Tag: โรคติดเชื้อ
-
ความสำคัญของการล้างมือ
ความสำคัญของการล้างมือ มือเป็นอวัยวะที่ช่วยให้ร่างกายเราสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ทั้งกิจวัตรส่วนตัว ทำงาน และช่วยเหลือดูแลผู้อื่นด้วย แต่ก็มือนี่เองเช่นกันที่อาจนำเอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย และยังแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าห้องน้ำแล้วไม่ล้างมือ แต่ไปจับราวโหนรถไฟฟ้า ลูกบิดประตู ราวบันไดเลื่อน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นการกระจายเชื้อโรคแทบทั้งนั้น ซึ่งโรคร้ายที่ติดต่อจากการสัมผัสนั้นก็ได้แก่ 1. โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค หัดเยอรมัน นอกจากจะติดต่อทางลมหายใจแล้ว การหยิบจับสิ่งของใช้ร่วมกัน ก็สามารถแพร่เชื้อได้ด้วย 2. โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร แพร่กระจายด้วยการที่ใช้มือที่ปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้หยิบจับอาหารเข้าปาก 3. โรคทางการสัมผัส เช่น ตาแดง เชื้อรา แผลอักเสบที่ผิวหนัง หิด เหา เริม 4. โรคติดต่อหลายทาง เช่น อีสุกอีใส อาจติดต่อได้ทั้งลมหายใจและการสัมผัสด้วย โรคทั้งหมดนี้แม้จะพบได้บ่อย แพร่กระจายเชื้อได้ก็มาก แต่การป้องกันแล้วถือว่าได้ผลและแทบไม่ต้องเสียอะไรเลย ซึ่งก็ได้แก่การล้างมือนั่นเอง การล้างมือบ่อย ๆ ป้องกันการระบาดของเชื้อได้หลายชนิด การล้างมือให้สะอาดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเลย แค่ใช้น้ำกับสบู่เท่านั้นแล้วล้างให้ทั่วมือให้หมดจด ก็ลดการติดเชื้อได้มากแล้ว ควรหมั่นล้างมือให้เป็นนิสัย ยิ่งโดยเฉพาะก่อนและหลังกิจกรรมเหล่านี้ – หลังการทำงานหนักที่มือต้องสกปรก เช่น…
-
รู้จักกับ…โรคมาลาเรีย
รู้จักกับ…โรคมาลาเรีย ในช่วงเดือน เม.ย. ถึง ก.ค. นั้นจะเป็นช่วงที่โรคมาลาเรียมีการระบาดสูงสุด ทั่วโลกจึงร่วมกันรณรงค์แก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะในแต่ละปีจะมีผู้ติดเชื้อมาลาเรียทั่วโลกถึงประมาณสามร้อนกว่าล้านคน เสียชีวิตราว 1 ล้านคน ส่วนมากกว่าร้อยละ 90 พบในทวีปแอฟริกา ส่วนในประเทศไทยนั้นมีผู้ป่วยมากที่สุดห้าอันดับแรกอยู่ในจังหวัด ตาก กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน ระนองและสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ป่า เขา สวนยางพารา แหล่งน้ำ ภูเขาสูงชันและลำธาร โดยเฉพาะบริเวณชายแดน โรคไข้มาลาเรีย ไข้ป่าหรือไข้จับสั่นนี้เกิดจากเชื้อโปรโตซัว โดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะ ไปกัดคนที่มีเชื้อมาลาเรียอยู่ เชื้อนี้จะเข้าไปเจริญแบ่งตัวในยุงแล้วก็ไปกัดคนต่อไป ปล่อยเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดเจริญเติบโตที่ตับและเม็ดเลือดแดง มีระยะฟักตัวประมาณ 14 วัน จึงเกิดอาการไข้สูง ปวดศีรษะ เมื่อยเนื้อตัว อาเจียน หนาวสั่น สะบัดร้อนสะบัดหนาว เหงื่อออก รู้สึกดีขึ้นแล้วก็กลับมาเป็นใหม่อีก บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง น้ำตาลในเลือดต่ำ เหลือง ซีด ปัสสาวะดำ ไตวาย ปอดบวมน้ำ ทำให้ถึงแก่ชีวิตได ไข้มาลาเรียไม่สามารถกินยาป้องกันล่วงหน้าได้ หากเข้าป่าควรป้องกันยุงโดยสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด ใช้ยาทาหรือยาจุดกันยุง…
-
การป้องกัน…ไข้หวัดในเด็กเล็ก
การป้องกัน…ไข้หวัดในเด็กเล็ก โรคหวัดเป็นโรคติดเชื้อที่เด็ก ๆ เป็นกันมากที่สุด ยิ่งอยู่ในวัยที่ต้องเข้าไปอยู่ในเนอสเซอรี่ โรงเรียนอนุบาลทั้งหลายแล้ว ยิ่งติดต่อกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เด็กบางคนเป็นหวัดแทบทุกเดือน เพราะเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นหวัดได้นั้นมีมากกว่าสองร้อยชนิด อาการของเด็กที่เป็นหวัดนั้น โดยมากจะมีอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ มีไข้ ปวดศีรษะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิดด้วยการให้เด็กจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ กินอาหารเหลวหรืออาหารที่ย่อยง่าย หากยังกินนมแม่อยู่ก็ให้ดูดนมบ่อยขึ้น ดูแลน้ำมูกให้จมูกโล่ง ให้เด็กได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ให้เด็กปิดปากเวลาไอหรือจาม และแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อด้วย รวมไปถึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หรือแม้กระทั่งปอดบวม ซึ่งหากเกิดความผิดปกติได้แก่ มีไข้สูงเกินกว่าสองวัน เด็กร้องกวนโยเย เจ็บหู ไอมากหรือไอเสียงก้อง หายใจแรงจนซี่โครงบุ๋ม หรือหายใจถี่เร็ว ควรรีบพบแพทย์ เพื่อป้องกันอันตราย ในระยะนี้คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กมาหาหมอตามนัดและให้ลูกทานยาให้ครบ อย่าหยุดยาเองโดยพละการ ไม่ใช่เห็นว่าอาการทุเลาแล้วจึงหยุดยาเอง ทำแบบนี้เป็นอันตรายมากเพราะจะทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนอื่นได้ง่าย และทำให้ดื้อยาด้วย และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการป้องกันเด็กมิให้เป็นไข้หวัดเสียตั้งแต่แรก ได้แก่การดูสุขภาพของเด็กให้แข็งแรง โดย – ทานอาหารให้ครบหมู่และเหมาะสมตามวัยของเด็ก – ปล่อยให้เด็กได้วิ่งเล่นกลางแจ้งเพื่อเป็นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ – ให้เด็กได้เข้านอนแต่หัวค่ำและนอนหลับอย่างพอเพียงทุกวัน…
-
แม้แต่เด็กเล็ก…ก็ควรระวังโรคเบาหวานด้วยนะ
แม้แต่เด็กเล็ก…ก็ควรระวังโรคเบาหวานด้วยนะ โรคเบาหวานนี้ องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่าเป็นภัยร้ายที่กำลังคุกคามมนุษย์ไปทั่วทุกมุมโลกมากที่สุด อันตรายมากกว่าโรคเอดส์ เพราะปี ๆ หนึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานถึงปีละสามล้านกว่าคนทั่วโลก และถือเป็นประวัติศาสตร์โลกเลยว่านี่คือโรคไม่ติดเชื้อที่คร่าชีวิตผู้คนได้มากกว่าโรคติดเชื้อหรือโรคระบาดในอดีตที่โลกเคยมีมากเสียอีก ทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโรคเบาหวานจากสภาวะอ้วนทำให้การทำงานของอินซูลินมีปัญหา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการกินอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตมากเกินสัดส่วน รวมไปถึงการขาดการออกกำลังกายด้วย ในประเทศไทยเองโรคเบาหวานนี้ก็เริ่มจู่โจมเข้าในวัยเด็กแล้ว และตามโรงพยาบาลก็พบผู้ป่วยโรคเบาหวานในเด็กที่มีอายุน้อยลงไปเรื่อย ๆ ทุกที ล่าสุดพบเด็กป่วยเป็นโรคเบาหวานมีอายุเพียงแปดขวบเท่านั้น แต่มีน้ำหนักตัวมากถึง 60 กิโลกรัม น้ำหนักตัวขนาดนี้ถือว่าอ้วนเกินมาตรฐานไปมาก อาจต้องกินยาตลอดชีวิต และบางรายมีภาวะแทรกซ้อนที่ไต ตา ประสาทส่วนปลายบริเวณขาและเท้าเกิดความยากลำบากและทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิต ตายเร็วขึ้นด้วย วิธีการสังเกตว่าบุตรหลานของท่านเป็นเบาหวานแล้วหรือยังก็คือ ให้สังเกตว่าผิวหนังบริเวณรอบคอและรักแร้ดำเป็นปื้น ฉี่บ่อย หิวบ่อย กินจุ ชาบริเวณปลายมือปลายเท้า หรือในครอบครัวมีผู้ป่วยเป็นเบาหวาน นับตั้งแต่ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ฯลฯ หากรักลูกหลาน อยากให้มีสุขภาพแข็งแรง ควรดูแลสุขภาพให้ดีแต่เด็ก ๆ ด้วยการให้ทานอาหารให้ครบทุกหมู่และหลากหลายตามที่ร่างกายต้องการ สอนให้เด็กกินผักให้เป็น แล้วกินผลไม้แทนขนมถุง ขนมกรอบต่าง ๆ ดื่มน้ำสะอาดแทนน้ำอัดลม พากันไปวิ่งเล่นออกกำลังกายแทนการเอาแต่นั่งจุมปุ้กหน้าทีวีหรือเล่นเกมส์ทั้งวัน เด็กจะมีสุขภาพแข็งแรงและมีสุขนิสัยการกินที่ดีได้ ต้องมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นตัวอย่างด้วย หากคุณไม่ยอมกินผัก หรือออกกำลังกายแล้วเด็กจะทำได้อย่างไรล่ะคะ?
-
ป้องกันโรคปอดบวมในเด็ก…ในช่วงหน้าฝน
ป้องกันโรคปอดบวมในเด็ก…ในช่วงหน้าฝน โรคปอดบวมเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงเฉียบพลัน ที่รุนแรงและมีอันตรายถึงตายได้เลยในเด็กเล็ก ๆ โรคนี้นั้นโดยประมาณแล้วองค์การอนามัยโลกระบุว่า ทุก ๆ นาทีจะมีเด็กอายุต่ำกว่าห้าขวบเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมอย่างน้อยหนึ่งคน จึงทำให้เด็กเล็กทั่วโลกเสียชีวิตด้วยโรคนี้เฉลี่ยปีละประมาณสองล้านคนแลยทีเดียว โรคปอดบวมนี้เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียค่ะ มักจะพบในผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านทานโรคต่ำ ไม่ว่าจะเป็น เด็กเล็กอายุน้อยกว่าห้าขวบ, ทารกแรกเกิดไม่แข็งแรง, ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี, ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ รวมไปถึงผู้สูงอายุด้วย โดยระยะที่ระบาดมากที่สุดก็คือช่วงหน้าฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี โรคนี้ติดต่อกันได้ด้วยการหายใจเอาเชื้อที่ฟุ้งอยู่ในอากาศเข้าสู่ปอด, การไอหรือจามรดกัน, การคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคนี้อยู่แล้ว, การสำลักสิ่งแปลกปลอมที่มีเชื้อโรคเข้าไปในจมูกและลำคอ เช่น เด็กที่สำลักน้ำขณะเล่นน้ำก็สามารถเป็นโรคปอดบวมได้ด้วย อาการของโรคนี้จะมีไข้สูง ไอหนัก ไอมาก หายใจเร็ว หรือหายใจลำมาก และถ้าอาการหนักจะหอบถี่ หายใจลำบากหรือมีเสียงดังวี๊ด ๆ หรือหายใจแรงหอบจนซี่โครงบุ๋มตัว เล็บมือเล็บเท้า ริมฝีปากเขียวคล้ำ ซึมหรือกระสับกระส่าย หากมีอาการเช่นนี้แล้วควรรีบน้ำผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยด่วนเพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สำหรับโรคนี้ที่มีความอันตรายมากสามารถป้องกันได้โดย – รักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนนอนหลับอย่างสม่ำเสมอ – กินอาหารที่ประโยชน์ และออกกำลังกายบ่อย ๆ – ไม่ควรพาเด็กไปในที่แออัดหรือมีคนมาก รวมทั้งไม่ควรให้เด็กอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย – สำหรับเด็กที่เลี้ยงในห้องแอร์ควรสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นไว้มาก ๆ – เด็กเล็กควรดื่มน้ำนมแม่เพื่อให้ได้รับภูมิต้านทานให้เต็มที่…
-
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ในระยะที่อากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีฝนตกมากขึ้น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายค่อนข้างต่ำ หรือสุขภาพอ่อนแอเพราะปรับตัวไม่ทัน จึงเจ็บป่วยได่ง่าย ยิ่งโดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางลมหายใจจำพวกโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อกันได้ง่ายนั้น เราจึงยิ่งจำเป็นต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมในการป้องกันโรคติดต่อเหล่านี้นั่นเอง ซึ่งมีวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ – เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มป่วย เริ่มเป็นไข้ ไม่สบายรู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่พอ ยิ่งไม่ควรเข้าไปเสี่ยงในแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นตลาด ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล เพราะว่าร่างกายในช่วงที่มีภูมิต้านทานต่ำจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย – หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือหากไม่สะดวกในการล้างมือจะใช้เจลแอลกอฮอล์มาเช็ดก็ได้ ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ยิ่งหากอยู่ในช่วงที่กำลังมีอาการไอหรือจาม ยิ่มควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพราะหากนำมือไปป้ายตาก็อาจติดเชื้อตาอักเสบได้ หรือไปหยิบจับสิ่งของก็จะเท่ากับเป็นการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีกทาง – หลีกเลี่ยงและอยู่ห่างจากผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหวัด ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง จะช่วยป้องกันเชื้อหวัดและโรคทางเดินหายใจได้ดี – หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ – ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ สองลิตร – หากในบ้านของเรามีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ และควรป้องกันการแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นด้วยการไม่คลุกคลีกับผู้ใกล้ชิด ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเมื่อไอหรือจาม และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วย – สำหรับกลุ่มผู้เสี่ยงสูง…
-
สูตรน้ำเต้าหู้ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและสมอง !
สูตรน้ำเต้าหู้ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและสมอง ! สวัสดีค่ะ… วันนี้เรามีเคล็ดลับ การนำน้ำเต้าหูมาเป็นอาหารเสริม ช่วยในเรื่องบำรุงสุขภาพ ร่างกาย และสมอง แถมยังช่วยในเรื่องของสายตา ยิ่งถ้ารับประทานเป็นประจำ ยังมีสรรพคุณอีกหลายๆอย่าง ที่ช่วยพัฒนาและบำรุงร่างกายของเรา ลองไปดูกันว่า สูตรน้ำเต้าหู้บำรุงร่างกายนี้มีอะไรบ้าง? 1. น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย : จะต้องใช้น้ำเต้าหู้ที่ไม่ใส่น้ำตาลทราย ใช้น้ำเต้าหู้อุ่น ไม่ร้อน ไม่เย็น 2. น้ำมะนาว : ใช้มะนาว 1 ลูก วิธีทำก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่น้ำน้ำมะนาวใส่ลงไปในน้ำเต้าหู้ แล้วคนให้เข้ากัน เมื่อใส่น้ำมะนาวลงไป น้ำเต้าหูจะมีลักษณะข้น หรือคล้ายๆวุ้นหรือโจ๊ก เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ถึงหน้าตาจะดูไม่น่าทาน แต่ขอบอกไว้เลยว่า ช่วยบำรุงสุขภาพได้จริง และมีสรรพคุณต่างๆดังนี้ 1. ช่วยให้ระบบเส้นเลือดฝอยในร่างกาย มีความยืดหยุ่นดี ไม่เปราะหรือแตกง่าย หากคนที่มีปัญหาในเรื่องของเส้นเลือดฝอยเปราะ หรือแตกง่าย หรือมีเลือดออกตามร่างกาย เช่น เลือดออกที่เยื่อบุตาขาว หรือในคุณผู้หญิงที่มักจะมีรอยจ้ำ เขียวในเวลาที่ถูกกระแทกได้ง่าย หรือในผู้สูงอายุ ที่มักมีเลือดออกใต้ผิวหนัง เมื่อทานสูตรนี้เข้าไปแล้ว…
-
บัญญัติ 10 ประการเพื่อการป้องกันโรคระบาด
บัญญัติ 10 ประการเพื่อการป้องกันโรคระบาด ไม่จำกัดว่าต้องเป็นประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้นที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร หรือโรคติดต่อจากคนสู่คนหรือสัตว์สู่คน แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังจำเป็นต้องมีมาตรฐานการควบคุมและป้องกันโรคที่ดีเช่นเดียวกัน การจะไปอาศัยการรักษาหรือการป้องกันจากทางการอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอ ในส่วนของประชาชนทุกคนเองก็ควรต้องมีมาตรการไว้สำหรับรับมือและป้องกันโรคติดต่อ หรือโรคระบาดนี้ด้วยตัวเองกันด้วย ดังนั้นบัญญัติสิบประการที่จะนำมาเสนอคุณผู้อ่านในวันนี้จะเป็นการช่วยสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เพื่อให้ทุกคนได้ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายได้ด้วยตนเอง และให้บัญญัติทั้งสิบประการนี้เป็นสุขบัญญัติพื้นฐานสำหรับครอบครัว ชุมชน โรงเรียนและโรงงาน ต่อไป ซึ่งบัญญัติทั้งสิบประการนั้นได้แก่ 1. ดูแลร่างกายรวมทั้งเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ให้สะอาดอยู่เสมอ 2. ดูแลรักษาฟันให้แข็งแรง และแปรงฟันทุกวันอย่างน้อยวันละสองครั้ง อย่างถูกต้อง 3. ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ก่อนการทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง 4. ทานแต่อาหารที่ปรุงสุก สะอาด ปลอดจากสารเคมีอันตราย และไม่มีสีสันฉูดฉาด และอาหารรสจัดจ้าน 5. งดการดื่มสุรา เสพยาเสพติด สูบบุหรี่ เล่นการพนันและพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ 6. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น 7. ไม่ประมาทในการขับยวดยาน และเครื่องจักร รวมทั้งอุบัติภัยต่าง ๆ 8. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป แล้วตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี 9.…
-
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการนอนหลับของคนเรา
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการนอนหลับของคนเรา หากเป็นช่วงเวลาวันหยุดยาวหรือเทศกาลต่าง ๆ แล้ว บางคนอาจเอาแต่เที่ยวและฉลองกันยันเช้าจนมักลืมไปเลยว่าตัวเองต้องพักผ่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาใด การนอนก็สำคัญสำหรับร่างกายเราอยู่ดี (เค้าไม่มารู้กับเราด้วยหรอกค่ะว่า วันหยุดยาวฉันจะฉลองฉันจะไม่นอน) ยิ่งโดยเฉพาะในกลุ่มสาว ๆ ด้วยแล้ว การอดนอนทำร้ายคุณทั้งทางสุขภาพและรูปร่างหน้าตาภายนอกชนิดปกปิดไม่อยู่เลยเชียวล่ะ ดังนั้นเพื่อการดูแลสุขภาวะที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ เราลองมาอ่านเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการนอนหลับของคนเรากันนะคะ – ในช่วงเวลานอนเป็นเวลาที่ร่างกายเราผลิตโปรตีนขึ้นมา จึงก่อให้เกิดกระบวนการสร้างเซลล์ผิวและฟื้นฟูสภาพเนื้อเยื่อและเซลล์ผิวในระหว่างการนอนหลับด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการอดนอนจึงทำให้ผิวดูทรุดโทรมไม่สดใส – การนอนมีผลต่อกระบวนการจำ สมาธิในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ หากอดนอนก็จะทำให้เบลอๆ งงๆ – การอดนอนยังทำให้เกิดความเสี่ยงและเกิดการกำเริบของโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้มากมาย – การที่ผิวแลดูเหี่ยวย่น หรือแก่ก่อนวัยนั่นเป็นเพราะหากคุณนอนไม่พอ จะทำให้ฮอร์โมนความเครียดที่หลั่งออกมามากเกินไปส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตคอลลาเจนของผิวที่จะทำงานได้ช้าลง แล้วยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการต่อสร้างอนุมูลอิสระในร่างกายทำให้ผิวร่วงโรยก่อนวัย – รวมไปถึงหากคุณยังคงอดนอนอย่างต่อเนื่อง กระบวนการฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากพฤติกรรมแย่ ๆ ต่อตัวเอง และการทำร้ายจากรังสียูสี ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ผิวจึงยิ่งดูแย่ลงไปกว่าเดิม – การอดนอนหรือนอนไม่พอ ยังส่งผลต่อการไหลเวียนของโลหิต ที่จะเห็นได้ชัดก็คืออาการถุงใต้ตาหรือตาบวมนั่นล่ะค่ะ – การได้นอนหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลาที่ร่างกายจะมีอุณหภูมิลดลงต่ำที่สุดก็คือช่วงตีสี่ ถึงตีห้า อีกทั้งฮอร์โมนเมลาโทนินก็จะถูกหลั่งออกมาในช่วงเวลานั้นทั้งจาก เมื่อทั้งอุณหภูมิร่างกายลดลงและระดับเมลาโทนินเพิ่มขึ้นมาเจอกัน ก็จะทำให้นอนหลับได้ง่าย…