Tag: โรคกระเพาะ

  • ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน

    ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน

    ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่มักเป็นตลอดชีวิต หากปล่อยปละละเลยหรือขาดการดูแล ก็อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงจนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมไปถึงอาจเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่จะค่อย ๆ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมสภาพลงจนเกิดโรคแทรกซ้อนได้ทุกระบบ ซึ่งได้แก่ – หลอดเลือดแดงทั้งเล็กและใหญ่ทั่วร่างกายแข็งและตีบ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ เกิดความเสื่อมได้ เช่น จอประสาทตาเสื่อม ตามัว ตาบอด ไตวายเรื้อรัง ประสาทเสื้อ ทำให้มีอาการชาปลายมือปลายเท้า ท้องเดินหรือท้องผูก – โรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง – หน้าซีดเป็นลมเวลาลุกขึ้นยืน – องคชาตไม่แข็งตัว – หลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้หัวใจวายเสียชีวิตได้ – อัมพาต – ความจำเสื่อม – ติดเชื้อได้ง่าย เพราะเบาหวานทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง และอาจติดเชื้อซ้ำซาก เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ โรคเชื้อราที่ผิวหนัง ฝี พุพอง – การติดเชื้อรุนแรง เช่น กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน ปอดอักเสบ วัณโรค –…

  • สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด

    สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด

    สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเห็ด พืชที่ชอบขึ้นตามขอนไม้และที่ชื้นแฉะทั้งหลาย มีหลายสายพันธุ์ที่เป็นพิษ แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาทานได้ และสามารถเพาะพันธุ์ขายได้ด้วย มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเห็ดแต่ละชนิดที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ให้คุณค่าต่อร่างกายอย่างไรกันบ้าง – เห็ดชิตาเกะ หรือเห็ดหอม เป็นยาทางแพทย์แผนจีน รักษาโรคได้หลากหลายชนิด ป้องกันเชื้อไวรัสและการก่อกำเนิดของเซลล์มะเร็งได้ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ให้กรดอะมิโน ให้วิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินดีสูง บำรุงกระดูก มีปริมาณของโซเดียมต่ำจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาหวัดได้ – เห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็ง โดยประเทศญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคชรา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น – เห็ดหูหนู ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว เพิ่มภูมิต้านทาน รักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง บำรุงไตและปอด – เห็ดแชมปิญอง หรือเห็ดกระดุม ช่วยป้องกันและต้านทานมะเร็งเต้านมได้ ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง จึงลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง – เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม และเห็ดเป๋าฮื้อ เป็นเห็ดในตระกูลเดียวกัน เชื่อว่าป้องกันโรคไข้หวัด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และบรรเทาอาการโรคกระเพาะได้ –…

  • จัดการความเครียดให้อยู่หมัดใน 4 วิธี

    จัดการความเครียดให้อยู่หมัดใน 4 วิธี

    จัดการความเครียดให้อยู่หมัดใน 4 วิธี แทบทุกคนต่างก็ต้องเผชิญกับความเครียดได้ทั้งสิ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงหรือตั้งรับให้ดีแล้ว ความเครียดก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคกระเพาะอาหาร โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ ฯลฯ ซึ่งความเครียดนี้เกิดได้หลายปัจจัยทั้งทางด้านการเงิน การงาน ความสัมพันธ์ สุขภาพ และปัญหาอื่น ๆ การจัดการความเครียดนั้นทำได้หลายแบบ และสี่วิธีนี้คือหนึ่งในวิธีที่ดี 1. หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือบุคคลที่ทำให้เราเครียด ด้วยการรู้จักปฏิเสธ เลี่ยงการเผชิญหน้า ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน แล้วเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำในชีวิต 2. เปลี่ยนสิ่งที่ทำให้เครียด ด้วยการบอกความรู้สึกของเราต่อผู้ที่ทำให้เราเครียดด้วยความนุ่มนวล หรือการปรับเปลี่ยนตนเองที่เป็นสาเหตุทำให้คนอื่นเครียด จัดสรรเวลาทำงานให้ดีขึ้น เพราะการทำงานหนักหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ จนยุ่งทั้งวันนั้นไม่ใช่เรื่องดี จะทำให้เหนื่อยล้าเกินไปและเกิดความเครียดได้ง่ายขึ้นด้วย 3. ปรับตัวให้เข้ากับความเครียด ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ลองปรับเปลี่ยนตัวเองให้ยอมรับหรือเปลี่ยนทัศนคติหรือความคาดหวังจากเดิมไปบ้าง มองปัญหาในมุมใหม่ มองในด้านดี ลดมาตรฐานลง คนที่อยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบมักจะเครียดง่ายและทำให้คนอื่นเครียดไปด้วย 4. ยอมรับความเครียด หากหนี ปรับเปลี่ยนหรือควบคุมสาเหตุของความเครียดบางอย่างไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ภาวะการเงินตกต่ำ หรืออุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง วิธีนี้ทำได้ยากที่สุด แต่ดีที่สุดในทุกวิธีที่บอกมา รวมไปถึงการให้อภัยทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลดความขุ่นเคืองและลดความเครียดลงได้ จนสามารถมองเห็นทางออกของปัญหาได้ด้วย…

  • มากินพริกกันเถอะค่ะ

    มากินพริกกันเถอะค่ะ

    มากินพริกกันเถอะค่ะ พริกเป็นเครื่องปรุงเพิ่มรสเผ็ด มีหลายพันธุ์และหลายรูปแบบแล้วแต่การแปรรูป พบเจอได้ทุกครัวและร้านอาหาร การเติมพริกนั้นก็แล้วแต่ว่าลิ้นของท่านจะชื่นชอบรสเผ็ดมากขนาดไหน ก็ลางเนื้อชอบลางยากันไป พริกเนี่ย อันที่จริงแล้วไม่ได้ให้แต่รสเผ็ดอย่างเดียวนะคะ แต่ยังมีคุณค่าทางอาหารด้วยไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี คาโรตินอยด์ วิตามินเอ ช่วยบำรุงร่างกายแล้วยังมีสรรพคุณทางยาจากแคปไซซิน สารให้ความเผ็ดที่มีอยู่ในพริกอีกด้วย วันนี้เรามาดูกันไหมคะว่าพริกเผ็ด ๆ เนี่ย มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง – พริกช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น ลดความไวของปอดต่อสารระคายเคืองต่าง ๆ ช่วยขับเสมหะได้ด้วย ลดการบวมตัวของเซลล์ในหลอดลม ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบหลอดลม พริกจึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นหอบหืดช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้นนั่นเองค่ะ – พริกมีคุณสมบัติช่วยสลายลิ่มเลือดได้ – แคปไซซินมีฤทธิ์ช่วยชะลอการส่งผ่านของเซลล์ประสาทไปยังสมอง ทำให้รับรู้ความเจ็บปวดช้าลง จึงช่วยลดความปวดได้ – พริกมีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน ช่วยกระตุ้นสมองส่วนกลาง ทำให้เกิดความผ่อนคลาย หลับง่ายขึ้นและลดความดันโลหิตได้ด้วย – พริกทำให้กินอาหารได้มากขึ้น กระตุ้นความอยากอาหารได้ – ในพริกมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วยนะ แต่ทุกสิ่งนั้นเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียด้วยเช่นกัน การกินพริกนั้นควรระวังไว้ว่าไม่ควรทานในขณะท้องว่าง จะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารจนเป็นแผลได้ สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือแผลเป็นในกระเพาะอาหาร การทานอาหารเผ็ด ๆ อาจทำให้โรคกำเริบขึ้นได้ค่ะ ต้องระมัดระวังให้มากเช่นกัน

  • ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด

    ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด

    ความเครียด…อาจเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังได้หลายชนิด ด้วยการใช้ชีวิตในทุกวันนี้ทำให้เกิดความเครียดในหมูคนไทยกันมากขึ้น ก่อให้เกิดผลเสียหลายประการไม่ว่าจะเป็น ทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน อารมณ์ไม่มั่นคง หงุดหงิด โมโหง่าย ปวดท้อง ปวดหัว ปวดหลังนอนไม่หลับ แล้วยังอาจเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรงอื่น ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร ต่อมไทรอยเป็นเป็นพิษ รวมไปถึงโรคจิต โรคประสาทได้อีก แต่เชื่อหรือไม่ว่านอกจากนี้แล้ว ความเครียดยังเป็นบ่อเกิดของโรคผิวหนังนานาชนิดได้อีกด้วยค่ะ สามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้ดังนี้ – ในส่วนผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอยู่แล้ว การมีความเครียดหรือโรคทางใจทำให้โรคกำเริบได้ เช่น ผมร่วง ภูมิแพ้ผิวหนัง เริม คัน สะเก็ดเงิน สิวเห่อ โรคผิวเปลือกไม้ หูด รวมไปถึงลมพิษ – กลุ่มโรคผิวหนังที่ทำให้จิตป่วยและเครียด คือโรคผิวหนังที่ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะภายนอกไม่น่ามอง เช่น สิวรุนแรง ด่างขาว สะเก็ดเงิน เริ่ม ผู้ป่วยจึงเสียความมั่นใจ รู้สึกอับอาย – กลุ่มโรคทางใจที่ทำให้เกิดอาการทางผิวหนัง เช่น โรคชอบดึงผมเล่นจนร่วง โรคหลงผิดคิดว่ามีแมลงหรือพยาธิไต่ตามผิวหนัง โรคฝังใจว่ามีเส้นใยผุดออกมาจากผิวหนัง โรคไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาตนเอง ชอบคิดว่าตนเองไม่สวย ผมบาง ขนดก และชอบเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น…

  • “กระเจี๊ยบเขียว” ช่วย DETOX ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม

    “กระเจี๊ยบเขียว” ช่วย DETOX ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม

    “กระเจี๊ยบเขียว” ช่วย DETOX ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม รู้กันรึเปล่า? ว่า “กระเจี๊ยบเขียว” เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการอาหารอย่างสูง เนื่องจากในกระเจี๊ยบเขียว จะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นในสูง ส่วนมาเรามักจะนำกระเจี๊ยบเขียวมาเป็นผักเคียงกับน้ำพริก นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำอาหารได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แกงต่างๆ ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว ยำกระเจี๊ยบเขียว หรือจะเป็นอาหารว่างอย่าง กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอดเป็นต้น สรรพคุณทางยาของกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียว นั้นเป็นพืชผัก ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ เนื่องจากในฝักกระเจี๊ยบเขียวนั้น จะมีเมือกจำพวกเพ็กติน Pectin และ กัม Gum ที่จะสามารถช่วยเคลือบหรือสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้อย่างดีเยี่ยม และยังช่วยให้แผลไม่ลุกลาม ช่วยรักษาความดันให้เป็นปกติ ช่วยบำรุงสมอง และยังมีสรรพคุณเป็นยาระบาย แถมยังสามารถช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้ดีอีกด้วย (แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะต้องมีการรับประทานติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 15 วันนะค๊ะ) ผลสำรวจจากการแปรรูปกระเจี๊ยบเขียว ให้ข้อมูลมาว่า – รับประทานกระเจี๊ยบเขียว 10-15 ฝัก ทุกวันจะช่วยบำรุงตับได้ดี – รับประทานกระเจี๊ยบเขียว 3-5 ฝัก ก่อนอาหารทุกวัน จะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร –…

  • อาหารต้องห้ามของ 10 โรค

    อาหารต้องห้ามของ 10 โรค

    อาหารต้องห้ามของ 10 โรค อาหารต้องห้ามหรือของแสลง ก็คืออาหารท่านเข้าไปแล้วทำให้อาการกำเริบหรือโรคที่เป็นอยู่หายช้าลง มีพื้นฐานมาจากภูมิปัญญาทางการแพทย์พื้นบ้าน รู้ไว้จะดีกว่านะคะ ..หากเป็นโรคกระเพาะ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกกาแฟ ชาแก่ ๆ ของทอด อาหารรสเผ็ด หรือมีไขมันสูง อาจทำให้โรคหายยากขึ้น ควรทานอาหารให้ตรงเวลาและเลือกอาหารที่ย่อยง่ายดีกว่า .. หากเป็นไข้ หรือเป็นไข้หวัด เลี่ยงอาหารที่มีความเย็น ของทอด ของมัน ที่ย่อยยาก จะยิ่งทำให้ตัวร้อนขึ้น .. หากเป็นโรคความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เช่น โกโก้ ไข่ปลา ไขกระดูก หมูสามชั้น สุรา แอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดและผลไม้ที่มีความหวานอย่างขนุน ทุเรียน ลำไย ด้วย .. หากเป็นโรคตับหรือถุงน้ำดี เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลด์ อาหารติดมัน เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องใน ของทอด ของหวานจั เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของการย่อยอาหารลดลง เพิ่มภาระให้กับตับและถุงน้ำดี ..หากเป็นโรคหัวใจและโรคไต เลี่ยงอาหารที่มีความเค็ม เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตเองก็ต้องขับเกลือมากขึ้น…

  • วิธีเคี้ยวอาหาร 7 เลเวล ช่วยระบบย่อยแข็งแรง

    วิธีเคี้ยวอาหาร 7 เลเวล ช่วยระบบย่อยแข็งแรง

    วิธีเคี้ยวอาหาร 7 เลเวล ช่วยระบบย่อยแข็งแรง ยิ่งเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากเท่าไร ก็จะช่วยให้ระบบย่อยนับตั้งแต่กระเพาะอาหารเรื่องไปจนลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ทำงานน้อยลง สารอาหารก็ถูกดูดซึมดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง แถมยังไม่อ้วนอีกด้วยนะคะ มีวิธีเคี้ยวอาหารถึง 7 เลเวลให้คุณดูเลยค่ะว่า การเคี้ยวนั้นยิ่งนานเท่าไรก็ยิ่งดีต่อสุขภาพนั่นเอง – เคี้ยวอาหารคำละ 30 ครั้ง จะช่วยให้เหงือกและกรามแข็งแรง ช่วยคลายเครียด คลายความหงุดหงิดลงได้ – เคี้ยวอาหารคำละ 50 ครั้ง จะช่วยอารมณ์หดหู่และวิตกกังวล แล้วยังช่วยลดความอ้วนได้อีกด้วย – เคี้ยวอาหารคำละ 60 ครั้ง ช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง ลดอาการท้องผูก เหมาะมากสำหรับอาหารที่มีกากใยสูง ๆ – เคี้ยวอาหารคำละ 80 ครั้ง ทำให้ประสาทสัมผัสไวขึ้น สามารถจัดจำและแยกรสชาติของอาหารทั้งจากธรรมาชาติและสารปรุงอาหาร ทำให้ความจำดีขึ้นด้วย – เคี้ยวอาหารคำละ 100 ครั้ง ช่วยให้อารมณ์สงบเยือกเย็น มีสมาธิมากกว่าเดิม ร่างกายจึงดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น ลดความอยากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้ – เคี้ยวอาหารคำละ 150 ครั้ง…

  • มาลองดูกันว่าหากมีอาการปวดท้อง 9 แห่งนี้จะบ่งบอกอะไรได้บ้าง?

    มาลองดูกันว่าหากมีอาการปวดท้อง 9 แห่งนี้จะบ่งบอกอะไรได้บ้าง?

    มาลองดูกันว่าหากมีอาการปวดท้อง 9 แห่งนี้จะบ่งบอกอะไรได้บ้าง? แม้จะเป็นอาการปวดท้องเหมือนกัน แต่เพียงห่างกันไม่มาก อาการของโรคหรือสาเหตุก็แตกต่างกันไปแล้ว ดังนั้นเพื่อการวิเคราะห์ในเบื้องต้นให้ถูกต้อง ต้องมาสังเกตบริเวณที่ปวดให้ละเอียดขึ้นดังต่อไปนี้ 1. หากมีอาการปวดบริเวณชายโครงขวา ซึ่งเป็นจุดของถุงน้ำดีและตับ หากกดแล้วมีก้อนแข็ง ปวดมาก กับอาการตัวเหลืองตาเหลือง ก็คือ ตับและถุงน้ำดีมีปัญหา ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน 2. หากมีอาการปวดบบริเวณใต้ลิ้นปี่บริเวณกลางลำตัว หรือซี่โครงซี่กลางสุด หากปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร หากปวดรุนแรงและคลื่นไส้อาเจียนด้วย อาจมีปัญหากับตับอ่อน และหากคลำพบก้อนเนื้อแข็งและใหญ่ ควรรีบไปพบแพทย์เพราะอาจเกี่ยวข้องกับตับ และหากคลำพบก้อนสามเหลี่ยงแบน ๆ เล็ก ๆ ก็คือกระดูกลิ้นปี่ ควรปรึกษาแพทย์เช่นกัน 3. หากปวดบริเวณชายโครงซ้าย ควรรีบไปพบแพทย์เพราะอาจมีอาการเกี่ยวกับม้าม 4. หากมีอาการปวดเอวด้านขวา ถ้าปวดมากอาจหมายถึงลำไส้ใหญ่อักเสบ หากปวดจนถึงต้นขา อาจเริ่มต้นเป็นนิ่วในท่อไตได้ และหากปวดพร้อมกับมีไข้หนาวสั่น และปัสสาวะขุ่นด้วย อาจพบเป็นกรวยไตอักเสบ ควรพบแพทย์ด่วน รวมไปถึงหากคลำเจอก้อนเนื้อด้วย 5. หากปวดรอบสะดือมักจะมีปัญหาท้องเดิน เพราะเป็นตำแหน่งของลำไส้เล็ก แต่หากกดแล้วเจ็บมากควรรีบไปพบแพทย์เพราะคุณอาจไส้ติ่งอักเสบ และถ้าปวดแล้วมีลมในกระเพาะด้วย อาจเป็นแค่โรคกระเพาะ หรือลำไส้ทำงานมากผิดปกติได้ 6. หากปวดเอวด้านซ้าย จะเหมือนข้อ…

  • เทคนิควิธีรับมือกับปัญหา “ปวดท้อง” และปัญหาระบบทางเดินอาหาร

    เทคนิควิธีรับมือกับปัญหา “ปวดท้อง” และปัญหาระบบทางเดินอาหาร

    เทคนิควิธีรับมือกับปัญหา “ปวดท้อง” และปัญหาระบบทางเดินอาหาร – ปวดแสบปวดร้อนกลางอก อาการบ่งบอกถึง โรคกรดไหลย้อน แต่ไม่ต้องกังวลไปนักถ้าหลังจากที่รับประทานยาลดกรดแล้วมีอาการดีขึ้น แต่ถ้าอาการปวดแสบปวดร้อนนั้น เกิดขึ้นบ่อยกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้งหละก็ ขอแนะนำว่าอย่าปล่อยไว้นาน เพราะกรดจะเข้าไปทำลายหลอดอาหาร ทำให้น้ำหนักลดและรับประทานอาหารได้ยาก – ไส้ติ่งอักเสบ อาการของผู้ที่เป็นไส้ติ่งอักเสบนั้น จะมีการปวดท้องที่ช่องท้องส่วนบนอย่างรุนแรง และจะลามไปปวดที่ช้องท้องน้อยด้านขวา และจะมีอาการร่วมด้วยคือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาจจะมีไข้ขึ้นสูงอีกด้วย ถ้าหากเกิดอาการแบบนี้ ต้องรับไปหาหมออย่างรวดเร็ว เพราะถ้าทิ้งไว้นาน อาการจะเลวร้ายลงอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง และถ้ายังปล่อยไว้โดยไม่ยอมรักษา ไส้ติ่งอาจจะแตก ติดเชื้อ และอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย – กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ จะมีอาการปวดท้องเกร็งเป็นระยะๆ และจะมีอาการร่วมคือ อาการท้องเสีย คลื่นไส้ และเจ็บปวดมาก วิธีแก้คือ ควรดื่มน้ำเยอะๆ และคอยดูอาการ หากคุณมีภาวะขาดน้ำหรือ กินแล้วยังท้องเสีย ถ่ายบ่อยเกินสองวันหละก็ ควรรีบไปหาหมออย่างด่วน – แผลเปื่อยเพปติก หรือ แผลเปื่อยในลำไส้เล็ก จะมีอาการปวดหัวตื้อๆ ปวดถี่ๆ คลื่นไส้…