Tag: โรคความดันโลหิตสูง

  • ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง

    ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง

    ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง โรคไตเรื้อรังก็คือ สภาวะของไตที่ถูกทำลาย ทำให้ไตทำงานได้ลดลง โดยสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรังก็ได้แก่โรคเรื้อรังเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ไตอักเสบ โรคถุงน้ำในไต ฯลฯ ซึ่งโรคไตจะมีอาการแย่ลงหรือทรุดลงทีละน้อยโดยผู้ป่วยไม่ค่อยรู้ตัว บางคนไม่เคยทราบมาก่อนว่าตัวเองเป็นจนอาการแย่แล้ว ดังนั้นควรได้รับการตรวจและรักษาแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้โรคไตเรื้อรังคงตัวและหายได้ แต่หากปล่อยไว้ไม่ตรวจหรือรักษาก็อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย ซึ่งไตจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป จำเป็นต้องได้รับการฟอกเลือดหรือผ่าตัดเปลี่ยนไต โรคไตเรื้อรังนี้มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง พันธุกรรมของคนในครอบครัว อายุที่มากขึ้นทำให้ไตเสื่อมสภาพลง เป็นคนที่อ้วนหรือเป็นโรคอ้วน และสูบบุหรี่ หากท่านอยู่ในข่ายดังกล่าวนี้ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะ รวมทั้งตรวจเลือดเพื่อหาค่าครีเอตินิน เพื่อนำเอาผลมาประเมินค่าการทำงานของไต ว่าไตทำงานได้มากน้อยเพียงใด หากได้ค่าการทำงานของไตต่ำก็อาจทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้ดังเดิม สูญเสียหน้าที่ในการกำจัดของเสียในร่างกายออกไป สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังนั้น เริ่มแรกอาการอาจไม่รุนแรง อาจมีอาการได้แก่ อ่อนแรง สมองตื้อ เบื่ออาหาร นอนไม่ค่อยหลับ ผิวคันและแห้ง เป็นตะคริวเวลากลางคืน เท้าและข้อเท้าบวม ตาบวมน้ำ โดยเฉพาะในตอนเช้า ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในเวลากลางคืน หากท่านพบว่าตนเองมีปัจจัยเสี่ยงและมีอาการของโรคดังกล่าวมาข้างต้นนี้แล้ว ควรรีบไปขอรับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาและคงอาการไว้ก่อนที่โรคไตเรื้อรังจะดำเนินไปถึงระยะรุนแรง ที่อาจทำให้ไตสูญเสียสมรรถภาพการทำงานไปอย่างถาวรได้ค่ะ

  • สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก

    สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก

    สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก เส้นเลือดในสมองแตก คืออาการที่หลอดเลือดในสมองฉีกขาด เลือดออกในสมอง ทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว มักมีอาการปวดหัว แต่บางรายก็ไม่มีก็ได้ คลื่นไส้ อาเจียน อาจหมดสติ แขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือบ้างก็พูดไม่ได้ อาการแสดงจะขึ้นกับขนาดของก้นเลือดและอาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเฉียบพลัน ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด เพราะโรคนี้เวลาเป็นมักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างนาน หากได้รับการดูแลรักษาที่ทันท่วงทีจะลดอัตราการเสียชีวิตและพิการลงได้มาก จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคนี้มาจากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น เช่นการทำงานหนัก ไม่ออกกำลังกาย กินแต่ของที่มีไขมัน น้ำตาล และเค็มมาก อ้วน สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ และเกิดจากโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อีกส่วนหนึ่งก็คือปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างเช่น กรรมพันธุ์ ความชราของร่างกาย เชื้อชาติ วัยที่มากขึ้นด้วย ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่มาถึงมือหมอก็มักจะมาด้วยอาการแขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง หน้าเบี้ยว ชา มองเห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือมองเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของแต่ละข้างก็ได้ ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน หรือเวียนหัว อาเจียน มีปัญหาการพูด ซึม หมดสติ ชัก เกิดได้หลายอาการรวมกัน แล้วแต่รูปแบบของหรือตำแหน่งของสมองที่มีการขาดเลือดหรือเลือดออกในสมอง หากไม่อยากตกเป็นผู้หนึ่งที่ต้องพิการหรือเสียชีวิต ควรสังเกตตัวเองว่ามีอาการดังต่อไปนี้บ้างหรือเปล่า…

  • ผู้หญิงวัยทอง อ้วนง่ายขึ้นนะจ๊ะ

    ผู้หญิงวัยทอง อ้วนง่ายขึ้นนะจ๊ะ

    ผู้หญิงวัยทอง อ้วนง่ายขึ้นนะจ๊ะ ในผู้หญิงวัยทองเมื่อฮอร์โมนหมดไปแล้วจะมีอาการหงุดหงิดได้ง่าย อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับและใจสั่น ซึ่งอาการก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่สิ่งที่รุนแรงกว่าคือโรคเรื้อรังที่เกิดจากวัยหมดประจำเดือน เกิดจากความชราภาพของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งฮอร์โมนก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย หากร่างกายมีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกที่จะเป็นโรคความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันเลือด โรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย ในช่วงวัยหมดประจำเดือนจึงต้องเป็นช่วงเวลาที่ควบคุมการเพิ่มของน้ำหนักอย่างเข้มงวด เพราะเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุของโรคร้ายแรงที่อาจคร่าชีวิตก่อนวัยอันควรได้ ในวัยอื่นนั้น ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายมีความอ้วนน้ำหนักเกินขึ้นอยู่กับการทานอาหารเป็นสำคัญ แต่ในวัยหมดประจำเดือน บางครั้งแม้จะควบคุมอาหารอย่างเต็มที่แล้วก็ยังไม่สามารถควบคุมน้ำหนักไว้ได้ ซึ่งทางที่ดีที่สุดก็คือควรควบคุมไว้ตั้งแต่วัยก่อนหมดประจำเดือน ในสังคมคนเมืองปัจจุบันนี้อาหารการกินกลับเริ่มแย่ลง คนเรากินอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีไขมันสูง ไม่มีคุณค่าทางอาหารมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ง่าย จริงอยู่ว่าเราอาจไม่สามารถทำอาหารทานเองได้ทุกมื้อ แต่เป็นไปได้ก็ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ มีไขมันต่ำ มีรสหวานน้อย ๆ เค็มน้อย ๆ แล้วทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ตั้งแต่วัยก่อนหมดประจำเดือน ในส่วนของการออกกำลังกาย อย่างน้อยที่สุดควรให้ร่างกายได้ออกกำลังกายบ้าง แต่ละวันให้มีเวลาเดินเล่นอย่างน้อย 30-60 นาที จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก ควรเดินในเวลาที่มีแดดอ่อน ๆ อย่างช่วงเช้า ช่วงเย็น การตากแดดอ่อน ๆ จะช่วยให้ผิวหนังได้รับวิตามินดี ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันรุดหน้าไปมาก…

  • สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด

    สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด

    สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเห็ด พืชที่ชอบขึ้นตามขอนไม้และที่ชื้นแฉะทั้งหลาย มีหลายสายพันธุ์ที่เป็นพิษ แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาทานได้ และสามารถเพาะพันธุ์ขายได้ด้วย มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเห็ดแต่ละชนิดที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ให้คุณค่าต่อร่างกายอย่างไรกันบ้าง – เห็ดชิตาเกะ หรือเห็ดหอม เป็นยาทางแพทย์แผนจีน รักษาโรคได้หลากหลายชนิด ป้องกันเชื้อไวรัสและการก่อกำเนิดของเซลล์มะเร็งได้ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ให้กรดอะมิโน ให้วิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินดีสูง บำรุงกระดูก มีปริมาณของโซเดียมต่ำจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาหวัดได้ – เห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็ง โดยประเทศญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคชรา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น – เห็ดหูหนู ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว เพิ่มภูมิต้านทาน รักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง บำรุงไตและปอด – เห็ดแชมปิญอง หรือเห็ดกระดุม ช่วยป้องกันและต้านทานมะเร็งเต้านมได้ ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง จึงลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง – เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม และเห็ดเป๋าฮื้อ เป็นเห็ดในตระกูลเดียวกัน เชื่อว่าป้องกันโรคไข้หวัด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และบรรเทาอาการโรคกระเพาะได้ –…

  • ลดเกลือ ลดโซเดียม ลดโรคร้าย

    ลดเกลือ ลดโซเดียม ลดโรคร้าย

    ลดเกลือ ลดโซเดียม ลดโรคร้าย พฤติกรรมกินเค็ม เป็นพฤติกรรมปกติของคนทั่วไป ลองคิดดูสิจะมีสักกี่คนที่ทานข้าวผัดแล้วไม่เติมพริกน้ำปลา ทานไข่เจียวแล้วไม่เหยาะซอสพริก หรือทานไข่ดาวแล้วจะไม่เหยาะซอส ทานก๊วยเตี๋ยวแล้วไม่เติมน้ำปลาเลย ฯลฯ เรียกได้ว่าหาแทบจะไม่พบเลยทีเดียว ซึ่งแม้พฤติกรรมนี้จะดูเป็นเรื่องเคยชิน แต่ความจริงแล้วความเค็มหรือเกลือเหล่านี้กำลังทำร้ายสุขภาพของคุณอยู่ โดยปัจจุบันนี้จากการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคเกลือเข้าสู่ร่างกายมากกว่าที่ร่างกายต้องการถึง 2 เท่า การทานเกลือแบบนี้ไม่ใช่การตักเกลือเป็นช้อนเข้าปาก แต่เกิดจากการปรุงอาหารด้วยเครื่องปรุงที่มีเกลือเป็นส่วนผสม เช่น ซอสปรุงรส กะปิ น้ำปลา ซี่อิ๊ว ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ผงชูรส ซอสหอยนางรส น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มไก่ และผงฟูที่ใช้ทำขนมด้วย ซึ่งจากการสำรวจตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไปนั้น อาหารจานเดียวทั้งหลายก็มีปริมาณของเกลือโซเดียมแทบจะเท่ากับปริมาณที่ร่างกายควรบริโภคทั้งวันไปแล้ว นอกเหนือจากนี้อาหารชนิดอื่น ๆ ก็ยังปริมาณของเกลือ หรือโซเดียมมากอีกด้วย เช่น เต้าเจี้ยว ปลาร้า กะปิ ของดอง กุ้งแห้ง อาหารกระป๋อง ปลาเค็ม ปลาตากแห้ง เนื้อตากแห้ง ขนมถุงกรุบกรอบ อาหารแปรรูป น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำพริก เครื่องจิ้มต่าง ๆ อาหารที่ใส่ผงชูรส อาหารที่ใส่ผงฟู…

  • เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องลดอาหารเค็มนะ

    เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องลดอาหารเค็มนะ

    เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องลดอาหารเค็มนะ โรคความดันโลหิตสูงคือ โรคที่ผู้ป่วยมีค่าความดันโลหิตเกินกว่า 140/90 ขึ้นไป เป็นฆาตกรเงียบ ผุ้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีอาการ อาจมีอาการเตือนบ้างเช่น ปวดมึนท้ายทอย วิงเวียน ปวดหัวตุบ ๆ ยิ่งปล่อยให้เป็นนานเท่าไรก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดทั่วร่างกายเท่านั้น ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ไตวาย ฯลฯ ซึ่งมีความอันตรายมาก ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงความดูแลตนเอง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานผัก ผลไม้สดไม่หวานและลดอาหารที่มีรสหวานมันเค็ม อีกทั้งยังควรผ่อนคลายความเครียดด้วย อีกสองอย่างที่ควรเลิกอย่างเด็ดขาดเลยก็คือเหล้าและบุหรี่ สาเหตุที่คนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงควรลดอาหารเค็ม ก็เพราะในเกลือนี้จะมี โซเดียม อยู่มากโซเดียมจะดูดน้ำได้ดี นอกจากพบมากในเกลือแล้ว ยังพบได้อีกใน ผงชูรส สารกันเสีย ผงฟูที่ใส่ในอาหารพวกเบเกอรี่ ขนมปังต่าง ๆ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเวลาทานอาหารเหล่านี้แล้วเรามักหิวน้ำมากนั่นเอง การงดอการเค็มก็เพื่อป้องกันมิให้น้ำคั่งในร่างกายมากขึ้น น้ำเลือดเพิ่มขึ้นแต่หลอดเลือดมีขนาดเท่าเดิม บางคนยังแข็ง ตีบ เปราะอีก อาจทำให้เกิดแรงดันในหลอดเลือดสูงขึ้น จนเส้นเลือดแตกหรือฉีกขาดได้ นอกจากนี้การกินเค็มมากยังทำให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้อีก ซึ่งการลดโซเดียมในอาหารนี้ก็มีเคล็ดลับง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ – ไม่เติมเครื่องปรุงเพิ่มไม่ว่าจะเป็น ผงชูรส น้ำปลา เกลือ…

  • สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้

    สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้

    สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้ การสวดมนต์นั้นเป็นเครื่องช่วยนำสู่สมาธิได้ ทำให้ผู้สวดจดจ่ออยู่กับบทสวด ใจไม่ฟุ้งไปที่อื่นจึงเกิดสมาธิได้ง่ายมาก เมื่อร่างกายเข้าสู่สมาธิจะหลั่งสารที่กระตุ้นระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้จิตใจและร่างกายมีความผ่อนคลาย สร้างภูมิต้านทานได้ดีขึ้น เมื่อเจ็บป่วยก็จะดีขึ้นตามลำดับ ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยและเยียวยารักษาโรคได้มากมายไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน ซึมเศร้า มะเร็ง ไมเกรน ออทิสติก โรคอ้วน นอนไม่หลับ พาร์กินสัน ฯลฯ ซึ่งสามารถทำได้หลายแบบได้แก่ 1. สวดมนต์ด้วยตนเอง อาจตื่นมาสวดตอนเช้าหรือก่อนเข้านอน แต่ไม่ควรสวดหลังกินอาหารทันที อาจสวดบทสั้น ๆ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสารซีโรโทนินออกมา หากสวดบทยาวจะช่วยให้ผ่อนคลายและเกิดความศรัทธา ขณะสวดมนต์ให้หลับตาสวดให้เกิดเสียงดังให้ตัวเองได้ยิน 2. การสวดให้ผู้อื่นฟัง อาจเป็นการฟังพระสวด หรือเปิดเทปฟัง ยิ่งหากผู้สวดมีสมาธิ เสียงจะนุ่มและทุม ทำให้เกิดคลื่นที่ช่วยเยียวยาผู้ฟังได้ แต่หากผู้สวดไม่มีสมาธิหรือไม่มีความเมตตาจะไม่ช่วยเยียวยาอาการป่วยเลย 3. การสวดมนต์ให้แก่ผู้อื่น เป็นการส่งความปรารถนาดีไปสู่ผู้ป่วยจากคลื่นที่เป็นบวก เมื่อเราคิดจะส่งสัญญาณนี้ออกไปสู่ที่ไกล ๆในรูปของคลื่นไฟฟ้า ช่วยเยียวยารักษาผู้อื่นได้ บทสวดมนต์นั้นมีอยู่มากมาย สามารถเลือกบทที่ชอบสวดได้ตามต้องการ เลือกบทที่สวดแล้วสบายใจอย่างอิติปิโสก็ได้ แล้วสวดเท่าอายุ หรือหากต้องการให้ตัวเองหรือผู้อื่นหายเจ็บป่วย นิยมสวดโพชฌงค์เจ็ด ซึ่งมีความแตกต่างจากบทอื่น…

  • วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด เพราะการคลอดก่อนกำหนดเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ทารกแรกเกิดพิการหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไว้ก่อน โดยคุณแม่เองก็ต้องใส่ใจให้มาก ๆ เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วควรใส่ใจและดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ค่ะ – รีบฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ไปพบหมอตามนัดทุกครั้งและทำตามตามคำแนะนำให้ครบถ้วน – กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกรดโฟเลตหรือโฟลิค ซึ่งก็คือวิตามินบีชนิดหนึ่ง พบได้มากในผักผลไม้สดทั้งผล หรือวิตามินรวม ธาตุเหล็ก แคลเซียม โปรตีน ให้มาก เพื่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์ – หากมีโรคเรื้อรังอยู่ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ความตรวจเช็คดูแล ป้องกันโรคเหล่านี้ให้ดีด้วย – ปรึกษาคุณหมดด้วยว่าในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นี้ จะสามารถออกแรงทำงาน ออกกำลังกายหรือร่วมเพศได้อย่างไร – งดการสูบบุหรี่ เหล้า สารเสพติดทุกชนิด รวมทั้งไม่เข้าไปสูดดมควันบุหรี่ สารระเหยต่าง ๆ ด้วย – ทำจิตใจให้สบาย ปราศจากความเครียด – ใส่ใจกับสุขภาพปากและฟันด้วย – ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ หรือจะใช้แอลกอฮอล์เจลเช็ดมือก็ได้ ทั้งก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ เข้าบ้าน เข้าที่ทำงาน…

  • ลองฝึกชี่กงเพื่อฟื้นฟูและรักษาสุขภาพกันดูสิคะ

    ลองฝึกชี่กงเพื่อฟื้นฟูและรักษาสุขภาพกันดูสิคะ

    ลองฝึกชี่กงเพื่อฟื้นฟูและรักษาสุขภาพกันดูสิคะ ชี่กงเป็นคำภาษาจีนค่ะ คำว่าชี่ หมายถึง พลังลมปราณ ส่วนคำว่า กง หมายถึง การฝึกฝนปฏิบัติ เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงหมายถึงการฝึกฝนปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสมดุลของพลังลมปราณ มีมากว่าห้าพันปีแล้ว มีต้นกำเนิดในประเทศจีนนั่นเองค่ะ โดยมีหลักการก็คือ พลังงานเกี่ยวกับกฎของธรรมชาตินั้น จะมีความเกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งสาม ได้แก่ สวรรค์ พื้นโลก และมนุษย์ หากพลังงานทั้งสามถ่ายเทซึ่งกันและกันได้ดี ก็จะมีความสมดุล ไม่ป่วยไข้ โลกก็จะสันติสุข ไม่เกิดภัยพิบัติ ฝนตกตามฤดูกาล พืชพันธ์ออกดอกออกผลตามเวลา แต่ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นโลกหรือมนุษย์ต่างก็ตกอยู่ในภาวะไม่สมดุล จึงเกิดความวิปริตและโรคภัยนานาชนิดขึ้น การฝึกชี่กงเพื่อรักษาสุขภาพนั้น จะเน้นการปรับสมดุลของพลังลมปราณ เช่น หากหยินหรือหยางพร่องก็จะมีการฝึกท่าทางต่าง ๆ เพื่อเพิ่มหยินหรือหยางที่ขาดไป โดยมีองค์ประกอบสามอย่างได้แก่ การหายใจที่ถูกวิธี การมีสมาธิในขณะที่ฝึก และการใช้ท่วงท่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญรองลงมาจากการหายใจและการใช้สมาธิ เมื่อฝึกชี่กงแล้วนั้นจะมีประโยชน์ก็คือ ทำให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นทนทานมากขึ้น ในขณะที่ก็ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ การหายใจดีขึ้น ป้องกันโรคกระดูกพรุน ลดอาการปวดจากความตึงของกล้ามเนื้อ ลดความดันโลหิตสูง เพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ลดอาการภูมิแพ้ คลายเครียดได้ด้วย ผลข้างเคียงจากการฝึกชี่กง ซึ่งอาจเกิดจากการฝึกที่ไม่ถูกต้องได้ เช่น อาจมีความร้อนสะสมในร่างกาย อาจร้อนวูบวาบเฉพาะที่…

  • ลดเค็มลงครึ่งหนึ่งจะได้ไหม?

    ลดเค็มลงครึ่งหนึ่งจะได้ไหม?

    ลดเค็มลงครึ่งหนึ่งจะได้ไหม? ในปัจจุบันนี้คนไทยเรามีสติถิการเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึงกว่า 12 ล้านคน เป็นโรคไต 8 ล้านคน โรคหัวใจขาดเลือด 7.5 แสนคน รวมถึงโรคหัวใจขาดเลือดหรืออัมพฤกษ์ อัมพาตที่มีสาเหตุมาจากการกินอาหารที่มีรสเค็มหรือมีโซเดียมสูงมาก ทำร้ายร่างกายได้ในระยะยาว ซึ่งจากการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคเกลือหรือโซเดียมสูงเกินกว่าที่แนะนำต่อวันถึงสองเท่าตัว หรือประมาณ 5,000 มิลลิกรัมต่อวันเลยทีเดียว ซึ่งมักอยู่ในรูปของเครื่องปรุงรสต่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำปลา ซีอีว ผงชูรส เกลือ กะปิ เครื่องแกง น้ำปลาร้า ผงฟู ฯลฯ อาหารที่เป็นนิยมและมีโซเดียมอยู่มากมักไม่ใช่อาหารสดแต่จะเป็นอาหารปรุงสำเร็จ หรืออาหารแปรรูป ไมว่าจะเป็น อาหารกระป๋อง อาหารดองเค็ม ตากแห้ง แช่อิ่ม บะหมี่วอง กุนเชียง ลูกชิ้น ไข่เค็ม ขนมถุง ขนมปัง ฯลฯ แม้แต่กับข้าวสำเร็จที่ขายก็ยังมีโซเดียมสูงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นแกงไตปลา ไข่พะโล้ คั่วกลิ้ง แม้แต่ในอาหารจานเดียวอย่าง ข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมู ข้าวคลุกกะปิ ข้าวมันไก่ ก็มีโซเดียมต่อจานตั้งแต่ 1,000-2,000 มิลลิกรัมเลยนะคะ…