Tag: โรควัณโรค

  • 9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!!

    9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!!

    9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!! ในโอกาสครบรอบห้าสิบปีของการประกาศว่า การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญของ โรคมะเร็งปอด และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ล่าสุดมีการรับรองว่า 9 โรคใหม่ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสองจากผู้อื่นได้แก่ 1. มะเร็งตับ 2. มะเร็งลำไส้ 3. วัณโรค ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นวัณโรคมากขึ้น เสียชีวิตมากขึ้นและกลับมาเป็นซ้ำมากขึ้นด้วย 4. เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานถึงร้อยละ 30-40 เทียบกับผู้ที่ไม่สูบ 5. จอประสาทตาเสื่อมซึ่งจะสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น 6. เพดานปากแหว่งตั้งแต่เกิด ในแม่ที่สูบบุหรี่ 7. ตั้งครรภ์นอกมดลูก 8. โรคข้อรูมาตอยด์และภาวะภูมิต้านทานร่างกายลดลง 9. โรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือโรคเส้นเลือดในสมองแตกจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งรายงานฉบับนี้มีความสำคัญมากต่อประเทศไทย เพราะโรคมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นโรคมะเร็งที่ชายไทยเป็นมากที่สุด ในขณะที่เบาหวานและวัณโรคก็เป็นโรคที่คนไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น เป็นผลมากจากการสูบบุหรี่ของชายไทยที่สูงขึ้น งานนี้นอกจากผู้สูบบุหรี่ต้องรักษาสุขภาพของตัวเองแล้ว งานควบคุมยาสูบในประเทศไทยก็ยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งรัฐบาลอย่างจริงจังในการควบคุมด้วย

  • วัคซีนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรฉีด

    วัคซีนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรฉีด

    วัคซีนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรฉีด เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และเด็กในครรภ์ คุณผู้หญิงทุกคนที่กำลังตั้งครรภ์ควรได้รับวัคซีนตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ แต่ก็มีบางรายที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนการตั้งครรภ์ หรือได้รับไม่ครบทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคระหว่างการตั้งครรภ์ได้ วัคซีนที่แนะนำให้ฉีดไว้เพื่อป้องกันสุขภาพได้แก่ – วัคซีนป้องกันไอกรน คอตีบ บาดทะยัก แม้ว่าหญิงตั้งครรภ์ผู้นั้นจะเคยได้รับวัคซีนมาก่อนก็ยังต้องฉีดไว้อยู่ดี ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฉีดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันนี้ไปสู่ลูกด้วยก็คือ ในช่วงอายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์ เป็นวัคซีนที่มีอยู่ครบในเข็มเดียว สาเหตุที่ต้องฉีดเป็นเพราะว่าขณะนี้โรคคอตีบอาจกลับมาระบาดได้อีก โรคไอกรนเด็กมักจะติดเชื้อมาจากแม่ และบาดทะยักก็ยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์และคลอดด้วย – วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพราะเป็นโรคที่ทำอันตรายกับคนท้องได้มากกว่าคนธรรมดา หากติดเชื้อขึ้นมาจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงมากกว่าปกติได้ ทั้งเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ปอดบวม หัวใจวาย 1 เข็มจะป้องกันได้ 1 ปี – วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เป็นวัคซีนสำคัญที่จำเป็นต้องฉีด หากไม่เคยได้รับวัคซีนเลยหรือเจาะเลือดแล้วไม่มีภูมิต้านทานเลย หญิงตั้งครรภ์จะมีโอกาสเสี่ยงได้ง่าย เช่น ได้รับจากสามีที่เป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบบี – หากในบ้านเลี้ยงสัตว์ไว้ ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ถ้าไม่แน่ใจว่ามีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ก็ให้ฉีดวัคซีนได้ทันที นอกจากนี้แล้วยังมีวัคซีนอีกหลายชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ไข้สมองอักเสบ หัด คางทูม หัดเยอรมัน โปลิโอ วัณโรค ฯลฯ…

  • ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต

    ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต

    ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ทุกปีจะมีคนเสียชีวิตจากอาการอัมพาตถึงกว่าปีละหกล้านคน มากกว่าการตายจากโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรียรวมกันเสียอีก เฉพาะในประเทศไทยเองมีคนตายจากโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉลี่ยถึงวันละเกือบ 40 ราย หากคุณไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น ก็ควรมาทำความรู้จักกับโรคนี้และหาวิธีป้องกันไว้ก่อนดีกว่า โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองนี้เป็นโรคที่เกิดจากการที่สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้สูญเสียการควบคุมการทำงานของร่างกาย แบ่งออกเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน และอีกชนิดก็คือหลอดเลือดสมองแตก ผู้ที่มีความเสี่ยงมากก็จะเป็นในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีกรรมพันธ์เป็นโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มคนอ้วน ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำและผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมานี้ควรใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น จะป้องกันได้กว่าร้อยละ 80 ควรปฏิบัติตามดังต่อไปนี้ 1. ควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินมาตรฐาน โดยให้มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ที่ 18.5-22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร 2. ลดอาหารหวาน มัน เค็ม แล้วทานผักและผลไม้ไม่หวาน รวมไปถึงธัญพืชต่าง ๆ ให้มากขึ้น 3. หากตนเองเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคอื่น ๆ ก็ควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำ 4. ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง อาทิตย์ละ 3-4 วัน 5. งดการดื่มเหล้า และการสูบบุหรี่ รวมไปถึงควันบุหรี่มือสองด้วย…

  • ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น

    ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น

    ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแทบทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ ปอด กล่องเสียง ทำให้เกิดมะเร็งได้แทบทุกส่วนดังกล่าว เรื่องไปจนถึงมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งในระบบอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อวัณโรคได้อีกด้วย เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เม็ดเลือดขาวตายเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงมีภูมิต้านทานลดลง อีกทั้งสารพิษจากควันบุหรี่จะทำลายเนื้อปอด การขจัดเชื้อโรคของเยื่อบุหลอดลมและปอดอ่อนแอ หากผู้สูบบุหรี่ได้รับเชื้อวัณโรคที่อาจปลิวปะปนในอากาศก็อาจติดเชื้อจนกลายเป็นวัณโรคได้ แม้จะเป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่และเลิกสูบแล้วก็ตาม ก็ยังพบว่าติดเชื้อวัณโรคได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่เคยสูบเลยอยู่ดี ยิ่งเคยสูบมานานเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากเท่านั้น พบว่าผู้ที่เสียชีวิตจากวัณโรคเป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่ แม้แต่เด็กเล็กที่อยู่ในบ้านที่มีผู้สูบบุหรี่ก็อัตราความเสี่ยงที่จะติดเชื้อวัณโรคมากกว่าเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมทั่วไปด้วย ในส่วนของผู้ป่วยวัณโรคนั้น หากหยุดสูบบุหรี่ ก็จะช่วยให้ร่างกายตอบสนองการรักษาทางการแพทย์ได้ดีขึ้น โรคจะหายเร็วขึ้น อาการไอจะลดลงอย่างรวดเร็ว อัตราการแพร่เชื้อสู่คนใกล้ชิดก็จะพลอยลดลง เนื้อปอดที่ถูกทำลายจากเชื้อวัณโรคจะลดน้อยลง โรคจึงหายเร็วและเป็นปกติได้ในเร็ววัน ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้เป็นวัณโรคแต่อยากเลิกบุหรี่นั้น ก็ขอให้ทำใจให้เข้มแข็ง แล้วเลิกให้หมดก่อนที่ร่างกายจะเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน ทานผักผลไม้ให้มากกว่าเนื้อสัตว์และของมัน ๆ งดเหล้า หรือเข้าร่วมวงที่มีคนสูบบุหรี่ด้วย แล้วปอดท่านจะแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

  • ใช้ชีวิตอย่างไรห่างไกลวัณโรค

    ใช้ชีวิตอย่างไรห่างไกลวัณโรค

    ใช้ชีวิตอย่างไรห่างไกลวัณโรค วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่มนุษย์รู้จักมานานนับพัน ๆ ปีแล้ว เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า มัยโคแบคทีเรีย ทูเบอร์คูโลซิส มีรูปร่างเป็นแท่ง ต้องย้อมสีและส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้นจึงจะมองเห็นได้ สามารถติดเชื้อได้แทบทุกอวัยวะของร่างกาย แต่ส่วนมากจะเกิดขึ้นที่ปอด เชื้อนี้สามารถแพร่กระจายจากได้เวลาผู้ป่วยไอหรือจาม ละอองเสมหะจะฟุ้งกระจาย เมื่อสูดเข้าไปจะเกิดการติดเชื้อและป่วยเป็นวัณโรคได้ วิธีการสังเกตว่าตนเองป่วยเป็นวัณโรคหรือไม่ก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรังนานเกินกว่าสองสัปดาห์ มีเสมหะสีเขียวหลืองหรือเสมหะปนเลือด อ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้เวลาบ่าย ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ในด้านของการรักษานั้น เน้นความสม่ำเสมอของผู้ป่วยที่ต้องกินยาให้ตลอดระยะเวลาการรักษา ทั้งยังต้องมีพี่เลี้ยงเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และสมาชิกในครอบครัวช่วยดูแลการกินยาของผู้ป่วย พร้อมทั้วให้คำแนะนำและให้กำลังใจ คอยแนะนำในระหว่างที่อาจมีอาการแพ้ยา ให้ผู้ป่วยให้ทานยาได้ตลอดระยะเวลาจนกว่าแพทย์จะสั่งหยุดยาเอง ในระยะแรกที่เข้ารับการรักษาเมื่อกินยาวัณโรคไปแล้ว ประมาณสองถึงสามอาทิตย์อาการจะดีขึ้น แต่ยังไม่หายต้องกินยาต่อไปจนกว่าจะครบหกหรือแปดเดือนจึงจะหายสนิท ในระยะที่กำลังรักษาตัวผู้ป่วยวัณโรค ควรป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ด้วยการปิดปากและจมูกทุกครั้งเวลาไอหรือจาม ไม่บ้วนเสมหะทิ้งบนพื้น แต่ควรบ้วนในภาชนะแล้วนำไปทิ้งในโถส้วม ฝังดิน หรือเผาให้เรียบร้อย แม้โรคนี้จะร้ายแรงแต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วย การดูแลเอาใจใส่สุขภาพ จะทำให้ห่างไกลจากวัณโรคและทำให้ผู้ป่วยหายได้เร็วขึ้นด้วยการปฏิบัติตามข้อแนะนำได้แก่ – การกินยาให้หมดทุกเม็ด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง – หากมีอาการแพ้ยาควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที – ทานอาหารที่มีประโยชน์ งดการดื่มสุราและสูบบุหรี่ – พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ – พยายามทำใจให้สบายอย่างเคร่งเครียด…

  • ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค

    ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค

    ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค    แม้ทุกวันนี้วิทยาการต่าง ๆ จะก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว แต่วัณโรคก็ยังเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาของสาธารณสุขทั่วโลกอยู่ดี นั่นเป็นเพราะมีสาเหตุมาจากการระบาดของโรคเอดส์ ความยากจน การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการย้ายถิ่นฐานของประชากร วัณโรคจึงมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากการคาดการณ์นั้นประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นถึงปีละกว่าแสนรายเลยทีเดียว วัณโรค มีต้นเหตุมาจากเชื้อที่ชื่อว่า Mycobacterium tuberculosis มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องดูได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น มักติดเชื้อได้กับอวัยวะทุกส่วนแต่ที่เป็นปัญหาและพบได้บ่อยที่สุดก็คือส่วนของปอดนั่นเอง สามารถติดต่อกันได้โดยเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม จะมีเชื้อออกมาปะปนกับละอองของเสมหะหรือน้ำลาย เมื่อผู้ที่อยู่คลกคลีใกล้ชิดสูดหายใจเข้าไปก็จะทำให้เกิดติดเชื้อวัณโรคได้ โดยผู้ป่วยวัณโรคจะสามารถแพร่กระจายเชื้อออกไปสู่ผู้อื่นได้ถึง 10-15 คนเลยเชียว! อาการที่เป็นที่สังเกตของวัณโรคก็คือ จะไอติดต่อกันถึงสองอาทิตย์ขึ้นไป มีไอออกมากับเสมหะ ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก น้ำหนักลด เบื่ออาหาร และมักมีไข้ตอนบ่าย ๆ เมื่อพบว่ามีอาการเช่นนี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยด่วน แต่ไม่ต้องหนักใจหรือกลัวไปเพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการกินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เป็นเวลาหกถึงแปดเดือน ก็จะทำให้หายขาดจากโรคนี้ได้ องค์การอนามัยโลกเองก็เห็นความสำคัญในการรณรงค์เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการหยุดยั้งวัณโรคนี้ แม้แต่ในส่วนของตัวผู้ป่วยเองก็มีส่วนร่วมในการหยุดยั้งได้โดยการพยายามรักษาตัวให้หายให้เร็วที่สุดและป้องกันการแพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น ในส่วนของผู้ให้บริการทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็น หมอ พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ก็ต้องกระตือรือร้นในการค้นหาตัวผู้ป่วยจากผู้ที่น่าสงสัย รวมไปถึงการให้บริการรักษาให้ได้มาตรฐาน ในส่วนของภาคชุมชนทั้งตัวผู้นำชุมชนและประชาชนเองก็ควรมีควรรู้ความเข้าใจในเรื่องของวัณโรคนี้ ระดมถ่ายทอดความรู้ และนำมาช่วยกันควบคุมโรคภายในชุมชนด้วย จึงจะเป็นการช่วยกันป้องกันและหยุดยั้งการระบาดของวัณโรคได้อย่างเด็ดขาดค่ะ

  • ป้องกันภัยจาก…วัณโรค

    ป้องกันภัยจาก…วัณโรค

    ป้องกันภัยจาก…วัณโรค วัณโรค เป็นโรคติดต่อโรคหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเมื่อรับเชื้อมาแล้วจะยังไม่แสดงอาการทันทีทันใด และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเพราะผลกระทบจากโรคเอดส์ด้วย วัณโรคนี้สามารถแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่คนอื่น ๆได้ด้วยการหายใจ จากผู้ป่วยที่มีเชื้อเสมหะอยู่ ไม่ว่าจะโดยการไอ จาม พูด โดยไม่ยอมปิดปากปิดจมูก เชื้อวัณโรคจะอยู่ในละอองที่ออกมาจากตัวผู้ป่วยและลอยอยู่ หากผู้ที่อยู่ใกล้หายใจเอาละอองฝอยนี้เข้าไปก็จะติดเชื้อวัณโรคและอาจป่วยเป็นวัณโรคได้ ผู้ที่รับเชื้อวัณโรคไม่จำเป็นต้องเป็นวัณโรคทุกคน เพราะทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่ เชื้อนั้นอาจถูกกำจัดออกไปด้วยภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ก็จะเจ็บป่วยเป็นวัณโรค พบว่าผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่ทานยากดภูมิจะมีโอกาสเป็นวัณโรคได้มากกว่าคนทั่วไป วัณโรคนั้นสามารถเป็นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกายได้ แต่ที่พบและเป็นปัญหามากที่สุดก็คือวัณโรคปอด อาการเริ่มต้นนั้นจะมีอาการไอติดต่อกันนานเกินกว่าสองอาทิตย์ รวมทั้งอาจมีอาการอื่นด้วยอาทิเช่น ไอมีเสมะเหลืองเขียว หรือมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก เป็นไข้ เหนื่อยหอบ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยด่วน ซึ่งการรักษาในปัจจุบันนี้ก็มียารักษาที่ใช้เวลารักษา 6-8 เดือนก็หายขาดได้ ขอให้มีวินัยในการกินยาทุกวันและทุกเม็ดให้ครบถ้วนก็สามารถรักษาให้หายได้แล้ว ผู้ป่วยควรรีบรักษาตัวให้หาย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ระหว่างการรักษาควรปิดปากจมูกทุกครั้งที่ไอหรือจาม โดยการใส่หน้ากากอนามัยให้มิดชิด หรือใช้ผ้าปิดปากจมูกทุกครั้งที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ยิ่งประชาชนในประเทศและในโลกนี้ร่วมมือกันหยุดยั้งวัณโรคมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการควบคุมและหยุดยั้งวัณโรคได้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ

  • วัณโรค รักษาหายได้ไม่แพร่เชื้อ

    วัณโรค รักษาหายได้ไม่แพร่เชื้อ

    วัณโรค รักษาหายได้ไม่แพร่เชื้อ วัณโรคเป็นโรคที่เราหลายคนเคยได้ยินชื่อ ได้รู้จักกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่รู้จักแต่ยังหวาดกลัวการแพร่ระบาดหรือการติดเชื้อโรคนี้อยู่ วัณโรคหรือที่เราเรียกกันว่า ทีบีนี้เป็นโรคติดต่อจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Mycobacterium tuberculosis พบมากคือ วัณโรคปอด ติดต่อผ่านกันทางระบบทางเดินหายใจ และฝอยน้ำลายของผู้ป่วย ผู้ที่ได้รับเชื้อวัณโรคไม่จำเป็นต้องป่วยเป็นวัณโรคทุกคน ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและกลไลการต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งพบว่ามีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่ผู้ติดเชื้อวัณโรคจะป่วยเป็นโรคขึ้นมา อาการเริ่มต้นของวัณโรคได้แก่ การไอติดต่อกันเกินกว่าสองอาทิตย์โดยไม่ทราบสาเหตุ รวมไปถึงไอมีเสมหะปนเลือด อยูใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจ หากตรวจพบว่าเป็นวัณโรคจริง ๆ ก็จะเข้าสู่การรักษาต่อไป โรคนี้เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยต้องกินยาทุกวันต่อเนื่องเป็นเวลา 6-8 เดือนจนครบกำหนดรักษา อีกทั้งหากผู้ป่วยได้กินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว จะพบว่าโอกาสที่จะแพร่เชื้อวัณโรคมาสู่คนรอบข้างนั้นจะน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการรักษาวัณโรค วัณโรคนี้ยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งรักษาหายได้เร็ว และเชื้อไม่แพร่กระจายด้วย ดีกับผู้ป่วยเองและคนรอบข้าง ชุมชนและคนในสังคม ผู้ที่สงสัยว่าป่วยเป็นวัณโรคสามารถขอเข้ารับการรักษาได้จากสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านได้ทุกแห่งค่ะ

  • หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง

    หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง

    หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ในระยะที่อากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีฝนตกมากขึ้น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายค่อนข้างต่ำ หรือสุขภาพอ่อนแอเพราะปรับตัวไม่ทัน จึงเจ็บป่วยได่ง่าย ยิ่งโดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางลมหายใจจำพวกโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อกันได้ง่ายนั้น เราจึงยิ่งจำเป็นต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมในการป้องกันโรคติดต่อเหล่านี้นั่นเอง ซึ่งมีวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ – เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มป่วย เริ่มเป็นไข้ ไม่สบายรู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่พอ ยิ่งไม่ควรเข้าไปเสี่ยงในแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นตลาด ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล เพราะว่าร่างกายในช่วงที่มีภูมิต้านทานต่ำจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย – หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือหากไม่สะดวกในการล้างมือจะใช้เจลแอลกอฮอล์มาเช็ดก็ได้ ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ยิ่งหากอยู่ในช่วงที่กำลังมีอาการไอหรือจาม ยิ่มควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพราะหากนำมือไปป้ายตาก็อาจติดเชื้อตาอักเสบได้ หรือไปหยิบจับสิ่งของก็จะเท่ากับเป็นการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีกทาง – หลีกเลี่ยงและอยู่ห่างจากผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหวัด ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง จะช่วยป้องกันเชื้อหวัดและโรคทางเดินหายใจได้ดี – หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ – ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ สองลิตร – หากในบ้านของเรามีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ และควรป้องกันการแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นด้วยการไม่คลุกคลีกับผู้ใกล้ชิด ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเมื่อไอหรือจาม และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วย – สำหรับกลุ่มผู้เสี่ยงสูง…

  • ประโยชน์หลากหลายจากกระเทียมและมะนาว จากประเทศรัสเซียและยูเครน

    ประโยชน์หลากหลายจากกระเทียมและมะนาว จากประเทศรัสเซียและยูเครน

    ประโยชน์หลากหลายจากกระเทียมและมะนาว จากประเทศรัสเซียและยูเครน มะนาวและกระเทียมเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลายนะคะ ลองทำตามสูตรต่อไปนี้แล้วทานเป็นยาอายุวัฒนะดูสิคะ มีสรรพคุณมากมายทางด้านท้ายจะกล่าวต่อไปค่ะ การเตรียมครั้งละมาก ๆ หน่อยก็คือ ใช้มะนาว 50 ลูก+ กระเทียม 1 กิโลกรัม (หรือหากต้องการทำน้อยลงก็ใช้มะนาว 25 ลูก กับกระเทียมครึ่งกิโลกรัมก็ได้) ปอกกระเทียมผสมกับน้ำมะนาวที่คั้นไว้แล้วปั่นรวมกัน หลังจากนั้นตักใส่โหลแก้ว ทิ้งไว้ 1-2 อาทิตย์ หรือจะทานเลยก็ได้ แต่ระวังจะร้อนบริเวณหลอดอาหาร อย่าเอาเข้าตู้เย็น เพราะมะนาวและกระเทียมต่างมีความเป็นกรด เวลาตักทานต้องใช้ช้อนสะอาด ๆ ตักเท่านั้นไม่งั้นจะบูดเสียได้ เมื่อทำเสร็จใหม่ ๆ จะเป็นสีอ่อน แต่หากตั้งทิ้งไว้แล้วสีเหลืองเข้มขึ้นก็ไม่เป็นไร ทานได้ยังไม่เสีย พอใกล้หมดแล้วค่อยทำใหม่ การคัดเลือกกระเทียมมาทำต้องเลือกแบบที่ไม่มีแผลหรือจุดเขียว ๆ ต้องคัดออกให้หมด เพราะถ้าไม่คัดออกจะทำให้สูตรมะนาวกระเทียมนี้เป็นสีเขียว ทานไม่ได้ วิธีการทาน ให้ตักทานวันละ 1 ช้อนคาวตอนก่อนนอน หรือจะทานในมื้อเช้า 1 ช้อนคาว และมื้อเย็น 1 ช้อนคาวก็ได้ ไม่มีโทษอะไร เพราะมะนาวและกระเทียมคืออาหาร หลังการทานควรแปรงฟันด้วยเพราะมีกลิ่นแรง สูตรมะนาวและกระเทียมนี้มีประโยชน์กับร่างกายอย่างอเนกอนันต์…