Tag: โรคอาหารเป็นพิษ
-
ปรับพฤติกรรมการกินเลี่ยงอาหารเป็นพิษ
ปรับพฤติกรรมการกินเลี่ยงอาหารเป็นพิษ อาหารเป็นพิษ นั้นหมายถึง อาหารป่วยที่เกิดจากการกินอาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส พยาธิ หรือสารพิษต่าง ๆ รวมไปถึงสารเคมี โลหะหนักและสารพิษในธรรมชาติของสัตว์หรือพืช ไม่ว่าจะเป็น พิษจากเห็ดพิษ หรือพิษจากปลาปักเป้าหรือสาหร่ายบางชนิดด้วย ฯลฯ ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเดือน มี.ค. ถึงเดือน ก.ย. เป็นช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝน เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ก็เจริญเติบโตได้ดี รวมไปถึงเห็ดตามธรรมชาติด้วย อีกทั้งพฤติกรรมการกินที่ชอบกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อย่าง ลาบ ลวกจิ้ม ลู่ เหล่านี้ ก็ทำให้มีผู้ป่วยอาหารเป็นพิษมากเป็นพิเศษ หลังจากกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไปแล้วผู้ป่วยจะเกิดอาหารภายในเวลา 1 ชม. จนถึง 7-8 วัน จะทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไข้ขึ้น เบื่ออาหาร ท้องเดิน บางรายอาจเป็นหนักมากจนสูญเสียน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย จนอาจหมดสติและเสียชีวิตได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันระวังโรคอาหารเป็นพิษ ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ – ทานอาหารที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น หลีกเลี่ยงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ทุกชนิด –…
-
7 เคล็ดลับการทานอาหารนอกบ้านอย่างไร ปลอดภัยจากโรคท้องร่วง
7 เคล็ดลับการทานอาหารนอกบ้านอย่างไร ปลอดภัยจากโรคท้องร่วง ในช่วงไตรมาสแรกของปี หรือในช่วงสามเดือนนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์โสภพ เมฆธน ได้เปิดเผยว่า คนไทยป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษแล้วถึง สามหมื่นกว่าคน อีกทั้งยังมีความเกรงกลัวต่อโรคท้องร่วงอาหารเป็นพิษมากที่สุดเมื่อเดินทางไปข้างนอกบ้าน พร้อมแนะวิธีเลือกอาหารเวลาต้องทานข้าวนอกบ้านให้ห่างไกลจากโรคท้องร่วงด้วย อีกทั้งนพ.โสภณ เมฆธน ยังเปิดเผยอีกว่าจากข้อมูลเฝ้าระวังโรคอาหารเป็นพิษ โดยสำนักระบาดวิทยา ในช่วงสามเดือนแรกของปี พบผู้ป่วยแล้ว 31,627 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 49.79 ต่อแสนประชากร ซึ่งอันดับสูงสุด 5 อันดับแรกคือ อุดรธานี หนองบัวลำภู อุบลราชธานี บุรีรัมย์ จังหวัดตราด ซึ่งโรคอาหารเป็นพิษดังกล่าวเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคหรือสารพิษที่เชื้อโรคสร้างเข้าไป ซึ่งการปนเปื้อนอาจเกิดตั้งแต่แหล่งผลิตอาหาร แหล่งปรุง เสิร์ฟอาหาร หรือแม้กระทั่งปนเปื้อนขณะกิน สำหรับอาการของโรคที่พบได้มากก็คือ มีอาการท้องร่วง อุจจาระเหลว มีอาการปวดท้องมาก คลื่นไส้อาเจียน มีไข้และปวดเมื่อยเนื้อตัว รวมทั้งปวดข้ออีกด้วย ฯลฯ “ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษมักไม่ค่อยมีอาการรุงแรง ยกเว้นได้รับเชื้อชนิดรุนแรง หรือในรายที่เสียน้ำในร่างกายไปมาก รวมไปถึงคนแก่และเด็กเป็นต้น โดยโรคนี้สามารถรักษาตามอาการด้วยการให้สารละลายเกลือแร่ทดแทน และน้ำตาลทางปาก” อธิบดี คร. กล่าว โดยวิธีป้องกันโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษนั้นต้องป้องกันกันที่ต้นเหตุก็คือ…
-
แพทย์เตือนภัยจากสงกรานต์ สาดน้ำเปียกเสี่ยง 5 โรค
แพทย์เตือนภัยจากสงกรานต์ สาดน้ำเปียกเสี่ยง 5 โรค เทศกาลสงกรานต์ นับเป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย ส่วนมากคนไทยมักจะกลับไปกราบไหว้ รดน้ำดำหัว ผู้ใหญ่ เพราะถือเป็นวันปีใหม่ของไทย และยังเป็นเทศกาลเล่นน้ำคลายร้อนอย่างสนุกสนาน แต่จะรู้หรือไม่ว่า มีอันตรายจากโรคต่างๆ ที่จะตามมาทีหลังได้จากการเล่นน้ำสงกรานต์ แล้วยิ่งเป็นน้ำที่ไม่สะอาดด้วยแล้วหละก็ ยิ่งไปตัวนำของโรคที่จะเข้าสูร่างกายเราได้ผ่าน ทาง ตา หู จมูก ปาก หรือแม้กระทั่งการสัมผัส ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสต่างๆ ยิ่งในช่วงอากาศร้อนอบอ้าวด้วยแล้ว ความเสี่ยงในการเกิดโรคก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคอะไรบ้างที่มากับอากาศร้อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเตรียมตัวในการรับมือได้อย่างถูกวิธี 1.โรคอาหารเป็นพิษ โรคท้องร่วง โรคอหิวาตกโรค โรคไวรัสตับอักเสบเอ เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศร้อนและแห้งเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคโดยเฉพาะแบคทีเรียส่งผลให้อาหารที่ทำออกมารับประทานนั้นอาจบูดเสียได้ง่าย โดยเฉพาะพวกแกงที่มีส่วนผสมของกะทิหรือนมด้วยแล้ว รวมถึงการทานอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรค อาจทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน แต่หากมีภาวะขาดน้ำรุนแรงจะทำให้เกิดภาวะช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้ 2.โรคไข้หวัดและปอดอักเสบ เนื่องจากการเล่นน้ำสงกรานต์ทำให้ร่างกายเปียกชื้นเป็นเวลานาน ยิ่งในต่างจังหวัดมีการเล่นติดต่อกันตั้งแต่เช้าถึงเย็นด้วยแล้ว ควรต้องระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำและในกลุ่มเด็ก ไม่ควรสาดแรงจนเกินไปอาจทำให้สำลักน้ำ จนกลายเป็นที่มาของโรคปอดอักเสบได้ หากรู้สึกมีไข้หรือไม่สบายควรงดเล่นน้ำทันที เพราะจะทำให้อาการยิ่งรุนแรงมากขึ้น 3.โรคตาแดง เป็นอีกโรคที่พบบ่อย เมื่อเราเล่นน้ำแล้วน้ำที่ไม่สะอาดที่มีเชื้อโรคปะปน เช่น น้ำในคลอง น้ำบาดาล หากน้ำกระเด็นเข้าตาและมือเราที่ไม่สะอาดอาจไปขยี้ตาก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบบวมแดงขึ้นมาได้ ถ้ามีอาการเคืองตา…