Tag: โรคประจำตัว
-
รู้จักเลือกถวายปัจจัยพระสงฆ์ ช่วยรักษาสุขภาพเพื่อกุศลอันยิ่งใหญ่
รู้จักเลือกถวายปัจจัยพระสงฆ์ ช่วยรักษาสุขภาพเพื่อกุศลอันยิ่งใหญ่ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า คือบุคคลผู้มีความสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งพุทธศาสนา ดังนั้นเราพุทธศาสนิกชนควรส่งเสริมให้ธรรมฑูตเหล่านี้ได้มีสุขภาพดี มีอายุขัยยืนยาว ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน เพื่อการเผยแผ่พุทธศาสนาได้อย่างเต็มศักยภาพไปตลอดชีวิต ด้วยกิจของสงฆ์และข้อปฏิบัติตามธรรมวินัย ทำให้พระสงฆ์มีวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากปุถุชน สุขภาพของท่านจึงสัมพันธ์กับวัตรปฏิบัติ ชุมชน สิ่งแวดล้อม ความเชื่อ วัฒนธรรม และความเคยชินของโยมอุปัฎฐากด้วย ทำให้พระสงฆ์ในปัจจุบันนี้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน และโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาอีกมาก การถวายอาหารสำหรับพระสงฆ์ พระสงฆ์จะฉันอาหารที่ได้จากการบิณฑบาต ไม่เลือกอาหาร ไม่ติดรสชาติอาหาร ฉันพออิ่ม เพื่อให้มีพลังงานในการดำรงชีวิตและปฏิบัติศาสนกิจ ดังนั้นอาหารถวายพระสงฆ์จึงควรเลือกที่มีไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย มีผักผลไม้ให้มาก ให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการป้องกันโรคภัยเบียดเบียน การถวายยาสำหรับพระสงฆ์ พระสงฆ์จะฉันอาหารแค่วันละ 1-2 มื้อเท่านั้น คือมื้อเช้าและมื้อเพล ดังนั้นในแต่วันจึงมีช่วงเวลาที่ไม่มีอาหารในกระเพาะยาวนาน ในด้านของแพทย์ผู้รักษาจึงต้องปรับการจ่ายยาให้เหมาะสมกับระยะเวลาการออกฤทธิ์ ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและยา รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนจากการฉันยาเมื่อท้องว่าง ยกตัวอย่างเช่น ยาสำหรับรักษาเบาหวาน ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดจะสัมพันธ์กับมื้ออาหารจึงต้องปรับให้เหมาะสมด้วย เพื่อการควบคุมระดับน้ำตาลได้ตลอดเวลา ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป การถวายสังฆทาน ความพิจารณาคุณภาพของอาหารและคุณประโยชน์ทางด้านโภชนาการ รวมไปถึงวันผลิตและวันหมดอายุด้วย บ่อยครั้งที่การถวายถังสังฆทานที่จัดชุดไว้ เป็นการถวายอาหารที่ใกล้หมดอายุให้กับหมู่สงฆ์ คุณอาจได้บาปแทนได้บุญ การถวายรองเท้าที่มีคุณภาพดี เพราะการเดินเท้าไปโปรดสัตว์ในหลายที่…
-
สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก
สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก เส้นเลือดในสมองแตก คืออาการที่หลอดเลือดในสมองฉีกขาด เลือดออกในสมอง ทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว มักมีอาการปวดหัว แต่บางรายก็ไม่มีก็ได้ คลื่นไส้ อาเจียน อาจหมดสติ แขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือบ้างก็พูดไม่ได้ อาการแสดงจะขึ้นกับขนาดของก้นเลือดและอาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเฉียบพลัน ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด เพราะโรคนี้เวลาเป็นมักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างนาน หากได้รับการดูแลรักษาที่ทันท่วงทีจะลดอัตราการเสียชีวิตและพิการลงได้มาก จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคนี้มาจากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น เช่นการทำงานหนัก ไม่ออกกำลังกาย กินแต่ของที่มีไขมัน น้ำตาล และเค็มมาก อ้วน สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ และเกิดจากโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อีกส่วนหนึ่งก็คือปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างเช่น กรรมพันธุ์ ความชราของร่างกาย เชื้อชาติ วัยที่มากขึ้นด้วย ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่มาถึงมือหมอก็มักจะมาด้วยอาการแขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง หน้าเบี้ยว ชา มองเห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือมองเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของแต่ละข้างก็ได้ ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน หรือเวียนหัว อาเจียน มีปัญหาการพูด ซึม หมดสติ ชัก เกิดได้หลายอาการรวมกัน แล้วแต่รูปแบบของหรือตำแหน่งของสมองที่มีการขาดเลือดหรือเลือดออกในสมอง หากไม่อยากตกเป็นผู้หนึ่งที่ต้องพิการหรือเสียชีวิต ควรสังเกตตัวเองว่ามีอาการดังต่อไปนี้บ้างหรือเปล่า…
-
เมื่อ…เด็กเล็กเป็นไข้
เมื่อ…เด็กเล็กเป็นไข้ อาการไข้ขึ้นของเด็กเล็กนี่ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองหลายคนวิตกกังวลได้เหมือนกันค่ะว่าลูป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ วันนี้มาฟังคำอธิบายแบบง่าย ๆ กันนะคะ – ไข้หวัดนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยติดต่อกันทางน้ำมูก น้ำลาย การไอหรือจาม ยิ่งหากเด็ก ๆ อยู่รวมกันเป็นจำนวนมากและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกแล้วก็มีโอกาสติดหวัดกันได้ง่าย ไข้หวัดทั่วไปจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง หากเป็นเด็กที่แข็งแรงอยู่แล้ว ก็สามารถดูแลเบื้องต้นได้เอง แต่หากเป็นเด็กเล็กมาก หรือมีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นหอบหืด โรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรมาพบแพทย์ – ไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะ มีความแตกต่างจากไข้หวัดก็คือ มีไข้ต่ำ ๆ มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล หลายวันไปสีจะข้นขึ้น มีอาการคัดจมูก หายใจไม่ออก เบื่ออาหาร หากในเด็กเล็กจะมีอาการกวนมากกว่าปกติ หากทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด มีอาการหน้าแดง อ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน และมีจุดแดงหลังจากมีไข้ 3-4 วัน จะเป็นอาการของไข้เลือดออกและควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจต่อไป – ไข้หวัดใหญ่ จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว เบื่องอาหาร คลื่นไส้อาเจียน เด็กจะป่วยซม…
-
รณรงค์ช่วยกันดูแลตัวเองในช่วงที่มีหมอกควัน
รณรงค์ช่วยกันดูแลตัวเองในช่วงที่มีหมอกควัน ในบางฤดูกาลนั้น ตามต่างจังหวัดมักจะมีการเผาขยะ เผาหญ้า เผาซากพืช ฯลฯ กันอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดวิกฤตหมอกควันฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานจนทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนทั่วไป เพื่อความไม่ประมาทและความปลอดภัยของทุกคน จึงขอรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันปฏิบัติสิ่งต่อไปนี้ – หลีกเลี่ยงการเผาขยะ เผาหญ้าแห้ง เผาตอซังข้าว เผาวัสดุทุกชนิด หรือทำอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดหมอกควันขึ้นในพื้นที่ ยิ่งโดยเฉพาะตามเขตชุมชน ริมข้างทาง ใกล้แนวป่า หรือในป่า เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและเหตการณ์ไฟป่าได้ – สำหรับผู้ที่ขับรถในพื้นที่ที่มีหมอกควัน ก็ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง อย่าขับรถเร็ว ควรเปิดไฟหน้ารถหรือไฟตัดหมอก จะช่วยให้เห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ควรขับเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากว่าปกติ ไม่แข่งหรือขับแซงกัน หากทัศนวิสัยแย่มากจนมองไม่เห็นถนน ให้จอดรถในที่ปลอดภัยก่อนดีกว่า – หลีกเลี่ยงการสูดดมควันไฟ หรือฝุ่นควันเข้าสู่ร่างกาย เพราะอาจทำให้มีปัญหาสุขภาพหลังจากสูดดมได้ หากมีอาการ แน่นหน้าอก หายใจติดขัด หรือแสบตา ฯลฯ ให้รีบไปพบกับแพทย์ทันที และในขณะที่มีหมอกควันในพื้นที่ควรลดการรองน้ำฝนไว้อุปโภคบริโภคด้วย – ควรรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ยิ่งโดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก และคนชรา และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ควรปิดหน้าต่างอาคารบ้านเรือน ปิดประตูหน้าต่างเพื่อมิให้หมอกควันลอยเข้าบ้าน ช่วงที่มีหมอกควันจัดไม่ควรออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องออกไปนอกบ้านควรสวมหน้ากากอนามัย หรือผ้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดปากจมูกไว้ อีกทั้งควรสวมแว่นตากันฝุ่นกันควันเพื่อป้องกันการระคายเคืองตาด้วยค่ะ…
-
ป้องกันหมอกควันในอากาศทำร้ายสุขภาพ
ป้องกันหมอกควันในอากาศทำร้ายสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอากาศในเมืองใหญ่หรืออากาศตามต่างจังหวัด ในบางช่วงของปีก็มักมีปัญหาของหมอกควันและฝุ่นละอองหนาแน่นจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพกันได้ทั้งนั้น โดยหากมีหมอกควันและฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน อาจทำให้เกิดอาการแสบตา ตาแดง คันตา น้ำมูกหรือน้ำตาไหลได้ ยิ่งหากเป็นผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ภูมิแพ้ โรคปอด หอบหืด ผู้ป่วยโรคหัวใจ หมอกควันเหล่านี้ก็อาจทำให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้นได้ นอกจากนี้กลุ่มที่น่าเป็นห่วงได้แก่ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา ก็อาจเจ็บป่วยไม่สบายได้ง่ายขึ้นด้วย โดยมักมีอาการของหวัด คออักเสบ เจ็บคอ ไอ จาม เป็นต้น หากคุณผู้อ่านอยู่ในพื้นที่มีปัญหาหมอกควันหนาแน่น ควรดูแลตนเองดังต่อไปนี้ค่ะ – กลุ่มที่มีโรคประจำตัวและเจ็บป่วยง่าย ควรอยู่แต่ในอาคารบ้านเรือนและปิดประตูหน้าต่างมิให้ควันไฟเข้าไปในอาคารได้ – ควรใส่หน้ากากอนามัย หรือจะพรมน้ำหมาก ๆ ช่วยด้วยก็จะช่วยกรองฝุ่นควันได้ดีขึ้น – บ้านที่ติดแอร์คอนดิชั่น ควรถอดแผ่นกรองอากาศมาทำความสะอาดให้บ่อยขึ้น – ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่แข็งแรง หากช่วงใดที่สภาพอากาศมีหมอกควันฝุ่นละออกมาก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่แจ้ง และที่สำคัญที่สุดก็คือทุกคนร่วมใส่ใจกับชุมชนและสังคมร่วมกัน ไม่ควรเผาขยะหรือเผาวัตถุใด ๆ ก็ตาม ที่จะทำให้เกิดควันพิษสร้างปัญหาให้กับชุมชน เพื่อสุขภาพของตัวเราเองและคนที่เรารักทุกคนนะคะ
-
ระวัง…โรคปอดบวมในช่วงที่อากาศเย็นชื้น
ระวัง…โรคปอดบวมในช่วงที่อากาศเย็นชื้น ระยะปลายฝนต้นหนาวที่ยังมีสายฝนชุ่มฉ่ำ กับอากาศที่เริ่ม ๆ จะเย็นลงนั้น ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เด็ก คนชรา หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ ควรรักษาและระมัดระวังสุขภาพให้มาก เพราะช่วงเวลาที่อากาศชื้นและเย็นเช่นนั้นอาจมีโอกาสเสี่ยงให้คุณติดเชื้อโรคปอดบวมและโรคในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้ง่าย โดยโรคปอดบวมนี้มีความอันตรายร้ายแรงมาก และยังเป็นโรคที่คร่าชีวิตเด็กเล็กเป็นอันดับหนึ่งของโลกมากว่าห้าปี ซึ่งเกือบทั้งหมดเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจัยความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับ – อาการของโรคว่าเป็นแบบเฉียบพลัน หรือค่อยเป็นค่อยไป – อายุของผู้ป่วย หากเป็นเด็กหรือคนชราและมีร่างกายอ่อนแอก็อาจเป็นอันตรายรุนแรงขึ้น – ชนิดของเชื้อ หากพบว่าเป็นเชื้อนิวโมคอกคัสก็จะยิ่งมีความรุนแรง – สภาวะของผู้ป่วย หากเป็นโรคเรื้อรังหรือมีความอ่อนแอก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้ โดยอาการในเบื้องต้นของผู้ป่วยนั้นจะมีไข้สูง หอบ ไอลึก หายใจเร็วและลำบาก หากเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องดูแลใกล้ชิด ด้วยการเปิดเสื้อสังเกตหน้าอกว่าหายใจแรงจนชายโครงบุ๋มหรือหายใจมีเสียงวี๊ดหรือยัง ถ้าพบว่ามีอาการดังกล่าวรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน ในด้านของการรักษาโรคปอดบวมนั้นขึ้นอยู่ชนิดของเชื้อโรค หากเกิดจากเชื้อไวรัสจะรักษาตามอาการจนกว่าร่างกายจะกำจัดเชื้อได้เอง และต้องระมัดระวังมิให้ไปติดเชื้อโรคอื่นเพราะช่วงนี้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่หากเป็นเชื้อนิวโมคอกคัสที่อยู่ในโพรงจมูกและลำคอ ที่เป็นสาเหตุของโรคไซนัสอักเสบ หูน้ำหนวก หากเชื้อนี้เล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือด จะทำให้ตับวาย ไตวาย หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ เกิดการชัก เกร็ง สมองทำงานผิดปกติ ทำให้ปอดหรือหัวใจหยุดทำงานจนกระทั่งเสียชีวิตได้ หากในครอบครัวมีเด็กเล็กหรือคนที่อ่อนแอกำลังไม่สบาย ควรดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด หากพบสิ่งผิดปกติควรพาไปพบแพทย์โดยด่วน โรคปอดบวมนั้นระยะแรกหรืออาหารไม่รุนแรงแพทย์อาจสั่งยาให้แล้วกลับมาพักผ่อนที่บ้าน และนัดไปดูอาการภายหลัง…
-
ผักสด ผลไม้สด .. ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้
ผักสด ผลไม้สด .. ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้ ผักสดผลไม้สดนั้นเป็นอาหารที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล ที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานและให้รสหวาน เกลือแร่และวิตามินที่เสริมสร้างความสมบูรณ์ของอวัยวะต่าง ๆ เส้นใยอาหารที่ช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้ด้วย และลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ลดเบาหวานได้ด้วย และพืชบางชนิดให้ไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเช่นกัน ฯลฯ การบริโภคผักสดและผลไม้สด จึงเป็นเรื่องที่ควรแนะนำและส่งเสริม แต่ทุกอย่างในโลกก็ต้องมีสองด้านเสมอ แม้แต่ในผักสด ผลไม้สดก็ตาม การบริโภคสด ๆ โดยไม่ผ่านความร้อนอาจได้รับอันตรายบางประการได้ เช่น ในผักอาจมีไข่พยาธิหรือพยาธิเจือปนอยู่ หากล้างไม่สะอาดอาจทำให้เกิดโรคท้องร่วงได้ รวมไปถึงผักผลไม้บางชนิดอาจมีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่ อาจก่อให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกาย อีกทั้งผู้ที่ป่วยด้วยบางโรคจำเป็นต้องระวังผักสดผลไม้สดบางชนิดด้วย เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปตัสเซี่ยมสูง ๆ เช่น กล้วย หรือส้ม เป็นต้น รวมไปถึงคนไข้อีกบางพวกที่การทานผักสดผลไม้สด เป็นเรื่องต้องห้ามที่สุด ก็คือ คนไข้ที่ได้รับเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง เพราะคนไข้จำพวกนี้ภายหลังจากที่ได้รับยาแล้วจะทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคต่ำลง ผู้ป่วยจึงอ่อนแอเกิดโรคติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย หากต้องการผักผลไม้ ต้องเป็นผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนแล้วเท่านั้น อีกทั้งผลไม้บางชนิดที่ต้องรับประทานทั้งเปลือกก็ห้ามรับประทานด้วย หากต้องการทานต้องปอกเปลือกทิ้งไปแล้วให้ทานในทันทีห้ามปล่อยทิ้งไว้ แม้การทานผักสดผลไม้สดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ผู้ป่วยบางโรคก็เป็นเรื่องต้องห้ามเช่นกัน ดังนั้นหากท่านเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนดีกว่านะคะ
-
ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ
ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ ระยะนี้คนไทยเราเริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายดูแลสุขภาพ และดูแลอาหารการกินกันมากขึ้นแล้วนะคะ การจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนาร่างกายขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่นกันเล่นกีฬาก็จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้กระทำอย่างสม่ำเสมอด้วยกระบวนการที่เหมาะสม จะทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างมั่นคงนั่นเอง ผู้ที่เพิ่งหันมาออกกำลังกายใหม่ ๆ นั้น ควรเลือกออกกำลังกายในระดับเบาก่อน ยังไม่ควรหักโหมไปวิ่งทันที ควรเริ่มด้วยการเดินเบา ๆ หรือปั่นจักรยานช้า ๆ ก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหากหักโหมอาจปวดข้อหรือได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ในช่วงเริ่มแรกควรค่อย ๆ ฟิตร่างกายให้ดีก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปออกกำลังกายที่หนักขึ้นจะช่วยถนอมกล้ามเนื้อ ข้อต่อและกระดูกไปได้อีกทาง การเตรียมตัวก่อนการออกกำลังกาย ต้องเริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง และใช้การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อวอร์มร่างกาย ข้อต่อส่วนต่าง ๆ ด้วยก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน คุณอาจวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่เบา ๆ หรือเดินเบา ๆ ก่อนสัก 5-10 นาทีแล้วค่อยเดินเร็วหรือเริ่มวิ่ง ข้อดีของการอบอุ่นร่างกายอีกอย่างก็คือจะกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้อีกทางหนึ่ง การออกกำลังกายควรเป็นกิจวัตรที่มีความสม่ำเสมอ และเป็นชนิดกีฬาที่ชื่นชอบด้วยจึงจะทำให้ไม่เบื่อ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งไม่ควรหักโหมจนเกินไป การจะวัดว่าเหนื่อยเกินไปหรือยังให้สังเกตว่ายังพูดเป็นคำได้อยู่หรือเปล่า หากเหนื่อยจนพูดไม่เป็นคำก็ถือว่าหักโหมเกินไปแล้ว ควรค่อย ๆ…
-
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ในระยะที่อากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีฝนตกมากขึ้น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายค่อนข้างต่ำ หรือสุขภาพอ่อนแอเพราะปรับตัวไม่ทัน จึงเจ็บป่วยได่ง่าย ยิ่งโดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางลมหายใจจำพวกโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อกันได้ง่ายนั้น เราจึงยิ่งจำเป็นต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมในการป้องกันโรคติดต่อเหล่านี้นั่นเอง ซึ่งมีวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ – เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มป่วย เริ่มเป็นไข้ ไม่สบายรู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่พอ ยิ่งไม่ควรเข้าไปเสี่ยงในแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นตลาด ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล เพราะว่าร่างกายในช่วงที่มีภูมิต้านทานต่ำจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย – หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือหากไม่สะดวกในการล้างมือจะใช้เจลแอลกอฮอล์มาเช็ดก็ได้ ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ยิ่งหากอยู่ในช่วงที่กำลังมีอาการไอหรือจาม ยิ่มควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพราะหากนำมือไปป้ายตาก็อาจติดเชื้อตาอักเสบได้ หรือไปหยิบจับสิ่งของก็จะเท่ากับเป็นการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีกทาง – หลีกเลี่ยงและอยู่ห่างจากผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหวัด ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง จะช่วยป้องกันเชื้อหวัดและโรคทางเดินหายใจได้ดี – หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ – ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ สองลิตร – หากในบ้านของเรามีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ และควรป้องกันการแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นด้วยการไม่คลุกคลีกับผู้ใกล้ชิด ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเมื่อไอหรือจาม และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วย – สำหรับกลุ่มผู้เสี่ยงสูง…
-
อาการข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ และคำแนะนำในการดูแล
อาการข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ และคำแนะนำในการดูแล ในผู้สูงอายุนั้นที่มักจะพบกันบ่อย ๆ นอกจากโรคประจำตัวอื่น ๆ แล้วก็ยังมีอาการข้อเสื่อมและกระดูกพรุนที่พบได้บ่อยด้วยเช่นกัน มักเกิดกับข้อใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ข้อต่อสะโพก ข้อกระดูกสันหลัง และข้อเข่า พบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ขาดหายไป จนทำให้กระดูกพรุนและในวัยหนุ่มสาวไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกเอาไว้ พออายุมากเข้าจึงทำให้ข้อต่าง ๆ รับน้ำหนักส่วนเกินไม่ไหว เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแอลง ทำให้ข้อเสื่อมและเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาได้ ซึ่งมีสัญญาเตือนด้วยอาการปวดดังต่อไปนี้ 1. มักมีอาการเจ็บแบบขัด ๆ จะปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้เข่า แต่เมื่อได้พักจะรูสึกสบายขึ้น แต่หากทิ้งไว้ไม่ดูแล หรือยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่องก็อาจปวดมากจนเดินไม่ไหวก็ได้ 2. ข้อเข่าบวมขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเข่าได้รับแรงกระแทกสูง เข่าจะปวดออกมาจนเห็นได้ชัด หากได้รับการรักษาก็อาจจะบรรเทาลง แต่หากกลับไปใช้งานหนักอีกก็สามารถบวมได้อีก 3. อาการเข่าอ่อน หรือเข่าฝืด มักจะเกิดขึ้นตอนที่เข่ายังไม่บวม ลุกนั่งลำบาก ต้องค่อย ๆ ยืดตัวยืน และค่อย ๆ ย่อตัวนั่งจึงจะนั่งลง บางรายเป็นมากจนหัวเข่าผิดรูปหรือเข่าโก่งก็มี ดังนั้นเมื่อมีสัญญาเตือนอาการข้อเข่าเสื่อมแล้ว ควรรีบดูแลตัวเองและเข้ารับการรักษา ก่อนที่จะรักษาได้ยากดังนี้ค่ะ – อย่าปล่อยให้น้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป รักษาน้ำหนักให้สมดุ – พยายามอย่าใช้เข่าทำงานมากเกินไป เช่น…