Tag: โรคหืด
-
ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้
ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้ 1. สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ละอองหญ้า วัชพืช ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่นตามที่นอน เฟอร์นิเจอร์ หรือของเล่นตุ๊กตาที่ทำจากนุ่นหรือมีขน เชื้อรา แมลงสาบรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงในบ้าน อาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว ไข่ กุ้ง หอย ปลา ปู งา ถั่วเหลือง สีผสมอาหาร สารกันบูด ฯลฯ 2. สารเคมีและควันระคายเคืองต่าง ๆ เช่น ควันบุหรี่ ท่อไอเสีย ควันธูป ฝุ่นละออง สเปรย์ ยาฆ่าแมลง อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน หรืออากาศเย็นๆ กลิ่นฉุนต่าง ๆ ฯลฯ 3. อย่าปล่อยให้ตัวเองป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็น หวัด ไข้หวัด ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ 4. หากต้องการออกกำลังกาย ควรสูดพ่นยาขยายหลอดลมก่อนสักครึ่งชั่วโมงป้องกันอาการกำเริบ 5. หลีกเลี่ยงความเครียดต่าง ๆ 6.…
-
คุณเป็นโรคหอบหืดหรือเปล่า?
คุณเป็นโรคหอบหืดหรือเปล่า? โรคหอบหืด เป็นการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้หลอดลมเกินการหดเกร็ง มีอาการบวมของเยื่อบุหลอดลม มีมูกหลั่งในหลอดลมมาก ทำให้หลอดลมตีบแคบลง ส่งผลให้หลอดลมของผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ได้ไวกว่าปกติ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคหืดหรือยัง ก็ให้ลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่ามีอาการดังต่อไปนี้บ้างหรือเปล่า – หายใจมีเสียงวี๊ดในอก ฟังคล้ายเสียงนกหวีด – ไอมาก และเป็นมากในช่วงกลางคืน – แน่นหน้าอก หายใจลำบาก และจะมีอาการแน่นหน้าอกเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นได้แก่ ขนสัตว์ต่าง ๆ, กลิ่นสเปรย์ หรือน้ำหอม, ละอองเกสรดอกไม้, เชื้อรา, ไรฝุ่น, ควันบุหรี่, อากาศที่เปลี่ยนแปลงไป, ยาบางชนิดเช่น แอสไพริน, มีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, ออกกำลังกายหนัก, เป็นหวัดเกินกว่า 10 วัน หากคุณมีอาการดังเกล่าวแม้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนเพราะอาจมีเกณฑ์ว่าคุณจะเป็นโรคหืดได้ ในส่วนของการรักษาโรคนี้ในปัจจุบันนั้น โดยหลักจะให้ยาที่ไปลดการอักเสบของหลอดลม เมื่อหลอดลมหายอักเสบก็จะมีอาการหอบหืดน้อยลงไปด้วย ยาลดการอักเสบที่สำคัญก็คือ ยาพ่นสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบของหลอดลม มีความปลอดภัยเพื่อฉีดพ่นในปริมาณที่ต่ำมาก จึงไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะอื่น ๆ และยังมียาฉีดเพื่อบรรเทาอาการ แต่จะใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น
-
ต้นเหตุของโรคหืดในเด็ก
ต้นเหตุของ…โรคหืดในเด็ก โรคหืด เป็นโรคที่สร้างความทรมานทั้งตัวเด็กเอง และผู้ปกครองที่ดูแล เพราะเป็นโรคที่พยากรณ์ได้ยาก แค่กวาดบ้านก็อาจทำให้ลูกเป็นหอบได้แล้ว พออุ้มไปโรงพยาบาลก็พ่นยาหรือกินยาแล้วก็หาย บางวันนอนเล่นตุ๊กตาสะอาด ๆ อยู่ดี ๆ ก็จับหืดอีก ฯลฯ ซึ่งพ่อแม่ส่วนมากไม่รู้ว่าลูกเป็นหืดเพราะอะไรกันแน่ ความจริงแล้วโรคหืดนี้รักษาไม่หายแต่ป้องกันได้ โดยการควบคุมโรคอาจจะใช้เวลาหกเดือนถึง 1-2-3 ปีโดยไม่มีอาการ ปัจจุบันนี้มีเด็กป่วยเป็นโรคหืดมากขึ้น และหอบจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้นทุกวัน โรคหืดนี้ มีสาเหตุมาจากการเป็นคนที่มีภูมิไวเกิน โดยปกติคนเราเมื่อได้รับฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้หรือไรฝุ่น ก็จะไม่มีอาการหอบแต่จะจามไล่สิ่งแปลกปลอมออกสัก 2-3 ครั้งก็หาย แต่คนเป็นคนโรคหืดจะมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมจะหดเกร็ง เยื่อบุจะบวมมีเสมหะที่เหนียวออกมามาก หายใจลำบากทำให้เหนื่อยมาก ถ้าเป็นมากอาจมีเสียงหายใจดังวี๊ดได้ บางรายทำให้หายใจไม่ออกเสียชีวิตได้เหมือนกัน การรักษาโรคหืดนั้น นอกจากยาที่สำคัญแล้ว การปฏิบัติตัวก็สำคัญด้วย ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ รักษาความสะอาดสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้บ้านมีฝุ่น รวมไปถึงที่นอน หมอนมุ้งก็ควรทำความสะอาดให้ปราศจากไรฝุ่น อย่าให้ใครในบ้านมาพ่นบุหรี่ใส่หน้าเด็กโดยตรง และผู้ปกครองควรทำความเข้าใจกับคนในบ้านถึงสาเหตุของโรคและช่วยกันป้องกันแก้ไข อย่าให้เด็กได้สัมผัสควันบุหรี่ หรือวิ่งเล่นจนเหนื่อยหอบมากเกินไป จะทำให้เด็กมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่อาหารการกินก็ตาม ควรทานแต่อาหารที่สะอาดมีต้นกำเนิดที่สะอาด หากไม่สามารถหาผักปลอดสารพิษมาทานได้ ก้ควรปลูกผักผลไม้ทานเอง เพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง โรคหืดไม่กำเริบ ร่างกายส่วนอื่น ๆ…
-
ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันเอาชนะ…โรคหอบหืดในเด็ก
ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันเอาชนะ…โรคหืดในเด็ก ปัจจุบันนี้มีเด็กป่วยด้วยโรคหอบหืดเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี บางรายก็กลับมาเข้าโรงพยาบาลซ้ำ ๆ ด้วยโรคเดิมบ่อย ๆ โรคหืดนี้หากจะให้เด็กมีอาการดีขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือกันในการดูแลทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ปกครองและตัวเด็กเองด้วย – ในส่วนของแพทย์ควรให้ผู้ป่วยทุกคนมีสมุดบันทึกประจำตัว จดบันทึกอาการทุกวัน เช่น วันนี้เป็นหวัดหรือไม่ หอบหรือไม่ หรือขาดโรงเรียนเพราะหอบหรือไม่ มาพ่นยาที่ห้องฉุกเฉอนกี่ครั้ง ซึ่งญาติหรือผู้ปกครองของผู้ป่วยต้องช่วยกรอกด้วย – แพทย์ควรซักประวัติผู้ป่วยให้แน่ชัด ไม่ว่าจะเป็น มีคนสูบบุหรี่ในบ้านหรือไม่ ชอบเล่นกับหมาแมว หมอนข้าง ตุ๊กตายัดนุ่นหรือเปล่า มีญาติสายตรงเป็นโรคอยู่แล้วหรือไม่ สิ่งแวดล้อมภายในบ้านเอื้อให้เกิดการกำเริบของโรคหรือเปล่า – ด้านของเภสัชกรควรสอนให้ผู้ป่วยหรือญาติพ่นยาให้ได้จริง ๆ บางคนเอาไปแล้วก็ไม่พ่น หรือพ่นไม่เป็น อีกทั้งในเด็กเล็กควรใช้กรวยที่เรียกว่า spacer ต่อเข้ากับกระบอก ก็จะช่วยได้มาก เภสัชกรควรให้ผู้ป่วยหรือผู้ปกครองพ่นให้ดูให้แน่ใจว่าพ่นเองเป็นจริง ๆ – ญาติ ๆ และผู้ปกครองควรจัดสิ่งแวดล้อมและดูแลเรื่องอาหาร และพฤติกรรมให้เหมาะสม จัดให้เด็กได้ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ไม่ให้เหนื่อยเกินไป, พาเด็กมาหาหมอตามนัด, ดูแลให้เด็กกินยาหรือพ่นยาอย่างต่อเนื่อง จัดบ้านให้ปราศจากฝุ่น ควันบุหรี่ อย่าให้อากาศเย็นเกินไป – ควรมีการจัดกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันระหว่างผู้ดูแลเด็กผู้ปกครอง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์แนะนำกันเอง ซักถามและให้ความช่วยเหลือ เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ป่วยและทีมรักษา…