Tag: โรคปอดอักเสบ
-
ปวดท้อง ปวดยังไง ขนาดไหนจึงไปหาหมอ?
ปวดท้อง ปวดยังไง ขนาดไหนจึงไปหาหมอ? ปวดท้อง เป็นอาการป่วยพื้นฐานที่พบได้บอ่ย ๆ บางคนก็เป็นอยู่เป็นประจำจนไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดว่าเป็นได้เดี๋ยวก็หายไปเอง แต่หารู้ไม่ว่าอาการปวดท้องบางอย่างเป็นสัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่า ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียดดีกว่า ก่อนที่จะกลายเป็นโรคลุกลามได้ อาการปวดท้องนั้นเกิดได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่ปวดเล็กน้อย จนถึงปวดรุนแรงมาก อาการปวดอาจสัมพันธ์กับอวัยวะโดยตรงเช่น รังไข่ กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ที่พบได้บ่อยจะเป็นการปวดท้องเพราะอวัยวะในทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งจะเป็นโรคใดก็ต้องวินิจฉัยว่าปวดที่ตำแหน่งไหน อาการปวดเป็นอย่างไร รวมไปถึงความรุนแรงและช่วงเวลาที่ปวดท้องด้วย นอกจากนี้ยังมีอาการของโรคอื่น ๆ ที่ทำให้ปวดท้องได้ด้วย เช่น โรคหลอดเลือดขนาดใหญ่ในช่องท้อง อาการหัวใจวายเฉียบพลัน ตับอักเสบ นิ่วในไต โรคลำไส้ โรคหัวใจและปอดอักเสบก็ทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรงได้เช่นกัน หากเป็นเพศหญิงก็ต้องนึกถึงสาเหตุของอวัยวะสืบพันธุ์ต่าง ๆ แม้แต่ผู้ป่วยโรคงูสวัดที่บริเวณท้องก็อาจทำให้ปวดท้องรุนแรงได้ ฯลฯ แต่กว่าครึ่งของคนที่ปวดท้องจะวินิจฉัยหาสาเหตุได้ผล ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งอาจหาสาเหตุไม่ได้ เมื่ออาการทุเลาหายไปก็ยังไม่สามารถทราบสาเหตุที่แน่ชัดอยู่ดี อาการปวดท้องที่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษานั้นก็ได้แก่ – ปวดนานกว่า 6 ชั่วโมงและมีอาการมากขึ้น – ปวดจนกินอะไรไดม่ได้ – ปวดท้องและอาเจียนมากกว่า 3-4 ครั้ง –…
-
ลบความเข้าใจผิดเดิม ๆ เกี่ยวกับโรคอีสุกอีใส
ลบความเข้าใจผิดเดิม ๆ เกี่ยวกับโรคอีสุกอีใส อีสุกอีใสมักจะระบาดกันมาในช่วงอากาศเย็น ๆ หรือฤดูหนาวนะคะ โรคอาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกธรรมดา แต่ว่าความจริงแล้วโรคนี้อาจทำให้เสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตับอักเสบ ปอดอักเสบ แล้วที่เคยเข้าใจว่าหากตอนเด็ก ๆ เคยเป็นแล้วจะไม่กลับมาเป็นอีก เห็นทีต้องบอกว่าเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ยังสามารถกลับมาเป็นได้อีกและร้ายแรงกว่าเดิมด้วย .. ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคอีสุกอีใสอีกหลายข้อเลยทีเดียวค่ะ วันนี้เราจะมาแก้ความเข้าใจผิดนี้กันใหม่นะคะ – อีสุกอีใส มีแต่เด็กเป็น โตแล้วไม่เป็นไรหรอก … ไม่จริงค่ะ เป็นได้อีกทุกเพศ ทุกวัน ตั้งแต่เด็กยันแก่เลยค่ะ – อีสุกอีใส เป็นแล้วไม่เป็นซ้ำ… นี่ก็ผิดอีกเหมือนกัน เพราะปัจจุบันมีอีสุกอีใสสายทีเกิดจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่อีก หากติดเชื้อคนละตัวกันก็สามารถเป็นซ้ำได้ แถมบางคนอาการหนักกว่าตอนเด็ก ๆ หรือมีแผลเป็นด้วยนะ – เป็นแล้วหายเอง ไม่ต้องฉีดวัคซีน.. จริงอยู่ว่าคนส่วนใหญ่จะหายได้เองใน 1-3 สัปดาห์แต่บางคนก็อาจติดเชื้อเพิ่มจากโรคแทรกซ้อนได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยมีอาการปวดหู ไอ หายไจเหนื่อย เจ็บหน้าอก ตาหลือง ตัวเหลือง ปวดศีรษะมาก ซึม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่า ให้รีบไปพบแพทย์ก่อนติดเชื้อแทรกซ้อนที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ –…
-
แพทย์เตือนภัยจากสงกรานต์ สาดน้ำเปียกเสี่ยง 5 โรค
แพทย์เตือนภัยจากสงกรานต์ สาดน้ำเปียกเสี่ยง 5 โรค เทศกาลสงกรานต์ นับเป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย ส่วนมากคนไทยมักจะกลับไปกราบไหว้ รดน้ำดำหัว ผู้ใหญ่ เพราะถือเป็นวันปีใหม่ของไทย และยังเป็นเทศกาลเล่นน้ำคลายร้อนอย่างสนุกสนาน แต่จะรู้หรือไม่ว่า มีอันตรายจากโรคต่างๆ ที่จะตามมาทีหลังได้จากการเล่นน้ำสงกรานต์ แล้วยิ่งเป็นน้ำที่ไม่สะอาดด้วยแล้วหละก็ ยิ่งไปตัวนำของโรคที่จะเข้าสูร่างกายเราได้ผ่าน ทาง ตา หู จมูก ปาก หรือแม้กระทั่งการสัมผัส ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสต่างๆ ยิ่งในช่วงอากาศร้อนอบอ้าวด้วยแล้ว ความเสี่ยงในการเกิดโรคก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคอะไรบ้างที่มากับอากาศร้อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเตรียมตัวในการรับมือได้อย่างถูกวิธี 1.โรคอาหารเป็นพิษ โรคท้องร่วง โรคอหิวาตกโรค โรคไวรัสตับอักเสบเอ เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศร้อนและแห้งเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคโดยเฉพาะแบคทีเรียส่งผลให้อาหารที่ทำออกมารับประทานนั้นอาจบูดเสียได้ง่าย โดยเฉพาะพวกแกงที่มีส่วนผสมของกะทิหรือนมด้วยแล้ว รวมถึงการทานอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรค อาจทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน แต่หากมีภาวะขาดน้ำรุนแรงจะทำให้เกิดภาวะช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้ 2.โรคไข้หวัดและปอดอักเสบ เนื่องจากการเล่นน้ำสงกรานต์ทำให้ร่างกายเปียกชื้นเป็นเวลานาน ยิ่งในต่างจังหวัดมีการเล่นติดต่อกันตั้งแต่เช้าถึงเย็นด้วยแล้ว ควรต้องระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำและในกลุ่มเด็ก ไม่ควรสาดแรงจนเกินไปอาจทำให้สำลักน้ำ จนกลายเป็นที่มาของโรคปอดอักเสบได้ หากรู้สึกมีไข้หรือไม่สบายควรงดเล่นน้ำทันที เพราะจะทำให้อาการยิ่งรุนแรงมากขึ้น 3.โรคตาแดง เป็นอีกโรคที่พบบ่อย เมื่อเราเล่นน้ำแล้วน้ำที่ไม่สะอาดที่มีเชื้อโรคปะปน เช่น น้ำในคลอง น้ำบาดาล หากน้ำกระเด็นเข้าตาและมือเราที่ไม่สะอาดอาจไปขยี้ตาก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบบวมแดงขึ้นมาได้ ถ้ามีอาการเคืองตา…
-
อัตราความเสี่ยง โรคปอดอักเสบสูงขึ้น ในผู้สูงอายุ
อัตราความเสี่ยง โรคปอดอักเสบสูงขึ้น ในผู้สูงอายุ ปัจจุบันโรคปอดอักเสบ พบมากขึ้นในผู้สูงอายุ แพทย์ชี้ ให้รีบเข้ารับการบำบัด หากผู้สูงอายุได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ภายใน 24 ชม. นายเนลสัน แมนเดลล่า อดีตประธานาธิบดีของอาฟริกาใต้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเมื่อต้นเดือนมิถุนายนจากการติดเชื้อในปอด ซึ่งหวนกลับมาหลายครั้งนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เขาเริ่มมีปัญหาเรื่องการติดเชื้อและปอดอักเสบระหว่างที่ถูกจำคุกอยู่ 27 ปีในช่วงที่อาฟริกาใต้มีรัฐบาลซึ่งใช้นโยบายแบ่งแยกกีดกันผิว อย่างไรก็ตามนายแพทย์ Bohdan Pichurko ผู้เชี่ยวชาญที่ Cleveland Clinic ได้ชี้ว่า สาเหตุของการติดเชื้อในปอดนี้อาจมาจากทั้งเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียก็ได้ และการติดเชื้อบ่อยครั้งจะทำให้ปอดของผู้ป่วยสูงอายุอ่อนแอลง รวมทั้งสร้างปัญหากดดันต่อระบบอวัยวะอื่นของร่างกาย เช่น ตับ ไต และทำให้อาการเบาหวานแย่ลงด้วย ผู้ป่วยสูงอายุมีความเสี่ยงสูงจากโรคดังกล่าวเพราะเชื้ออาจดื้อยา อย่างไรก็ตามถึงแม้อายุจะเป็นปัจจัย แต่เรื่องที่สำคัญกว่าคือผู้สูงอายุควรเลี่ยงโอกาสการติดเชื้อจากไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด และควรเข้ารับการบำบัดภายใน 48 ชั่วโมงทันทีหากได้รับเชื้อเข้าไป