Tag: โรคมะเร็งลำไส้

  • 9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!!

    9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!!

    9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!! ในโอกาสครบรอบห้าสิบปีของการประกาศว่า การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญของ โรคมะเร็งปอด และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ล่าสุดมีการรับรองว่า 9 โรคใหม่ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสองจากผู้อื่นได้แก่ 1. มะเร็งตับ 2. มะเร็งลำไส้ 3. วัณโรค ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นวัณโรคมากขึ้น เสียชีวิตมากขึ้นและกลับมาเป็นซ้ำมากขึ้นด้วย 4. เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานถึงร้อยละ 30-40 เทียบกับผู้ที่ไม่สูบ 5. จอประสาทตาเสื่อมซึ่งจะสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น 6. เพดานปากแหว่งตั้งแต่เกิด ในแม่ที่สูบบุหรี่ 7. ตั้งครรภ์นอกมดลูก 8. โรคข้อรูมาตอยด์และภาวะภูมิต้านทานร่างกายลดลง 9. โรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือโรคเส้นเลือดในสมองแตกจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งรายงานฉบับนี้มีความสำคัญมากต่อประเทศไทย เพราะโรคมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นโรคมะเร็งที่ชายไทยเป็นมากที่สุด ในขณะที่เบาหวานและวัณโรคก็เป็นโรคที่คนไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น เป็นผลมากจากการสูบบุหรี่ของชายไทยที่สูงขึ้น งานนี้นอกจากผู้สูบบุหรี่ต้องรักษาสุขภาพของตัวเองแล้ว งานควบคุมยาสูบในประเทศไทยก็ยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งรัฐบาลอย่างจริงจังในการควบคุมด้วย

  • ป้องกันมะเร็งแบบไม่ยาก ทำตามได้ทุกคน

    ป้องกันมะเร็งแบบไม่ยาก ทำตามได้ทุกคน

    ป้องกันมะเร็งแบบไม่ยาก ทำตามได้ทุกคน โรคมะเร็งเป็นโรคที่ใคร ๆ ก็หวาดผวา เพราะอาการของโรคจะสร้างความเจ็บปวดทรมานมาก ลุกลามไปอวัยวะอื่น ๆ ได้ และมักคิดกันว่าคงรักษาไม่หาย รอวันตายอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วมะเร็งบางโรคสามารถป้องกันได้และรักษาให้หายขาดได้หากพบตั้งแต่ในระยะแรก ๆ วันนี้จึงขอนำเอาวิธีการป้องกันมะเร็งแบบไม่ฝาก แบบที่สามารถทำตามได้ทุกคนมาฝากกันนะคะ 1. หมั่นตรวจร่างกายบ่อย ๆ สำคัญมาก แม้จะแข็งแรงอยู่แล้ว เพราะคนที่พบว่าตนเองเป็นมะเร็งแล้วต้องตายหรือรักษาไม่ได้นั้นมักเป็นเพราะว่า ผู้นั้นมักตรวจพบว่าตนเป็นมะเร็งในระยะรุนแรงแล้ว ซึ่งตลอดมาก็วินิจฉัยโรคเอง ซื้อยากินเอง อาการเตือนเหล่านี้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยให้ละเอียดก็ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรตรวจสุขภาพทุกปี และในระหว่างนั้นหากมีสิ่งผิดปกติอื่น ๆ ตามร่างกายเช่น มีตุ่มมีเนื้องอก หรือมีเลือดออก ฯลฯ ควรรีบไปตรวจเลยนะคะ 2. เลือกทานอาหารที่ช่วยต้านทานเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งได้แก่ ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระได้ ไม่ว่าจะเป็นผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ผักโขม หัวหอม ผักโขม แอปเปิ้ล แครอท ฯลฯ, ดื่มชาเขียวที่มีสารคาเตชินและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย, น้ำสะอาด ๆ…

  • ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

    ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

    ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีรายงานการพบมะเร็งแล้วในคนกว่าร้อยชนิด และคนไทยเองก็ตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันหนึ่งหนึ่งมาโดยตลอด และยังมีแนวโน้มการป่วยและตายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งทวารหนัก โดยผู้ที่ป่วยกว่าครึ่งจะเป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากมะเร็งเป็นโรคที่ค่อย ๆ คืบคลานอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึวควรดูแลตัวเองให้แข็งแรงจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่สุขภาพดังต่อไปนี้ 1. รักษาตัวไม่ให้อ้วนเกินมาตรฐาน ทานอาหารแต่พอดีและออกกำลังกายเป็นประจำ รักษาสภาพจิตใจให้สดใสสดชื่นทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคมากขึ้น 2. ทานอาหารให้ครบถ้วนให้ได้วิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย แต่ลดอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอดหรือย่าง รวมไปถึงอาหารหมักดอง อาหารแปรรูปใส่ดินประสิว หรือเสี่ยงมีเชื้อรา และอาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ด้วย ควรทานอาหารสด ๆ ผักสด ผลไม้สด นอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระแล้วยังมีกากใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย 3. งดสูบบุหรี่ สามารถลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปอดได้ร้อยละ 60 4. งดสุรา หากสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงในการมะเร็งถึงเก้าเท่าและหากสูบบุหรี่ด้วยอีกจะเพิ่มความเสี่ยงสูงถึง 50 เท่า! 5. มีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อม เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยและมีคู่หลายคนมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น 6.…

  • รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน

    รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน

    รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน สาเหตุการตายของคนไทยนั้นเกิดจากโรคมะเร็งเป็นอันดับหนึ่งมานานหลายปีแล้ว ปีหนึ่ง ๆ กว่าสามแสนรายเลยทีเดียว มะเร็งนั้นก็รู้กันอยู่แล้วว่ารักษาได้ยาก บางรายก็รักษาไม่หาย อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยในการก่อโรคที่ระบุให้แน่ชัดลงไปไม่ได้อีกด้วย แต่การดูแลสุขภาพตัวเองไว้อย่างเหมาะสม เชื่อได้ว่าจะป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ซึ่งการดูแลตัวเองดังกล่าวนั้นได้แก่ 1. เน้นทานอาหารที่สะอาด ปลอดภัย มีไขมันน้อย และมีเส้นใยอาหารสูง ๆ อย่างผักผลไม้ทั้งหลาย ที่ยังให้วิตามินแร่ธาตุกับร่างกาย ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ ไม่ควรทานอาหารปิ้งย่างไหม้เครียด ของหมักดองหรือแปรรูป ตลอดจนอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา และอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างปลาร้า ปลาจ่อมด้วยนะคะ 2. ทำให้การออกกำลังกายเป็นกิจวัตรของคุณ และควบคุมน้ำหนักตัวให้พอดีกับส่วนสูง เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงกระฉับกระเฉง และเสริมภูมิต้านทานให้มีประสิทธิภาพ 3. เลิกสูบบุหรี่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด และงดดื่มสุราด้วยเพราะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง คอหอย มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านมด้วย 4. หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดจ้าในช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00-16.00 น. แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนทุกครั้งด้วยค่ะ 5. ไม่สำส่อนในกามารมณ์ และมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอันเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกด้วย 6.…

  • ตรวจสอบความเสี่ยง…ในการเป็นมะเร็งเต้านม

    ตรวจสอบความเสี่ยง…ในการเป็นมะเร็งเต้านม

    ตรวจสอบความเสี่ยง…ในการเป็นมะเร็งเต้านม รองจากมะเร็งปากมดลูกแล้ว ก็เห็นจะเป็นมะเร็งเต้านมนี่ล่ะค่ะที่พบได้มากที่สุดในเพศหญิง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีความเสี่ยงถึง 1 ใน 9 ของผู้หญิงเลยทีเดียวที่จะเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมนั้นได้แก่ การใช้ฮอร์โมนทดแทนในการรักษา เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทอง, การใช้ยาคุมกำเนิดแบบรับประทานเป็นเวลานาน, ไม่เคยให้นมบุตร, ดื่มเหล้าวันละ 2 แก้วขึ้นไป, อ้วน น้ำหนักตัวมาก, ไม่ออกกำลังกาย รวมทั้งทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไปด้วย และปัจจัยบางประการที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ แต่ก็เป็นปัจจัยในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมด้วย ก็คือ อายุที่มากขึ้น, การมีประจำเดือนมาเร็วก่อนอายุ 12 ปี และหมดช้าคือหลังอายุ 50 ปี, มีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน หรือมีความผิดปกติของยีนส์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่, ไม่เคยมีบุตร หรือมีภายหลังอายุ 50 ปี, เคยตรวจพบว่าเต้านมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในภาวะก่อนเป็นมะเร็งเต้านม รวมทั้งเคยมีประวัติเป็นมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมไปถึงมีคนในครอบครัวเคยเป็นด้วย สำหรับผู้ที่กังวลว่าตนเองจะเข้าข่ายมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมด้วยนั้น การตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ เพื่อหาความผิดปกติ รวมทั้งไปตรวจร่างกายกับแพทย์เป็นประจำก็เป็นการช่วยลดความเสี่ยงและลดความรุนแรงในการเป็นโรคได้อีกวิธีหนึ่ง อีกทั้งการตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะมีอัตราการหายจากโรคมากกว่าผู้ที่ไม่คอยตรวจคลำเต้านมด้วยค่ะ

  • ประโยชน์สุด ๆ ของโยเกิร์ต

    ประโยชน์สุด ๆ ของโยเกิร์ต

    ประโยชน์สุด ๆ ของโยเกิร์ต โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์นมที่หาซื้อมาทานได้ง่าย มีหลายรสชาติให้เลือกนะคะ  แล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายแบบอเนกอนันต์เลยทีเดียว  ในโยเกิร์ตหนึ่งด้วยนั้นประกอบไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงและรักษาร่างกายกว่า 11 ชนิด  ซึ่งแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อร่างกาย ได้แก่   แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไอโอดีน วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 วิตามินบี 12 โปรตีน โพแทสเซียม สังกะสี ทริปโทฟาน และโมลิปเดนัม  การทานโยเกิร์ตเพียงถ้วยเดียว ช่วยเติมเต็มสารอาหารหลาย ๆ ชนิดได้ในคราวเดียว นอกเหนือจากสารอาหารข้างต้นแล้ว ในโยเกิร์ตยังมีเชื้อจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ต่อการย่อยอาหารและมีประโยชน์ต่อลำไส้ ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ตัวเลวในลำไส้ได้ จึงช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีไขมันที่สำคัญชื่อว่า  คอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก ช่วยป้องกันทั้งโรคหัวใจ และลดความเสี่ยงการเกิดโรคเหงือกได้ด้วย ฯลฯ การทานโยเกิร์ตจึงเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เปรียบดั่งเป็นยาอายุวัฒนาที่ดีต่อสุขภาพ  โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะทานได้ง่าย  ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ มีแคลเซียมสูง ช่วยลดความเครียด ป้องกันมะเร็งลำไส้ โรคความดันโลหิตสูง และป้องกันอาการกระดูกพรุนได้  จุลินทรีย์โยเกิร์ตยังช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียแย่ ๆ ในช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมหาโยเกิร์ตมาทานกันนะคะ

  • โรคมะเร็งรังไข่.. ภัยคร่าชีวิตสตรีที่ต้องระวัง

    โรคมะเร็งรังไข่.. ภัยคร่าชีวิตสตรีที่ต้องระวัง

    โรคมะเร็งรังไข่.. ภัยคร่าชีวิตสตรีที่ต้องระวัง มะเร็งทางนรีเวชที่ตรวจพบบ่อยเป็นอันดับหนึ่งก็คงเป็นมะเร็งปากมดลูก  แต่อันดับสองเป็นของมะเร็งรังไข่ที่ก็เป็นอันตรายไม่แพ้กัน หากตรวจพบต้องรีบรักษาในทันที สำหรับโรคมะเร็งรังไข่นี้จะเกิดขึ้นประมาณ 5 คน ต่อประชากรสตรี 1 แสนคนต่อปี   มีผู้ป่วยมะเร็งรังไข่รายใหม่ประมาณ 1,500 คนต่อปี ยิ่งอายุมากก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นไปด้วย มะเร็งรังไข่นั้น จะไม่ค่อยแสดงอาการนัก จะมีอาการแค่ท้องอืดท้องเฟ้อ จึงเข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะไป จึงทำให้คนไข้พบแพทย์ช้า  โรคนี้หากวินิจฉันได้แต่เนิ่น ๆ ก็ยังสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากพบเจอในระยะท้าย ๆ แล้วก็คงหายได้ยาก  ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เป็นโรคนี้ก็คือ มีญาติใกล้ชิดเป็นโรคนี้ หรือเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้หรืออื่น ๆ  โดยเฉพาะหากมีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป หรือชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือนมเนยมาก ๆ โดยอาการของมะเร็งรังไข่ ก็คือ ท้องโตขึ้น เนื่องจากมีก้อนหรือน้ำในท้อง มีตั้งแต่น้ำน้อยจนถึงน้ำมาก มีลูกแตงโมในท้อง  ส่วนของผู้ป่วยจะมีอาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย ขัด เนื่องจากก้อนของรังไข่ไปกดเบียด ผู้ป่วยจะผอมลง เป็นอาการของมะเร็งทั่วไป อาจมีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งจะเห็นได้ว่าอาการของมะเร็งรังไข่ไม่จำเพาะเจาะจงชัดเจน …

  • ผู้ที่ลิ้นไวต่อรสชาด เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ มีโอกาศเป็นไซนัสน้อยกว่าคนปกติ

    ผู้ที่ลิ้นไวต่อรสชาด เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ มีโอกาศเป็นไซนัสน้อยกว่าคนปกติ

    ผู้ที่ลิ้นไวต่อรสชาด เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ มีโอกาศเป็นไซนัสน้อยกว่าคนปกติ นักวิจัยแห่งฟลอริด้ากล่าวว่า มีผู้คนในโลกราว 25 % ที่ไวต่อการรับรสอาหารต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมักเป็นชาวเอเซียและคนผิวดำมากกว่าคนผิวขาว ในขณะที่คนที่ลิ้นค่อนข้างด้านรสนั้นมีอยู่ประมาณ 30 % การไวต่อการรับรสชาดต่างๆ นี้เป็นผลจากจำนวนและความหนาแน่นของปุ่มรับรสที่ลิ้น รวมทั้งจากปัจจัยด้านกรรมพันธ์ด้วย และผู้ที่ลิ้นไวต่อการรับรสมักมีน้ำหนักตัวน้อยและมีรูปร่างผอมกว่าคนทั่วไป เนื่องจากความไวของประสาทสัมผัสเรื่องรสนี้ทำให้ไม่ชอบรสชาดของไขมัน แต่ขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็มักเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าเนื่องจากไม่ค่อยชอบรสขมของผักใบเขียวสีเข้ม นักวิจัยชี้ว่านอกจากปุ่มรับรสที่ลิ้นแล้ว ร่างกายของคนเรายังมีปลายประสาทรับรสอยู่ที่ส่วนอื่นๆ เช่นในลำไส้ ในจมูก ในสมอง และเชื่อว่ามีอยู่ในปอดด้วย นักวิจัยเชื่อว่าการมีปลายประสาทที่ไวเป็นพิเศษต่อการรับรสขมในจมูกช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย และทำให้บุคคลนั้นมีโอกาสติดเชื้อโรคโพรงจมูกอักเสบหรือไซนัสน้อยกว่าคนทั่วไป

  • “Odoreader” เครื่องตรวจค่ามะเร็งจากกลิ่นปัสสาวะ

    “Odoreader” เครื่องตรวจค่ามะเร็งจากกลิ่นปัสสาวะ

    “Odoreader” เครื่องตรวจค่ามะเร็งจากกลิ่นปัสสาวะ นักวิจัยจากสถาบัน Biosensor Technology แห่งมหาวิทยาลัย West of Englan ได้วิจัยและพัฒนาเครื่อง “Odoreader” หรือ “เครื่องตรวจจับกลิ่น” ที่สามารถตรวจค่ามะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้จากกลิ่นปัสสาวะ เครื่อง “Odoreader”  นี้มีเซนเซอร์ตรวจวัดระดับสารเคมีในก๊าซ ที่ขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ ก่อนจะประมวลและแสดงผลได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น โดยสามาระบุว่าบุคคลเจ้าของปัสาวะคนนั้นเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือไม่ เนื่องจากเครื่องมือตรวจกลิ่นหาค่ามะเร็งนี้ ทำงานคล้ายกลับจมูกของสุนัข และ เจ้าเครื่องมือตรวจกลิ่นนี้ น่าจะสามารถนำไปใช้ตรวจสุขภาพของเหล่าคนงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมยางและฉนวนรังสี ซึ่งเป็นอาชีพที่เสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า ก๊าซชนิดไหนที่พบในปัสสาวะและเป็นตัวบ่งชี้ว่าคนนั้นๆป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และเป็นเรื่องที่พวกเขากำลังหาคำตอบอยู่  โดยคิดว่า จะสามารถพัฒนาต่อไปจนสามารถผลิตเครื่องตรวจมะเร็งจากกลิ่นนี้ออกวางจำหน่ายให้ใช้ในวงการแพทย์และโรงพยาบาลได้ในอนาคต  แนวคิดการตรวจหามะเร็งกลิ่นปัสาวะ ยังเปิดทางให้สำหรับการค้นคว้าพัฒนาเครื่องมือตรวจกลิ่นเพื่อตรวจหาค่ามะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ อีกด้วย