Tag: เอชไอวี
-
ป้องกันภัยจาก…วัณโรค
ป้องกันภัยจาก…วัณโรค วัณโรค เป็นโรคติดต่อโรคหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเมื่อรับเชื้อมาแล้วจะยังไม่แสดงอาการทันทีทันใด และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเพราะผลกระทบจากโรคเอดส์ด้วย วัณโรคนี้สามารถแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่คนอื่น ๆได้ด้วยการหายใจ จากผู้ป่วยที่มีเชื้อเสมหะอยู่ ไม่ว่าจะโดยการไอ จาม พูด โดยไม่ยอมปิดปากปิดจมูก เชื้อวัณโรคจะอยู่ในละอองที่ออกมาจากตัวผู้ป่วยและลอยอยู่ หากผู้ที่อยู่ใกล้หายใจเอาละอองฝอยนี้เข้าไปก็จะติดเชื้อวัณโรคและอาจป่วยเป็นวัณโรคได้ ผู้ที่รับเชื้อวัณโรคไม่จำเป็นต้องเป็นวัณโรคทุกคน เพราะทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่ เชื้อนั้นอาจถูกกำจัดออกไปด้วยภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ก็จะเจ็บป่วยเป็นวัณโรค พบว่าผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่ทานยากดภูมิจะมีโอกาสเป็นวัณโรคได้มากกว่าคนทั่วไป วัณโรคนั้นสามารถเป็นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกายได้ แต่ที่พบและเป็นปัญหามากที่สุดก็คือวัณโรคปอด อาการเริ่มต้นนั้นจะมีอาการไอติดต่อกันนานเกินกว่าสองอาทิตย์ รวมทั้งอาจมีอาการอื่นด้วยอาทิเช่น ไอมีเสมะเหลืองเขียว หรือมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก เป็นไข้ เหนื่อยหอบ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยด่วน ซึ่งการรักษาในปัจจุบันนี้ก็มียารักษาที่ใช้เวลารักษา 6-8 เดือนก็หายขาดได้ ขอให้มีวินัยในการกินยาทุกวันและทุกเม็ดให้ครบถ้วนก็สามารถรักษาให้หายได้แล้ว ผู้ป่วยควรรีบรักษาตัวให้หาย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ระหว่างการรักษาควรปิดปากจมูกทุกครั้งที่ไอหรือจาม โดยการใส่หน้ากากอนามัยให้มิดชิด หรือใช้ผ้าปิดปากจมูกทุกครั้งที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ยิ่งประชาชนในประเทศและในโลกนี้ร่วมมือกันหยุดยั้งวัณโรคมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการควบคุมและหยุดยั้งวัณโรคได้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ
-
ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอดส์ รวมทั้งการถูกข่มขืน
ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอดส์ รวมทั้งการถูกข่มขืน สถานการ์ของโรคเอสด์ในโลกขณะนี้นั้นมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้วสามสิบกว่าล้านคน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบสองล้านคน แม้ในแต่ประเทศไทยเอง ก็มีผู้ป่วยโรคเอดส์ถึงกว่าสี่แสนคนแล้วด้วย ทั้งหมดนี้ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ถึงร้อยละ 84 ร้อยละ 4 เกิดจากการใช้ยาเสพติดชนิดฉีด และร้อยละ 3.6 เกิดจากการติดเชื้อจากแม่ลูกสู่ ในแต่ละปีประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่นับหมื่นคน และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ การป้องกันตนเองจากเชื้อเอดส์ที่ดีที่สุดนั้นก็คงไม่พ้นการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แต่แม้จะใช้ทุกครั้ง ก็ยังพบว่ามีผู้ติดเชื้อเอดส์จากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเพิ่มขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถูกข่มขืน การโดนมอมยา หรือเมาจนไม่ได้สติ ฯลฯ ดังนั้นแล้วเราจึงควรหาทางป้องกันตนเองจากเหตุไม่คาดคิดเหล่านี้ไว้ก่อนดีกว่า ด้วยการนำเอาข้อควรระวังเหล่านี้ไปใช้ค่ะ – ไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม หลีกเลี่ยงการอยู่ตามลำพังกับเพศตรงข้ามในที่ลับตาคน เพราะอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ (แม้แต่เพศเดียวกันก็ตามที) – การดื่มเหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาจทำให้ขาดสติ เสี่ยงต่อการถูกมอมยา และการล่อลวงให้ใช้ยาเสพติด ฯลฯ เหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์ไม่พึงประสงค์ และขาดสติในการมีเพศสัมพันธ์ด้วย – แม้แต่การไปเที่ยวในสถานเริงรมย์ที่มีบรรยากาศเป็นใจ ก็อาจเป็นชนวนยั่วยุให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ได้ ยิ่งหากดื่มเหล้าด้วย ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง – สำหรับสื่อยั่วยุอารมณ์ทางเพศ หากดูคนเดียวแล้วบรรเทาความต้องการของตัวเองได้ก็โอเค แต่หากคุณดูกับคนอื่น มันก็เสี่ยงมากอยู่เหมือนกันที่อารมณ์จะเตลิดจนยับยั้งไม่อยู่ – สำหรับสาว ๆ…
-
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
—
by
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง จากสถิตินับถึงปีปัจจุบันพบว่าคนไทยนั้นเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีอัตราการตายจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้โรคมะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับที่หนึ่ง แซงหน้าอุบัติเหตุ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคปอดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ รองลงมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้แก่ – ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นั่นคือการได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนจากอาหาร, การได้รับรังสีเอกซ์, รังสียูวีจากแสงแดด, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด, การติดเชื้อไวรัสแพบพิลโลมา, พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ฯลฯ – ปัจจัยจากความผิดปกติภายใน เช่น พันธุกรรม, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะทุพโภชนาการ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสรุปกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อการมะเร็งได้ดังนี้ 1. กลุ่มที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ 2. กลุ่มที่สูบบุหรี่ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทางเดินหายใจ มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง แล้วหากดื่มเหล้าด้วยก็อาจเป็นมะเร็งช่องปากในลำคอได้อีก 3. กลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือทานอาหารที่ปนเปื้อนอะฟลาทอกซิล ที่เป็นเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหาร ทั้งพริกป่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ แล้วถ้าได้รับทั้งสองชนิดก็มีโอกาสในการเป็นมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น 4. กลุ่มที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ และทานอาหารที่ใส่ดินประสิว…
-
เรื่องไม่ลับ “ถุงยางอนามัย” มีดีอย่างไร?
เรื่องไม่ลับ “ถุงยางอนามัย” มีดีอย่างไร? รู้หรือไม่ว่า ถุงยางอนามัยนั้น มีดีอย่างไร ? – ถุงยางอนามัยถ้าใช้อย่างถูกวิธี สามารถช่วยในการคุมกำเนิด โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาเม็ดคุมกำเนิด – ถุงยางอนามัยไม่มีผลข้างเคียงเหมือนวิธีการอื่น – ถุงยางอนามัยใช้เฉพาะเวลาที่ต้องการเท่านั้น – ถุงยางอนามัยไม่ทำให้หญิงบริการต้องเสี่ยงและต้องคอยระมัดระวังตัว – ถุงยางอนามัยซื้อหาได้ง่าย ใช้ง่าย ไม่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ – ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการแพร่กระจายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งโรคเอดส์ – ถุงยางอนามัยช่วยให้ฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิช้าลงบ้าง จนพอดีกับความรู้สึกสุดยอดของฝ่าย หญิง จึงมีการนำมาใช้ในการรักษาภาวะที่เกิดการหลั่งน้ำอสุจิเร็วของผู้ชาย – ถุงยางอนามัยสามารถตรวจเช็คได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ว่าฉีกขาดหรือไม่และสามารถมั่น ใจได้ถ้าใช้อย่างถูกวิธี * ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว คุณผู้ชายที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ก็ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคเอดส์ และสาเหตุของการตั้งครรภ์กันด้วยนะค๊ะ
-
รู้จักการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HIV
รู้จักการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HIV วิธีการป้องกันโรคเอดส์ที่ดีที่สุด และทุกๆคนสามารถทำได้ คือ การใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และสิ่งที่ควรเลี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเราด้วย แต่ที่สำคัญ เราต้องลดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคเอดส์ทั้งหมด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และอีกหลายๆอย่าง ในสมัยก่อยผู้ที่เป็นรักร่วมเพศ มักจะมีเปอร์เซ็นต์ติดเชื้อ HIV ได้มากกว่า ผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ในปัจจุบันกลับพบว่า เชื้อ HIV พบได้ใน วัยรุ่น คนทำงาน ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น แม่บ้าน คือสามารถพบได้ทั่วๆไป ดังนั้นทุกคนเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV หากไม่ป้องกันหรือประมาท โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นเรามาดูวิธีการป้องกัน และหลีกเลี่ยงไม่ให้ติดเชื้อ HIV กันดูค่ะ การป้องกันการติดเชื้อ HIV จากเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อ HIV จะสามารถติดต่อทางเยื่อเมือก (mucous membranes)เช่น ปลายอวัยวะเพศชาย ปาก ทวารหนัก ช่องคลอด หากเยื่อเมือกเหล่านี้ได้รับเชื้อ HIV จาก น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นของทั้งหญิงและชาย เลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ – วิธีป้องกันที่ได้ผลมากที่สุดแต่ทำยากที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น…
-
อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์
อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์ อาการและการดำแนินโรคของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์มีกี่ระยะ แต่ละระยะมีอาการอย่างไร โรคเอดส์แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ระยะที่ไม่ปรากฏอาการ (Asymptomatic Stage or Carrier Stage) หรือเรียกว่า ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ สุขภาพจะแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนคนปกติทุกประการ แต่อาจจะเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆเช่นเดียวกับคนปกติอื่นๆ เป็นไข้หวัด ซึ่งจะหายใจได้เหมือนปกติทั่วไป ไม่มีโรคแทรกซ้อน บางคนอาจจะอยู่ในระยะนี้ 2-3 ปีก่อนที่จะเข้าสู่ระยะต่อไปโดยเฉลี่ยประมาณ 7-8 ปีแต่บางคนอาจจะไม่มีอาการนานถึง 10 ปี หรือนานกว่านั้นก็ได้ ผู้ติดเชื้อทุกรายที่อยู่ในระยะนี้แม้จะไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นๆ ได้ ระยะที่ 2 ระยะมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ (Aids Related Complex หรือ ARC) ระยะนี้นอกจากมีเลือดบวกแล้ว ยังอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างปรากฏ ให้เห็นได้ เช่น – ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน – น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวใน 1 เดือน –…
-
โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์
โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์ โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์ 1. หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ ควรปล่อยให้ตั้งครรภ์หรือไม่ ไม่ควร เพราะการตั้งครรภ์อาจกระตุ้นให้หญิงที่ติดเชื้อนั้นมีอาการป่วยของโรคเอดส์เร็วขึ้น นอกจากนี้หากทารกคลอกออกมาก็มีโอกาสได้รับเชื้อจากแม่ได้ 2. อัตราเสี่ยงของทารกที่เกิดจากมารดาที่มีเชื้อเอดส์มีมากน้อยเพียงใด หญิงที่มีเชื้อเอดส์อยู่ในร่างกายสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ได้ประมาณ20-40? ของทารกที่เกิดมา และทารกที่ติดเชื้อจะมีอาการเป็นโรคเอดส์ และตายในเวลาประมาณ 2-5ปี ผู้ติดเชื้อเอดส์แล้วจะมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้หรือไม่ > ได้ แต่เนื่องจากเชื้อเอดส์ออกมากับน้ำหลั่งจากอวัยวะเพศ เช่น น้ำจากช่องคลอด น้ำอสุจิ จึงทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อเอดส์ไปยังคู่นอนได้ ผู้ที่ติดเชื้อควรทราบความจริง มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์และแนวทางการปฏิบัติตัวที่จะไม่ให้เชื้อเอดส์แพร่ไปสู่ผู้อื่นได้เช่น ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศโดยแน่ใจว่าถุงยางนั้น ไม่ชำรุด และปฏิบัติตามหลักการ “การมีเพศสัมพันธ์อย่าง ปลอดภัย” เป็นต้น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) ต้องทำอย่างไรบ้างการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คือการร่วมเพศกับเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันจนสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเอดส์ ซึ่งจะปฏิบัติดังนี้คือ – พยายามเล้าโลมด้วยการกอดจูบลูบคลำตามร่างกาย – จูบตามร่างกายได้ รวมทั้งจูบตามริมฝีปากได้ แต่ห้ามจูบอย่างดูดดื่มระวังอย่าให้น้ำลายเข้าไปในปากฝ่ายตรงข้ามในปริมาณที่มากพอ รวมทั้งห้ามใช้ลิ้นสอดเข้าไปด้วย – ห้ามสอดอวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอด ทวารหนัก หรือปากของฝ่ายตรงข้าม – พยายามใช้ส่วนของร่างกาย (ซึ่งไม่มีแผล) ที่เป็นร่องเช่นร่องขา ร่องแขน ร่องหน้าอก…
-
ความเป็นมาของโรคเอดส์
ความเป็นมาของโรคเอดส์ ความเป็นมาของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์ค้นพบเมื่อใดโรคเอดส์เป็นโรคที่ค้นพบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพบว่าผู้ป่วยรายแรกที่พบนี้มีอาการป่วยที่แตกต่างจากผู้ป่วยอื่นๆและมีภูมิคุ้มกันปกติ และต่อมาได้พบผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยรายนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2. โรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศใด มีหลักฐานรายงานว่าโรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศ ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเชื่อกันว่ามีผู้ป่วยตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2520 แล้วมีการแพร่กระจายไปยังเกาะไฮติ ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของทวีปอเมริกา ต่อมามีการแพร่ระบาดขึ้นในทวีปอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี และประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก แล้วจึงมีการแพร่กระจาย ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจนถึงปัจจุบันมีรายงานว่ามีมากกว่า 163 ประเทศที่พบโรคเอดส์ในประเทศของตนแล้ว 3. โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศใด โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ.2524) โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯได้รับรายงานจากนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ว่ามีชายหนุ่มรักร่วมเพศ 5 คนป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อแปลกๆ ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าPneumocystis Carinii Pneumonia ภายในอีก 1 เดือนต่อมา มีรายงานจากนิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนียว่ามีชายรักร่วมเพศอีก 26 ราย ป่วยเป็นโรคมะเร็งKaposi’s Sarcoma ซึ่งตามปกติ เป็นในคนอายุมากหรือคนที่มีภูมิคุ้มกันของร่างกายเสียไป และยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายเป็นโรคปอดบวม และติดเชื้อชนิดฉวยโอกาส…
-
ทารกหญิงของสหรัฐ ให้ความหวังแพทย์ที่รักษา จนเด็กหายจากโรคเอดส์
ทารกหญิงของสหรัฐ ให้ความหวังแพทย์ที่รักษา จนเด็กหายจากโรคเอดส์ น.พ. Anthony Fauci ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคเอดส์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเรื่องนี้มีนัยสำคัญทางการแพทย์ เพราะแสดงว่าการเร่งรักษาผู้รับเชื้อเอดส์โดยทันทีและอย่างแข็งขันอาจช่วยให้บุคคลนั้นปลอดจากเชื้อเอดส์ได้โดยไม่จำเป็นต้องกินยาต้านเอดส์ไปตลอดชีวิต และแสดงความหวังว่าวิธีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กทารกในประเทศกำลังพัฒนาที่ติดเชื้อเอดส์จากมารดา อย่างไรก็ตาม น.พ. Anthony Fauci เตือนว่าผลของเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดในกลุ่มผู้ใหญ่ เนื่องจากคนทั่วไปที่ติดเชื้อเอดส์นั้นมักไม่รู้ตัวจนกระทั่งเวลาผ่านไปแล้วหลายสัปดาห์หรือเป็นปี ทำให้เชื้อ HIV ฝังตัวและแพร่กระจายในร่างกายมากกว่า ทำให้ยากต่อการรักษากว่ากรณีของเด็กทารกผู้นี้ซึ่งแพทย์ได้ทราบและเร่งให้การรักษาได้ทัน น.พ. Anthony Fauci กล่าวด้วยว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติมเพื่อให้ทราบผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีการเปิดเผยรายงานในที่ประชุมเรื่องไวรัสและโรคติดเชื้อประเภทฉวยโอกาสที่นครแอตแลนต้าของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม ว่าทารกเพศหญิงคนหนึ่งในรัฐมิสซิสซิปปี้ทางใต้ของสหรัฐฯ หายขาดจากโรค เอดส์หลังจากได้รับการรักษาด้วยชุดยาขนาดแรงและเฉียบพลันหลังการคลอดออกมาไม่ถึงหนึ่งวัน โดยทารกดังกล่าวเกิดจากแม่ผู้ติดเชื้อ HIV แต่ไม่รู้ตัวและแม่ทราบเรื่องนี้ก่อนการคลอดไม่นาน ดังนั้นทั้งแม่และเด็กจึงไม่ได้รับการบำบัดใดใดล่วงหน้า และทารกดังกล่าวติดเชื้อเอดส์ขณะอยู่ในครรภ์ของมารดา แต่หลังจากที่แพทย์เร่งให้ยาบำบัดเอดส์แก่ทารกหญิงผู้นี้ทันทีหลังการคลอดและให้การรักษาต่อเนื่องมาอีกราว 15 เดือน แม่ของเด็กได้หยุดให้ยาแก่ลูกโดยไม่ทรายสาเหตุ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น 10 เดือนแพทย์มีโอกาสตรวจเลือดของเด็กทารกผู้นี้อีกครั้งแต่ไม่พบเชื้อ HIV และการตรวจเพิ่มเติมก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ของแอนตี้บอดี้ของเชื้อ HIV ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงว่าคนๆ นั้นเคยได้รับเชื้อนี้มาก่อนด้วย
-
แอฟริกาใต้ เริ่มใช้ยาต้านไวรัส HIV ควบคู่ ยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆ
แอฟริกาใต้ เริ่มใช้ยาต้านไวรัส HIV ควบคู่ ยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆ ในศูนย์บำบัดผู้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาต้านไวรัสศูนย์เล็กๆ ทางเหนือของเมือง Pretoria แอฟริกาใต้แห่งนี้ ผู้หญิงชาวแอฟริกาใต้คนหนึ่งกำลังอ่านป้ายรณรงค์ส่งเสริมการบำบัดเอดส์ด้วยยาเม็ดชนิดใหม่ ป้ายนี้เขียนว่ายาต้านไวรัสเอดส์แบบกินเม็ดเดียวแต่ได้ผลเท่ากับยาต้านไวรัสเอดส์แบบกินทีละสามเม็ด และสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศแอฟริกาใต้แล้ว การบำบัดเอดส์ด้วยยาเม็ดเดี่ยวจะทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ปัจจุบันแอฟริกาใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสเอดส์มากที่สุดในโลกและทางการประเทศนี้หวังว่าการรักษาเอดส์ด้วยยาเม็ดแบบกินเม็ดเดียวต่อวันนี้จะช่วยให้ประเทศสามารถรักษาผู้ป่วยได้จำนวนมากขึ้น รัฐบาลประเทศแอฟริกาใต้ได้เริ่มนำยาต้านไวรัสเอดส์ตัวใหม่ออกมาใช้กับผู้ป่วยแล้วเมื่อวันที่หนึ่งเมษายนที่ผ่านมา แทนที่ผู้ป่วยต้องรับประทานยาต้านไวรัสครั้งละสามเม็ด สองครั้งต่อวันเหมือนเคย พวกเขาจะรับประทานยาตัวใหม่แต่วันละเม็ดเท่านั้น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอาฟริกาใต้กล่าวว่าทางการอาฟริกาใต้ตั้งเป้าว่าจะใช้ยาต้านไวรัสตัวใหม่รักษาผู้ป่วยได้หนึ่งแสนแปดหมื่นคนภายในช่วงสามเดือนเเรก แอฟริกาใต้มีผู้ติดเชื้อเอดส์ 1 ล้าน 6 แสนคน ถือเป็น 17 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก