูก ปาก อวัยวะเพศ เมื่อคนดูแลเปลื้อนเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิจะต้องล้างมือทันที วิธีการล้างให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและสบู่ 15 วินาที 2. ปิดแผลของท่าน ถ้าท่านมีแผลหรือตุ่มน้ำที่ผิวหนังหรือ การอักเสบที่ผิวหนังต้องระวังเป็นพิเศษที่จะนำเชื้อไปติดผู้ป่วยและอาจจะติดเชื้อจากผู้ป่วย ท่านมีแผลต้องใช้พลาสเตอร์ปิดแผลสวมถุงมือ 3. แยกคนไม่สบายออกจากผู้ที่ติดเชื้อ หากมีสมาชิกในครอบครัวปวดเป็นไข้หวัดหรือโรคอื่นต้องแยกจากผู้ที่ติดเชื้อ HIV หากเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องสวมหน้ากาก ปิดปากและจมูก 4. ห้ามคนไข้สุกใสเข้าใกล้ผู้ป่วย ไข้สุกใสอาจจะทำให้ผู้ป่วย HIV เสียชีวิตได้ดังนั้นผู้ที่เป็นไข้สุกใสต้องไม่อยู่ห้องเดียวกับผู้ป่วยจนกระทั่งผื่นแห้ง สำหรับผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยที่เป็นไข้สุกใสหากจะไปเยี่ยมผู้ที่ติดเชื้อ HIV ต้องหลัง 3 สัปดาห์ ผู้ที่เป็นงูสวัดก็ไม่ควรเยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อ HIV และถ้าท่านอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคไข้สุกใสและท่านต้องดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ท่านต้องสวมหน้ากากปิดปากปิดจมูก ล้างมือก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนไข้ และอยู่ในห้องคนไข้ให้น้อยที่สุด ถ้าหากผู้ที่ติดเชื้อ HIV สัมผัสผู้ป่วยไข้สุกใสหรือโรคงูสวัดต้องแจ้งแพทย์ทราบทันที 5. สมาชิกของผู้ที่ติดเชื้อ HIV ควรจะได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบเพื่อป้องกันโรคติดต่อไปยังผู้ป่วยและเพื่อให้แน่ใจอาจจะต้องฉีดกระตุ้นอีกครั้ง…
-
รู้จักการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HIV
รู้จักการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HIV วิธีการป้องกันโรคเอดส์ที่ดีที่สุด และทุกๆคนสามารถทำได้ คือ การใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และสิ่งที่ควรเลี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเราด้วย แต่ที่สำคัญ เราต้องลดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคเอดส์ทั้งหมด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และอีกหลายๆอย่าง ในสมัยก่อยผู้ที่เป็นรักร่วมเพศ มักจะมีเปอร์เซ็นต์ติดเชื้อ HIV ได้มากกว่า ผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ในปัจจุบันกลับพบว่า เชื้อ HIV พบได้ใน วัยรุ่น คนทำงาน ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น แม่บ้าน คือสามารถพบได้ทั่วๆไป ดังนั้นทุกคนเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV หากไม่ป้องกันหรือประมาท โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นเรามาดูวิธีการป้องกัน และหลีกเลี่ยงไม่ให้ติดเชื้อ HIV กันดูค่ะ การป้องกันการติดเชื้อ HIV จากเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อ HIV จะสามารถติดต่อทางเยื่อเมือก (mucous membranes)เช่น ปลายอวัยวะเพศชาย ปาก ทวารหนัก ช่องคลอด หากเยื่อเมือกเหล่านี้ได้รับเชื้อ HIV จาก น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นของทั้งหญิงและชาย เลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ – วิธีป้องกันที่ได้ผลมากที่สุดแต่ทำยากที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น…
-
อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์
อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์ อาการและการดำแนินโรคของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์มีกี่ระยะ แต่ละระยะมีอาการอย่างไร โรคเอดส์แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ระยะที่ไม่ปรากฏอาการ (Asymptomatic Stage or Carrier Stage) หรือเรียกว่า ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ สุขภาพจะแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนคนปกติทุกประการ แต่อาจจะเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆเช่นเดียวกับคนปกติอื่นๆ เป็นไข้หวัด ซึ่งจะหายใจได้เหมือนปกติทั่วไป ไม่มีโรคแทรกซ้อน บางคนอาจจะอยู่ในระยะนี้ 2-3 ปีก่อนที่จะเข้าสู่ระยะต่อไปโดยเฉลี่ยประมาณ 7-8 ปีแต่บางคนอาจจะไม่มีอาการนานถึง 10 ปี หรือนานกว่านั้นก็ได้ ผู้ติดเชื้อทุกรายที่อยู่ในระยะนี้แม้จะไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นๆ ได้ ระยะที่ 2 ระยะมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ (Aids Related Complex หรือ ARC) ระยะนี้นอกจากมีเลือดบวกแล้ว ยังอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างปรากฏ ให้เห็นได้ เช่น – ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน – น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวใน 1 เดือน –…
-
ความเป็นมาของโรคเอดส์
ความเป็นมาของโรคเอดส์ ความเป็นมาของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์ค้นพบเมื่อใดโรคเอดส์เป็นโรคที่ค้นพบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพบว่าผู้ป่วยรายแรกที่พบนี้มีอาการป่วยที่แตกต่างจากผู้ป่วยอื่นๆและมีภูมิคุ้มกันปกติ และต่อมาได้พบผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยรายนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2. โรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศใด มีหลักฐานรายงานว่าโรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศ ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเชื่อกันว่ามีผู้ป่วยตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2520 แล้วมีการแพร่กระจายไปยังเกาะไฮติ ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของทวีปอเมริกา ต่อมามีการแพร่ระบาดขึ้นในทวีปอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี และประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก แล้วจึงมีการแพร่กระจาย ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจนถึงปัจจุบันมีรายงานว่ามีมากกว่า 163 ประเทศที่พบโรคเอดส์ในประเทศของตนแล้ว 3. โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศใด โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ.2524) โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯได้รับรายงานจากนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ว่ามีชายหนุ่มรักร่วมเพศ 5 คนป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อแปลกๆ ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าPneumocystis Carinii Pneumonia ภายในอีก 1 เดือนต่อมา มีรายงานจากนิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนียว่ามีชายรักร่วมเพศอีก 26 ราย ป่วยเป็นโรคมะเร็งKaposi’s Sarcoma ซึ่งตามปกติ เป็นในคนอายุมากหรือคนที่มีภูมิคุ้มกันของร่างกายเสียไป และยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายเป็นโรคปอดบวม และติดเชื้อชนิดฉวยโอกาส…
-
ยา Tenofovir ยาต้านโรคเอดส์ ที่สามารถลดความเสี่ยงได้สูงถึง 49%
ยา Tenofovir ยาต้านโรคเอดส์ ที่สามารถลดความเสี่ยงได้สูงถึง 49% การทดลองยาต้านเอดส์ Tenofovir กับกลุ่มความเสี่ยงสูงในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าตัวยาดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงได้สูงถึง 49% นักวิจัยแบ่งอาสาสมัครเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับยา Tenofovir อีกกลุ่มหนึ่งได้รับยาหลอก จากนั้น นักวิจัยติดตามดูว่ามีใครบ้างที่ติดเชื้อ HIV ผลปรากฏว่า ในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก มีผู้ติดเชื้อ 33 คน กลุ่มที่ใช้ยาต้านเอดส์ Tenofovir มี 17 คนที่ติดเชื้อ HIV สำหรับผู้ที่รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ อัตราความเสี่ยงลดได้มากถึง 74% นายแพทย์ขจิต ชูปัญญา หัวหน้าคณะนักวิจัยชุดนี้ กล่าวว่า เมื่อผลการวิจัยยาต้านเอดส์ขนานนี้ แสดงให้เห็นว่าได้ผล รัฐบาลควรจัดหายานี้ให้ประชาชนเพื่อช่วยชีวิต ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่ในทุกประเทศ ประมาณกันว่า 30-50% ของผู้ฉีดยาเสพติดในประเทศไทยติดเชื้อไวรัส HIV ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่เข้าร่วมการทดลองยา รายงานว่า ได้ลดการใช้ยาเสพติด การร่วมใช้เข็มฉีดยา และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการปกป้องลงนักวิจัยให้ความเห็นว่า รายงานดังกล่าวเป็นผลมาจากการได้รับการศึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ ซึ่งยังคงเป็นรูปแบบของการป้องกันที่ได้ผลมากที่สุดรูปแบบหนึ่งอยู่ต่อไป
-
มั่นใจ…เครื่องตรวจเชื้อเอดส์ด้วยตนเอง ปลอดภัยและแม่นยำเกือบ 100 %
มั่นใจ…เครื่องตรวจเชื้อเอดส์ด้วยตนเอง ปลอดภัยและแม่นยำเกือบ 100 % นักวิทยาศาสตร์หลายประเทศ พบว่า ชุดตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วยตัวเองนั้น มีความถูกต้อง ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับแก่ผู้ใช้อย่างมาก ปกติการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีนั้น จะต้องทำการที่โรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ผู้ที่ต้องการตรวจ รู้สึกไม่เป็นส่วนตัว และจะไม่กล้าไปโรงพยาบาลพื่อทำการตรวจ ดังนั้นการที่มีเครื่องตรวจเองได้ที่บ้าน นอกจากจะทำให้ผู้ที่ต้องการตรวจสบายใจ และรู้สึกความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ได้อีกด้วย โดยทั่วไป ชุดตรวจหาเชื้อเอดส์ด้วยตนเองมีความถูกต้องแม่นยำ โดยเฉพาะหากการตรวจดำเนินการตามการกำกับของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ชุดตรวจหาเอดส์ด้วยตนเองจะตรวจหาแอนติบอดี้หรือภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นมาต่อต้านเชื้อเอชไอวี ไม่ได้ตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวีแต่อย่างใด แต่เนื่องจากภูมิต้านทานร่างกายเหล่านี้มักจะไม่ปรากฏทันทีหลังการติดเชื้อ แต่จะสร้างขึ้นหลังจากติดเชื้อไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง การตรวจหาเชื้ออาจจะได้ผลเป็นลบ แต่จากการศึกษาเครื่องตรวจเอชไอวีเองที่บ้านนี้ แพทย์ได้สำรวจพบว่า ถ้าหากผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อมาก่อนหน้านี้ 3 เดือน เมื่อใช้เครื่องตรวจเอชไอวีที่บ้านเอง จะพบว่าผลเลือดเป็นบวก ซึ่งแพทย์ให้การยอมรับว่า เครื่องตรวจหาเอชไอวีนี้ มีผลแม่นยำเกือบ 100% แต่อย่างไรก็ตามแพทย์ก็ยังศึกษาหาจุดบกพร่องในเรื่องนี้อยู่ต่อไป
-
รายงานการศึกษาเรื่องโรค AIDS พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น
รายงานการศึกษาเรื่องโรค AIDS พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น รายงานการศึกษาเรื่องโรค AIDS ใน 187 ประเทศทั่วโลกกล่าวว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ไปสำรวจ มีอัตราการเสียชีวิตเพราะโรคนี้เพิ่มขึ้น สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น หลายประเทศประสบความสำเร็จ แต่อีกหลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งอินโดนีเซีย เวียตนาม และฟิลิปปินส์ดูอนาคตไม่สดใส ลักษณะการแพร่ระบาดของโรค AIDS ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แตกต่างไปจากแอฟริกา โดยเฉพาะในตอนใต้ของทะเลทรายซะฮาร่า ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคโดยทั่วไป ในทุกกลุ่มคน ในขณะที่การแพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีลักษณะที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า การระบาดแบบเข้ม กล่าวคือเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่ม เช่นกลุ่มผู้ให้บริการทางเพศ ผู้ที่ฉีดยาเสพติด และผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน จากการศึกษาในเรื่องนี้พบว่า อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นใน 98 ประเทศ และแม้บางประเทศที่เคยมีปัญหาเรื่องนี้อย่างมาก จะประสบความสำเร็จในการรณรงค์ต่อสู้โรคนี้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรค AIDS กำลังระบาดไปในกลุ่มประชากรที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้มาก่อน เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตเพราะโรคนี้เพิ่มขึ้น คือ อินโดนีเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และเวียดนาม รายงานนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้การศึกษาเกี่ยวกับโรค AIDS การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัส HIV จากมารดาไปสู่บุตรในระหว่างการคลอด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาตรการสำคัญและจะต้องมีเงินทุนให้การสนับสนุนอย่างพอเพียงเพื่อให้การรณรงค์ต่อต้านโรคร้ายนี้ ก้าวหน้าต่อไปได้…
-
ห่วงอนามัย ใส่ยาต้านเอดส์ ช่วยป้องกันผู้หญิงติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ได้
ห่วงอนามัย ใส่ยาต้านเอดส์ ช่วยป้องกันผู้หญิงติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ได้ นักวิจัยพยายามมาหลายปีแล้วที่จะหาทางป้องกันผู้หญิงจากการติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ ความพยายามดังกล่าวรวมถึงถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง และวุ้น หรือ Gel ผสมยาต้านเอดส์ Tenofovir ที่ฆ่าเชื้อได้ เป็นที่พิสูจน์มาแล้วว่า ตัวยาขนานนี้ ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส HIV และมีผู้คนนับล้านๆคนทั่วโลกที่ใช้ยานี้อยู่ ห่วงอนามัยชุดใหม่ขึ้นมาสำหรับการใช้ยาต้านเอดส์ รวมทั้งยังสามารถให้ยาคุมกำเนิดได้ด้วย แต่นักวิจัยผู้นี้บอกว่า ประเภทของยาต้านเอดส์ที่ต้องใช้เป็นปัญหา กล่าวคือ ยา Tenofovir ที่จะใช้มีความแรงมาก ยาขนานนี้เรียกชื่อว่า TDF ย่อมาจาก Tenofovir Disoproxil Fumarate ซึ่งไม่มีความเสถียร และละลายในน้ำได้ด้วย ในอีกด้านหนึ่ง ห่วงอนามัยที่ใช้กันมาเป็นเวลานานแล้วนั้น ทำมาจากสาร Polymer ธรรมดา และไม่เหมาะกับ TDF จึงต้องผลิตห่วงชุดใหม่ขึ้นมา โดยใช้ Polymer ที่จะพองตัวเมื่อถูกของเหลว และปล่อยตัวยาออกมาได้มากกว่าห่วง Silicon ทั่วๆไป นักวิจัยทดลองห่วงอนามัยใหม่นี้กับลิงแสม ผลปรากฏว่า ลิงแสมกลุ่มที่ใช้ห่วงอนามัย ไม่ติดเชื้อเลย ส่วนลิงกลุ่มที่ไม่ใช้ห่วงติดเชื้อ…
-
UNAIDS ค้นพบว่า ผู้ติดเชื้อเอดส์จากทั่วโลก ลดน้อยอย่างมากในช่วง 10 ปี โดยเฉพาะเด็กที่มีมารดาติดเชื้อ HIV
UNAIDS ค้นพบว่า ผู้ติดเชื้อเอดส์จากทั่วโลก ลดน้อยอย่างมากในช่วง 10 ปี รายงานชิ้นใหม่ของ UNAIDS ชี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ทั่วโลกลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปีที่แล้วมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 2 ล้าน 3 แสนคน ลดลงอย่างระดับเมื่อปี ค.ศ 2001 ราว 33% โดยกลุ่มที่มีอัตราผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ลดลงมากที่สุด คือกลุ่มเด็กๆ ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อลดลงถึง 52% ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให่้เด็กที่คลอดจากมารดาที่มีเชื่อ HIV นั้น ลดลง เพราะมีสตรีที่ติดเชื้อ HIV จำนวนมากขึ้นที่ตัดสินใจรับยาป้องกันการแพร่เชื้อ HIV จากแม่ไปสู่ลูกที่อยู่ในครรภ์ ปัจจุบันเกือบ 62% ของสตรีที่ตั้งครรภ์และมีเชื้อไวรัส HIV ต่างได้รับยาต้านเชื้อไวรัส ทำให้บุตรที่คลอดออกมาพร้อมเชื้อไวรัสดังกล่าวมีจำนวนลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับเกือบ 500,000 คนต่อปีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เหลือเพียงประมาณ 260,000 คน และหวังว่าตัวเลขนี้จะเหลือ 0 ในช่วง…