Tag: โรคท้องเสีย
-
ว่ายน้ำ หรือดำน้ำนาน ๆ ร่างกายขาดน้ำได้นะคะ
ว่ายน้ำ หรือดำน้ำนาน ๆ ร่างกายขาดน้ำได้นะคะ คนที่ชอบว่ายน้ำ หรือดำน้ำนาน ๆ จะเกิดการสูญเสียความร้อนผ่านทางผิวหนัง เร็วกว่าอยู่บนบกถึง 20 เท่า ร่างกายจึงมีกลไกป้องกันการสูญเสียความร้อน โดยหลอดเลือดที่ผิวหนังของคนเราจะมีการหดตัว เพื่อให้มีการไหลเวียนเลือดที่จะนำพาความร้อนให้สูญเสียไปกับน้ำที่ผิวหนังนั้นลดลง เลือดในร่างกายเราจะถูกส่งไปยังอวัยวะภายในแทน เช่น หัวใจ ไต สมอง เป็นต้น การที่มีเลือดไหลผ่านไตมากขึ้นนั้นจะเกิดกระบวนการกรองที่ไตสูงขึ้น มีการผลิตปัสสาวะมากขึ้น ร่างกายจึงสูญเสียน้ำไปในรูปแบบของปัสสาวะ ทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ เมื่อเราแช่อยู่ในน้ำนาน ๆ นั่นเอง การขาดน้ำนาน ๆ จะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ความเข้มข้นของเลือดสูงขึ้น เลือดไหลเวียนได้ช้าลง เกิดการปลดปล่อยก๊ายในร่างกายจากเนื้อเยื่อต่าง ๆ สู่เลือดช้าและยากขึ้น ทำให้มีการสะสมของก๊าซไนโตรเจนมากกว่าปกติ จนเกิดอาการ DCS ได้ ดังนั้นจึงควรป้องกันไว้ก่อน ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ ทั้งก่อนและหลังดำน้ำ วิธีการสังเกตก็คือให้ดื่มน้ำจนกว่าจะปัสสาวะออกมาจึงถือว่าเพียงพอ หลีกเลี่ยงครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ กาแฟ ช็อกโกแลต เพราะมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะได้ รวมไปถึงยากลุ่มยาขับปัสสาวะด้วย เพราะจะยิ่งทำให้การขาดน้ำรุนแรงมากขึ้น หากในระหว่างต้องดำน้ำเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคท้องเสีย เมาเรือ เมาคลื่น ก็ควรดูแลในเรื่องของปริมาณน้ำในร่างกายมากเป็นพิเศษด้วยนะคะ
-
ล้างมืออย่างไร ปลอดภัย ปลอดเชื้อที่สุด
ล้างมืออย่างไร ปลอดภัย ปลอดเชื้อที่สุด เพื่อในปัจจุบันมีเชื้อโรคเป็นจำนวนมากที่กระจายปะปนอยู่ทั่วไปแทบทุกสถานที่ และทุก ๆ ที่ที่เราเอื้อมมือสัมผัสได้ การล้างมือจึงเป็นสุขนิสัยที่ควรปฏิบัติไว้เสมอ จะได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อผ่านทางมือ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ติดเชื้อแผลเป็น หรือโรคท้องเสีย ฯลฯ การล้างมือช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเหล่านี้ได้มาก และเป็นวิธีการป้องกันเชื้อโรคที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง แล้วการล้างมืออย่างไรจึงจะปลอดภัยและปลอดเชื้อที่สุดกันล่ะ หลาย ๆ ท่านเข้าใจว่าการล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อนั้นดีกว่าล้างด้วยสบู่ธรรมดา แต่ก็ปรากฎว่าจากข้อมูลของกรมควบคุมและป้องกันโรคของสหรับนั้น เปิดเผยว่า การใช้สบู่ยาฆ่าเชื้อที่มีขายในท้องตลาด ก็ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคได้ดีไปกว่าสบู่ธรรมดาเลย ซ้ำยังฆ่าได้เฉพาะเชื้อโรคอ่อนด้วย ส่วนเชื้อร้าย ๆ ก็ยังคงแพร่พันธุ์ต่อไป การล้างมือที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคที่สุด และง่ายที่สุดกลับกลายเป็นการล้างด้วยแอลกอฮอล์ 70% ที่ฆ่าเชื้อโรคได้มากมาย และแทบไม่มีเชื้อใดที่จะดื้อแอลกอฮอล์ได้เลย แต่อย่างไรดีหากที่ที่คุณอยู่ ไม่มีแอลกอฮล์หรือแม้แต่สบู่ล้างมือ การล้างด้วยน้ำสะอาด ๆ ก็ยังดีกว่าไม่ล้างมือเอาเสียเลยนะคะ
-
ประโยชน์สุด ๆ ของโยเกิร์ต
ประโยชน์สุด ๆ ของโยเกิร์ต โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์นมที่หาซื้อมาทานได้ง่าย มีหลายรสชาติให้เลือกนะคะ แล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายแบบอเนกอนันต์เลยทีเดียว ในโยเกิร์ตหนึ่งด้วยนั้นประกอบไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงและรักษาร่างกายกว่า 11 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อร่างกาย ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไอโอดีน วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 วิตามินบี 12 โปรตีน โพแทสเซียม สังกะสี ทริปโทฟาน และโมลิปเดนัม การทานโยเกิร์ตเพียงถ้วยเดียว ช่วยเติมเต็มสารอาหารหลาย ๆ ชนิดได้ในคราวเดียว นอกเหนือจากสารอาหารข้างต้นแล้ว ในโยเกิร์ตยังมีเชื้อจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ต่อการย่อยอาหารและมีประโยชน์ต่อลำไส้ ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ตัวเลวในลำไส้ได้ จึงช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีไขมันที่สำคัญชื่อว่า คอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก ช่วยป้องกันทั้งโรคหัวใจ และลดความเสี่ยงการเกิดโรคเหงือกได้ด้วย ฯลฯ การทานโยเกิร์ตจึงเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เปรียบดั่งเป็นยาอายุวัฒนาที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะทานได้ง่าย ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ มีแคลเซียมสูง ช่วยลดความเครียด ป้องกันมะเร็งลำไส้ โรคความดันโลหิตสูง และป้องกันอาการกระดูกพรุนได้ จุลินทรีย์โยเกิร์ตยังช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียแย่ ๆ ในช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมหาโยเกิร์ตมาทานกันนะคะ
-
โรคท้องเสีย อาการธรรมดาที่อาจไม่ธรรมดา
โรคท้องเสีย อาการธรรมดาที่อาจไม่ธรรมดา อย่าเพิ่งแปลกใจที่หัวข้อเรื่องนี้อาจขัดความคิดของใครหลาย ๆ คน เพราะเข้าใจมาตลอดว่าอาการท้องเสียนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บทความในวันนี้จะนำคุณผู้อ่านได้ไปเห็นว่าความจริงแล้วอาการท้องเสียนั้น อาจนำไปสู่อาการที่คาดไม่ถึงและเสียชีวิตได้เช่นกัน หากชะล่าใจ เรามาระแวดระวังเรื่องนี้ด้วยการใส่ใจกับอาการท้องเสียและหาความรู้กันใหม่ก่อนดีกว่า โรคท้องร่วง ท้องเสีย หรืออุจจาระร่วงนั้น หมายถึงการถ่ายอุจจาระเหลว หรืออุจจาระเป็นน้ำเกินกว่า 2 ครั้งในวันเดียว หรือการอุจจาระเป็นมูกปนเลือดเพียงครั้งเดียวก็ถือว่าท้องเสียแล้ว ซึ่งในอดีตนั้นจะเรียกการถ่ายอุจจาระที่ปนมูกเลือดว่าเป็นโรคบิด เพราะผู้ป่วยจะมีอาการปวดบิดในท้องขณะที่เบ่งอุจจาระไปด้วย โรคท้องเสียนั้นแบ่งออกได้เป็นสองชนิดก็คือ 1. โรคท้องเสียแบบเฉียบพลัน มักจะเกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย พยาธิในลำไส้ 2. โรคท้องเสียแบบเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการท้องเสียนานกว่า 2 อาทิตย์เป็นต้นไป มักไม่ได้เกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือติดเชื้อ แต่เกิดจากการย่อยอาหารและการดูดซึมที่ผิดปกติ การอักเสบจากภูมิแพ้ หรือติดเชื้อ ตลอดจนเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร ดังนั้นโรคท้องเสียชนิดนี้จึงเป็นเรื่องไม่ธรรมดา หรือแม้แต่ท้องเสียแบบเฉียบพลันเอง ก็อาจพบได้ว่าทำให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน ถ้าได้รับการรักษาไม่ถูกต้องหรือช้าเกินไป ส่วนใหญ่การเสียชีวิตจะเกิดจากภาวะช็อก หรือภาวะที่เกิดจากการขาดน้ำและเกลือแร่เป็นจำนวนมาก ส่วนน้อยที่จะเกิดจากภาวะโลหิตเป็นพิษ ซึ่งทั้งสองแบบมีอาการเตือนแต่อาจถถูกละเลยจากแพทย์และผู้ป่วยเอง เพราะถ้าสังเกตได้ทันก็จะรอดชีวิต ซึ่งทุกคนควรสังเกตอาการเหล่านี้เอาไว้ โดยสัญญาณอันตรายมีทั้งหมด 6 ข้อดังต่อไปนี้ และผุ้ป่วยต้องรีบบอกแพทย์ไม่ว่าแพทย์จะถามหรือไม่ก็ตาม อีกทั้งสัญญาณเตือน 6 ข้อนี้ยังสามารถใช้กับโรคที่เกิดอาการช็อกแทรกซ้อนอื่น…