Tag: โรคปวดหลัง

  • ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ

    ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ

    ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ ในประชากรวัยผู้ใหญ่กว่าร้อยหละแปดสิบ หรือแปดในสิบคนนั้น มักจะมีอาการ ปวดหลัง ซึ่งนับเป็นการเสื่อมถอยของร่างกายประเภทหนึ่ง โดยอาการปวดจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการดูแลตัวเองด้วย ผู้ที่มีอาการปวดหลังนี้ กว่าครึ่งจะหายได้เองในสองสัปดาห์ ร้อยละ 90 จะหายได้ในสามเดือน แต่ยังมีอยู่บ้างเหมือนกันราวร้อยละ 5 ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังและอาการลุกลามมากขึ้น เนื่องจากการอักเสบนั้นก้าวข้ามไปถึงขั้นเส้นประสาทถูกทำลาย ซึ่งจะแสดงอาการออกมาเป็นการกลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่อยู่และแขนขาอ่อนแรง ในกรณีนี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ ซึ่งวิธีการป้องกันโรคปวดหลังได้ดีที่สุดก็คือการออกกำลังกาย และป้องกันตนเองมิให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งการบริหารกล้ามเนื้อหลังจะต้องค่อย ๆ สร้างความแข็งแรงทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังไปด้วยกัน และต้องบริหารข้อต่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวกด้วย ซึ่งอาจทำได้ด้วยการเดิน การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ ล้วนทำให้หลังแข็งแรงขึ้นได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่จะไม่ทำให้ปวดหลังก็คืออย่าปล่อยตัวให้อ้วนลงพุง ทานอาหารที่มีคุณค่า รวมไปถึงออกกำลังกายให้มีความสม่ำเสมอด้วย นอกจากนี้การปรับอิริยาบถให้ถูกต้องก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย.. การยืนนั้นต้องหลังตรง แขม่วท้องไว้นิด ๆ ยืนให้ตัวตรงไม่โก่งหรือคด ให้แนวติ่งหูหรือข้อสะโพกเป็นแนวเดียวกัน ไม่ควรยืนนานเกินไป ไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูงมาเกินไป ภายในรองเท้าควรหาแผ่นรองเท้าอุ้งเท้าไว้เพื่อซับน้ำหนัก และหากจำเป็นต้องยืนนาน ๆ ควรหาที่พักเพื่อพักเท้า หรือมีเก้าอี้หรือโต๊ะตัวเล็กไว้ช่วยวางเท้าข้างหนึ่งด้วย ทำให้เป็นนิสัยไว้ตลอดไปจะป้องกันอาการปวดหลังพร้อมทั้งอาการข้อเสื่อมต่าง ๆ ได้ การนั่ง ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงบริเวณเอว เลือกใช้ที่นั่งที่สบายและหมุนได้ ป้องกันการบิดของเอวและที่พักแขน ขณะที่นั่งพักหัวเข่าควรอยู่สูงกว่าระดับข้อสะโพกเล็กน้อย และควรมีเบาะรองเท้าหรือหมอนเล็ก ๆ…

  • บริหารกล้ามเนื้อหลัง วันละ 150 วินาที  คลายอาการปวด

    บริหารกล้ามเนื้อหลัง วันละ 150 วินาที คลายอาการปวด

    บริหารกล้ามเนื้อหลัง วันละ 150 วินาที  คลายอาการปวด ผู้เขียนบันทึกนี้มีโรคประจำตัวคือโรคปวดหลังจากหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทมาย 20 ปี เคยผ่าตัดมาแล้วสองหน ส่วนครั้งที่สามที่โรงพยาบาลเลิดสินหมดไม่ผ่าให้เพราะไม่รุนแรงมากถึงขั้นดำรงชีวิตไม่ได้ ไปรับคำปรึกษาและหาหมอมาหลายท่านตลอดเวลาที่ปวด แม้จะเป็นหมอที่มือชื่อเสียงโด่งดังแต่ก็ไม่สามารถหยุดอาการปวดได้ วันนี้พอมีอาการดีขึ้นแล้วจึงมาเขียนเรื่องราวเล่าให้ผู้ที่เป็นโรคนี้เช่นได้อ่านบ้าง ตอนแรกที่เป็นโรคนี้เกิดจากยกของไม่ถูกจึงเจ็บแปลบขึ้นที่กระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอว แล้วก็ขยับขาสองข้างไม่ได้ พอคลายบ้างจึงเริ่มขับรถไปหาหมอ แต่ก็ต้องลากขาเบา ๆ หมอที่คลินิกบอกว่ากล้ามเนื้อักเสบจึงฉีดยาและจ่ายยาให้กลับบ้านแต่ก็ต้องหยุดงานไปสามวัน หลังจากนั้นก็จะมีอาการแปลบ ๆ ปีละสองสามครั้งอยู่หลายปี ต้องหยุดงานครั้งละสามสี่วัน เมื่อไปพบหมอทางออร์โธปีดิคของจังหวะก็เริ่มรักษาตั้งแต่ ยากิน ยาฉีด และ Ctscan จนไปทำ MRI ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ก็พบว่าหมอนรองกระดูกมันปลิ้นออกมาและดันไขสันหลังและเส้นประสาทจนชาไปถึงหลังเท้า หมอจึงตัดสินใจผ่าตัดเพื่อขูดหมอนรองกระดูกที่แตกออก โดยเปิดแผลหนึ่งคืบที่หน้าท้อง แล้วตัดเอากระดูเชิงกรานมาแว่นหนึ่งเท่ากับหมอนรองกระดูที่ขูดออกไปแล้วอัดเข้าช่องว่างระหว่างข้อกระดูกสันหลังแทน เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเชื่อมข้อต่อบนและล่างเข้าด้วยกัน การผ่าตัดนี้ต้องหยุดงานไปร่วมเดือน หลังผ่าตัดก็ยังดูเหมือนไม่หายขาดแต่ก็ดีกว่าเก่ามาก หมอจึงขอแก้มือด้วยการผ่าตัดจากด้านหลัง เปิดแผลช่วยกระดูกสันหลังที่มีปัญหา แล้วยึดโยงข้อกระดูกสันหลังบนและล่างด้วยโลหะ เพื่อให้แข็งแรงไม่ให้เกิดเสียดสีหรือกดทับเส้นประสาทอีก หนนี้หยุดงานไปสามอาทิตย์ แต่ก็ยังคงชาหลังเท้าอยู่ดี เลยปลงละ เพราะนานปีจะเจ็บหนักสักหนหนึ่ง ก็เลยยอมรับเลยว่าร่างกายคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน ช่วงปี 2544 เริ่มปวดหลังมากจนถี่ขึ้นจึงพบแพทย์ประจำโรงพยาบาลเลิดสิน ที่เชี่ยวชาญเรื่องกระดูกมา เอกซเรย์ก็แล้ว CTScan ก็แล้ว…