Tag: โพรงจมูกอักเสบ
-
ทำไม…ตากฝนแล้วเราจึงเป็นหวัด?
ทำไม…ตากฝนแล้วเราจึงเป็นหวัด? หลายคนคงเคยสงสัยกันอยู่บ้างว่าทำไมแค่ตัวเราเปียกฝนแล้วจึงเป็นหวัดได้ ทั้งที่เราก็อาบน้ำสระผมตัวเปียกอยู่ทุกวัน แต่ไม่ยักกะเป็นอะไร วันนี้ค่ะ เราจะมาฟังคำอธิบายกันว่าทำไมการตากฝนแล้วจึงทำให้เราเป็นหวัดขึ้นมาได้ – เพราะโรคหวัดเกิดจากไวรัสที่ทำให้โพรงจมูกอักเสบติดเชื้อ และมีไวรัสเป็นจำนวนมากที่ทำให้เกิดเป็นไข้หวัดได้ ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศแล้วก็ตกลงไปเกาะติดอยู่ตามพื้น หรือปะปนไปกับฝุ่น ความจริงไวรัสเหล่านี้มีชีวิตไม่นานนัก แต่ปกติเราก็สัมผัสกับไวรัสเหล่านี้อยู่บ้างแล้ว แต่เพราะในเวลาปกติที่ฝนไม่ได้ตก เรามีภูมิต้านทานร่างกายและสภาวะแวดล้อมที่จะไม่ทำให้ติดเชื้อ เราจึงไม่เป็นหวัด แต่เพราะในเวลาฝนตกมักจะมีลมแรง ลมเหล่านี้จะพัดเอาไวรัสฟุ้งกระกระจาย เราอยู่ในบริเวณนั้นก่อนที่ฝนจะตก จะทำให้มีโอกาสที่ไวรัสจะสัมผัสกับเรามากขึ้น ดังนั้นหากลมเริ่มแรงและฝนกำลังจะตก ให้หาที่หลบดีกว่าอย่าอยู่ที่โล่ง หรือหากเลี่ยงไม่ได้ให้ปิดปากปิดจมูกด้วยผ้าไว้ก่อนก็ได้ค่ะ – และหากเราตากฝนจนศีรษะเปียก การที่เราเป็นหวัดไม่ได้เกิดจากศีรษะเปียก (ไม่งั้นเราคงเป็นหวัดเวลาสระผมทุกครั้ง) แต่เป็นเพราะว่าเมื่อศีรษะเปียกฝนจะทำให้อุณหภูมิพื้นผิวของเยื่อบุจมูกลดลงประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พอดีสำหรับการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสที่ตกค้างในช่องจมูก หากได้ยืนตากลมหรือรับเชื้อมาก่อนช่วงเวลาฝนตกก็จะยิ่งทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายต้านทานเชื้อไม่ไหว เกิดสารคัดหลั่งออกมามากขึ้น (น้ำมูกนั่นล่ะค่ะ) และหากเชื้อไวรัสลุกลามลงคอก็จะทำให้คออักเสบได้ – นอกจากลม และศีรษะที่เปียกฝนแล้ว อุณหภูมิบริเวณมือเท้าก็มีผลด้วย การที่เท้าเราแช่น้ำ หรือต้องลุยน้ำเวลานาน ๆ ทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงจนกลายเป็นหวัดได้อีกด้วย ดังนั้นต่อไปนี้หากอยู่นอกบ้านแล้วพบว่าฝนตก ควรป้องกันตัวเองจากไวรัสและการติดเชื้อด้วยการ พยายามหาที่หลบฝนเสียก่อน แล้วรอจนฝนหยุดแล้วจึงเดินทางต่อ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ควรกางร่มเพื่อบังศีรษะของเราไว้ นำผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกปิดปากไว้ด้วยก็จะดีขึ้น เมื่อเข้าที่แห้งแล้วให้รีบเช็ดผมที่เปียกให้แห้ง หากกลับบ้านก็ควรสระผมแล้วเช็ดหรือเป่าให้แห้งโดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นควรทำร่างกายให้อบอุ่น ด้วยการดื่มน้ำอุ่น ๆ ใส่เสื้อผ้าหนา…
-
ดูแลลูก ๆ ให้ห่างไกลจากโรคหูอักเสบในฤดูฝนนี้
ดูแลลูก ๆ ให้ห่างไกลจากโรคหูอักเสบในฤดูฝนนี้ ในช่วงหน้าฝนจะเป็นฤดูที่เด็ก ๆ มักมีความเสี่ยงเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบมากกว่าฤดูอื่นของประเทศไทย ซึ่งมักมาพร้อมกับโรคหวัดในหน้าฝน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้ลุกลามจนกลายเป็นโรคหูหนวกได้ในอนาคต กลุ่มที่น่าเป็นห่วงก็คือเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ จากสถิติแล้วกว่าร้อยละ 80 นั้นเคยเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ซึ่งสาเหตุของโรคหูชั้นกลางอักเสบนี้เกิดจากการติดเชื้ไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย แล้วเกิดการอักเสบและบวมแดงของแก้วหู จนเกิดเป็นน้ำหรือหนองในเยื่อแก้วหู บางรายที่รุนแรงก็ทำให้เยื่อแก้วหูฉีกขาดได้ เด็กที่มีความเสี่ยงมากนอกจากจะเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบแล้ว ยังเป็นเด็กที่อยู่ในโรงเรียนอนุบาล หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก รวมไปถึงเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ ไม่แข็งแรง ป่วยง่าย ติดเชื้อโรคหวัด คออักเสบ หรือโพรงจมูกอักเสบมาจากเพื่อน ๆ ช่วงที่ติดต่อกันได้ง่ายก็คือหน้าฝน ที่ทำให้เยื่อบุในท่อยูสเตเชี่ยนที่เชื่อมต่อระหว่างูไปยังคอและโพรงจมูกเกิดการบวมและคั่งน้ำ ทำให้เกิดแรงดันในหูมากขึ้น จนเชื้อแพร่กระจายเข้าสู่หูชั้นกลางได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ส่วนมากอาการเหล่านี้จะดีขึ้นในระยะไม่เกิน 5 วัน แต่ในรายที่รุนแรงเชื้ออาจเข้าไปยังสมองทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือฝีในสมอง ซึ่งนอกจากนี้หากเชื้อพลัดหลงเข้าไปในกระแสเลือดยังทำให้เกิดโรคติดเชื้อในกระแสเลือดได้อีก หากลุกลามไปยังปอดก็ทำให้ปอดอักเสบรุนแรงได้ ซึ่งการรักษาจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นและเด็กบางรายก็มีโอกาสเสียชีวิตด้วย การป้องการเชื้อเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจให้มาก การป้องกันตั้งแต่ทารกก็คือให้ลูกกินนมแม่เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทานอาหารที่เหมาะสมกับภัย และเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนให้ครบ รวมไปถึงวัคซีนไอพีดีพลัสปอด-หูอักเสบ ซึ่งช่วยป้องกันโรครุนแรงอันกได้แก่ โรคไอพีดี ปอดบวม โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็กเล็กด้วย สำหรับในฤดูฝนนี้คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเด็ก…