Tag: เพศสัมพันธ์
-
มี SEX ระหว่างมีรอบเดือนได้หรือไม่?
มี SEX ระหว่างมีรอบเดือนได้หรือไม่? ปัจจุบันนี้มีสตรีวัยรุ่นและวัยทำงานบางส่วนมีความเชื่อว่า การมีเซ็กซ์ระหว่างมีรอบเดือนนั้นจะสามารถป้องกันการมีบุตรได้ คุมกำเนิดไปได้ในตัว แถมเลือดยังช่วยหล่อลื่นได้ด้วย แต่ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงนะคะ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการมีรอบเดือนนั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เพิ่มโอกาสการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น พยาธิในช่องคลอด หนองใน หูดหงอนไก่ มากเป็นสามเท่ากว่าเวลาที่ไม่มีรอบเดือน เพราะในช่วงนี้ปากมดลูกจะเปิดออก ทำให้ได้รับเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าสู่โพรงมดลูกได้ง่าย อีกทั้งเลือดประจำเดือนเองยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเชื้อหนองในได้ดีด้วย การที่เยื่อบุโพรงมดลูกลอกหลุดนี้เองทำให้เชื้อสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น เชื้อจึงลุกลามได้ง่าย สามารถเกิดการอักเสบได้จนถึงภายหลังการหมดรอบเดือนไปแล้ว 1-2 สัปดาห์ และที่ควรระวังมากก็คือ การติดเชื้อเอดส์ด้วย เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างมีเลือดหรือสารคัดหลั่งออกมา การติดเชื้อเอชไอวีจะเพิ่มสูงขึ้นทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง นอกจากเชื้อเอชไอวีแล้วก็ยังมีเชื้อเริมที่ปกติก็ติดต่อได้ง่ายอยู่แล้ว แต่หากเป็นช่วงมีรอบเดือนจะพบว่าโรคเริมกลับมาเป็นซ้ำมากกว่าเดิมทำให้แพร่เชื้อได้มากขึ้น สรุปว่าระหว่างการมีประจำเดือนควรเป็นช่วงที่งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ
-
สาว ๆ อย่าเพิ่งตกใจ หากเป็นเริมที่อวัยวะเพศ
สาว ๆ อย่าเพิ่งตกใจ หากเป็นเริมที่อวัยวะเพศ โรคเริม คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แล้วทำให้ผิวหนังมีอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและอักเสบ หลังจากนั้นเชื้อจะไปแอบอยู่ตามปมประสาท เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง หรือถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด แสงแดด หรือรอบเดือนก็อาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก คนเรากว่าร้อยละ 80-90 ต่างก็เคยได้รับเชื้อเริมเข้าสู่ร่างกายกันทั้งนั้น แต่อาจไม่ได้แสดงอาการของโรคในทันทีเพราะยังมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงอยู่ แล้วโรคเริมนี่ก็สามารถเกิดได้ทั่วร่างกายด้วย จะมีอาการเจ็บ ๆ ตึง ๆ คัน ๆ ก่อน ต่อมาภายในหนึ่งวันจะมีตุ่มน้ำพองใส ๆ ขึ้น แล้วแตกออกเป็นแผลตื้น ๆ ตกสะเก็ดแล้วก็หายไป พบบ่อยบริเวณริมฝีปาก และอวัยวะเพศ จัดได้ว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง โรคนี้สามารถเป็นที่ส่วนใดของร่างกายก็ได้ทั้งสิ้น และมักเป็นซ้ำที่เดินด้วย เป็นเชื้อที่ไม่สามารถขับออกไปจากร่างกายได้ เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้นั้น มีอยู่ด้วยกันสองชนิดก็คือ – Herpes simplex Virus 1 มักเกิดอาการบริเวณปากและผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไป ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ติดต่อกันได้ทางน้ำลายผ่านการจูบ การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้ลิปสติกแท่งเดียวกัน หรือกินข้าวไม่ใช้ช้อนกลางก็ติดต่อได้ – Herpes simplex…
-
การตรวจร่างกายก่อนแต่งงาน แพทย์จะตรวจอะไรบ้าง?
การตรวจร่างกายก่อนแต่งงาน แพทย์จะตรวจอะไรบ้าง? การเตรียมตัวไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลก่อนสมรสนั้น โรงพยาบาลแทบทุกแห่งล้วนมีบริการนี้ทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากตรวจสุขภาพ โรคติดต่อต่าง ๆ ทางเพศสัมพันธ์แล้วก็ยังให้คำแนะนำในการเตรียมตัวมีบุตรด้วย แล้วขั้นตอนการตวจเข้ามีอะไรบ้าง มาดูกันนะคะ การตรวจสุขภาพก่อนสมรสนั้น คุณผู้หญิงทั้งหลายไม่ต้องกลัวไปค่ะ ไม่ใช่ว่าไปพบหมอสูตินรีแพทย์แล้วจะต้องโดนตรวจภายในทุกครั้ง แต่เขาจะตรวจสุขภาพว่ามีความแข็งแรงขนาดไหนเท่านั้นเอง จะมีการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน เจาะเลือด หาความเข้มข้มของเลือดและภาวะเลือดจางด้วย ซึ่งในส่วนของผู้ที่ภายในครอบครัวมีประวัติเลือดจางมาก่อนก็จะได้รับการตรวจ Haemoglobin typing นอกจากนี้แล้วก้๗มีการตรวจดูหมู่โลหิต ดูว่าเป็นกลุ่ม Rh ใด มีลักษณะของเม็ดเลือดขาว น้ำตาลในเลือดหรือมีเชื้อเลือดบวกซิฟิลิสหรือเอดส์ด้วยหรือไม่ ตรวจภูมิคุ้มกันเชื้อหัดเยอรมัน เชื้อไวรัสตับอักเสบบี หากยังไม่มีภูมิคุ้มกัน คุณหมอก็จะเสริมภูมิให้เลยจะได้ไม่มีปัญหาในการตั้งครรภ์ หากทั้งคู่ต้องการให้ฝ่ายหญิงคุมกำเนิด คุณหมอก็จะให้คำปรึกษาเรื่องการคุม มีทั้งการกินยาคุมกำเนิดและการฉีดยาคุมกำเนิด ซึ่งยากินคุมกำเนิดนี้ไม่ควรซื้อกินเองเพราะหากมีโรคบางโรคอยู่ก่อน ก็อาจทำให้ลุกลามได้ เช่น หากเป็นเนื้องอกเต้านม มดลูก หรือรังไข่อยู่ หากกินยาคุมสุ่มสี่สุ่มห้า ก็อาจกลายเป็นเนื้อร้ายได้ ดังนั้นแพทย์ก็จะตรวจร่างกายในส่วนเหล่านี้ทั้งหมดด้วย และแพทย์จะให้คำปรึกษาให้ด้านการคุมกำเนิด ว่าแต่ละวิธีและแต่ละฝ่ายนั้น ใครควรคุมกำเนิดไว้ และคุมอย่างไร นานเท่าไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร รวมไปถึงหากต้องการมีบุตรแล้วจะต้องทำอย่างไรด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่ความสะดวกของคู่สมรสด้วยค่ะ
-
เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า
เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า? มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่ไม่ค่อยตรวจพบในระยะแรกเท่าไร แต่ผู้ป่วยมักไปพบแพทย์ก็ตอนที่เป็นในระยะท้าย ๆ แล้ว อีกทั้งยังเป็นมะเร็งที่มีระยะฟักตัวนานอีกด้วย และมีปัจจัยหลายประการในการทำให้เป็นมะเร็งตับขึ้นมาได้ วันนี้มาลองตรวจสอบตัวเองกันดูว่าคุณเข้าข่ายว่าจะเป็นมะเร็งตับบ้างหรือเปล่านะคะ ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้แก่ – เพศชายจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิง เพราะพฤติกรรมบางประการเช่น ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่มากกว่า – ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ชาวเอเชีย ชาวอเมริกา ชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีโฮกาสเป็นมะเร็งตับสูงกว่า – ผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตับแข็ง ก็สามารถเป็นโรคมะเร็งตับได้เช่นกัน เชื้อนี้สามารถติดต่อกันได้ทั้งทางเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยา และการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ รวมไปถึงการรับเลือดบริจาคด้วย – เป็นโรคตับแข็ง เพราะเซลล์ตับจะถูกทำลายและเหลือรอยแผลไว้ มักเกิดจากการดื่มแอกอฮอล์, เป็นไวรัสตับอักเสบบีและซี รวมไปถึงภาวะมีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป จะพัฒนาสู่การเป็นมะเร็งตับได้ – ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาก โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากหรือมีภาวะตับอักเสบร่วมด้วย – ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ก็เสี่ยงเช่นกัน – มักได้รับสาร Aflatoxine เป็นเวลานาน ซึ่งสารนี้คือเชื้อราที่อยู่ในพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ ทั้งข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วลิสง เป็นต้น – เป็นผู้ที่ได้รับสาร Vinyl…
-
ตกขาว…เรื่องที่สาว ๆ กังวลกัน
ตกขาว…เรื่องที่สาว ๆ กังวลกัน ตกขาว หรือระดูขาว นั้นเป็นสารที่ผู้หญิงขับออกมาจากช่องคลอด ไม่ใช่รอบเดือน โดยลักษณะของตกขาวนั้นจะบอกได้ถึงสุขภาพของอวัยวะซ่อนเร้นของผู้หญิงได้ด้วย ในผนังช่องคลอดของผู้หญิงจะมีเยื่อบุผิวที่คล้ายกับในช่องปากและจมูก เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เยื่อบุนี้จะสร้างเมือกและความชื้นขึ้น โดยมีแบคทีเรียอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เพื่อสร้างกรดแลคติกขึ้นมา ภายในจึงมีความเป็นกรดอ่อน ๆ ป้องกันเจริญโรคเจริญเติบโตได้ ช่องช่องจึงมีความชื้นตลอดเวลาผู้หญิงทุกคนจึงมีตกขาวเปื้อนติดชั้นในเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจะมีตกขาวมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นช่วงไข่ตก หรือช่วงกลาง ๆ ของรอบเดือน หรือขณะตั้งครรภ์ ฯลฯ ตกขาวปกติจะมีลักษณะเป็นมูกใสคล้ายแป้งเปียก ไม่มีกลิ่น ไม่คันด้วย ตกขาวที่ผิดปกตินั้นเกิดกว่าร้อยละ 90 เกิดจากการติดเชื้อ หากเป็นเชื้อแบคทีเรียจะมีตกขาวสีออกเหลืองหรือเยียว มีกลิ่นเหม็น ส่วนเชื้อราจะมีลักษณะคล้ายนมหรือยางมะละกอ หรือเป็นก้อนคล้ายเต้าหู้ มักมีอาการคันและมีผื่นแดงบริเวณปากช่องคลอด ส่วนตกขาวที่เกิดจากพยาธิจะมีสีออกเทาหรือเขียว และมีกลิ่นเหม็นคล้ายปลาเน่าหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น ผู้ที่มีตกขาวหากพบว่ามีความผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย จะได้รักษาได้ถูกและควรทานยาอย่างเคร่งครัดไปตรวจตามนัดสม่ำเสมอ รักษาความสะอาดไว้ตอนเวลา โดยเฉพาะความอับชื้น ผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อนั้น ควรรักษาระดับน้ำตาลเอาไว้ให้อยู่ในเกณฑ์ ผู้ที่มีสาเหตุการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ก็ควรรักษาคู่นอนของตนเองด้วย มิเช่นนั้นจะไม่หายขาด การป้องกันการติดเชื้อนั้นควรรักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้น ควรเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลังและซับน้ำให้แห้งทุกครั้งหลังขับถ่าย ไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่แน่นเกินไป ควรสวมกางเกงในที่เป็นผ้าที่ระบายอากาศได้ดี แห้งไว หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยที่มีกลิ่นหอม หรือแผ่นอนามัยหอม หรือจะใช้ก็ไม่ควรใช้บ่อย ๆ…
-
มุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องเซ็กซ์ ระหว่างสองเพศ
มุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องเซ็กซ์ ระหว่างสองเพศ การมีเพศสัมพันธ์ เป็นความผูกพันธุ์ทั้งทางกายและทางใจ เป็นการถ่ายทอดความรักให้แก่กัน พากันนำสู่หนทางแล้วความสุขทางเพศ จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจความนึกคิดของทั้งสองเพศที่มีต่อเรื่องเซ็กซ์ว่ามีความต่างกันอย่างไร เพื่อช่วยเกื้อกูลกันนำพาความรักไปสู่ฝั่งที่มุ่งหวังเอาไว้ ทั้งสองเพศนั้นมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของรูปแบบ ทัศนคติ และความต้องการ วันนี้มาลองทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปพร้อมกันค่ะ – ผู้ชายอยากให้ผู้หญิงเป็นของเขาคนแรก ในขณะที่ผู้หญิงอยากให้เขาเป็นคนสุดท้ายของเธอ – ผู้หญิงอยากให้เกิดความรักก่อนความสัมพันธ์ทางเพศจึงตามมา ส่วนผู้ชายเกิดอารมณ์ทางเพศก่อน แล้วจึงเกิดนึกรักผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เขาอยากมีความสุขเพิ่มด้วย – ผู้หญิงต้องการเวลาจากการเล้าโลมให้เกิดอารมณ์ แต่ผู้ชายเกิดอารมณ์ไวและให้ความร้อนเร็ว – ผู้หญิงชอบช่วงเวลาเล้าโลมในตอนแรกและช่วงหลังจากสุขสม แต่ผู้ชายจะจ้องแต่ช่วงที่มีการร่วมรักสอดใส่เท่านั้น – ในความคิดของผู้หญิงนั้น ต้องการคุณภาพ แต่ผู้ชายต้องการปริมาณ – ผู้หญิงนั้นมักขี้อายและอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะทำให้ผู้ชายรู้สึกเบื่อ เพราะเขาชอบแสวงหาเทคนิคและมุมมองใหม่ ๆ ในการมีเพศสัมพันธุ์ ลองทำความเข้าใจคนรักของคุณดูนะคะ เพื่อประคับประคองความรักของคุณให้อยู่ตลอดรอดฝั่งได้ตลอดไป
-
มีเพศสัมพันธ์แต่พอดี…เพื่อถนอมพลังไต
มีเพศสัมพันธ์แต่พอดี…เพื่อถนอมพลังไต ตามหลักแพทย์แผนจีนนั้น การทำให้สมรรถภาพทางเพศดีไปได้นาน ๆ นั้นก็คือต้องถนอมพลังไตไว้สูญเสียให้น้อยที่สุด นอกจากนั้นก็คือต้องพยายามไม่ให้สูญเสียสารจิงไปในขณะมีเพศสัมพันธ์ด้วย ซึ่งสารจริงนี้เป็นสารที่จำเป็นในร่างกาย เก็บสะสมไว้ในไต ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตควบคุมความสามารถในการสืบพันธุ์ ควบคุมสมดุลของเลือด เสริมสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย ซึ่งหลักการมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการสูญเสียสารจิงนั้นมีหลักการดังนี้ 1. หากเป็นวัยหนุ่มสาวเพิ่มแต่งงาน อายุยังไม่ถึง 22 ปี พักผ่อนอย่างเพียงพอ สามารถมีเพศสัมพันธุ์ได้วันละครั้ง 2. ช่วงอายุ 22-25 ปี ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ 3. ช่วงอายุ 32-35 ปี หรือวัยกลางคนนั้นไม่ควรมีเพศสัมพันธ์เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ 4. ช่วงอายุ 40-50 ปี ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์เกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ 5. ช่วงอายุ 50-60 ปี ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์เกิน 1 ครั้งต่อเดือน การสังเกตว่าตัวเองและคู่เสียพลังไตมากเกินไปหรือไม่ก็ให้สังเกตในเช้าวันรุ่งขึ้นว่า มีอาการอ่อนเพลีย ไม่ปลอดโปร่ง เมื่อยเอว ประสิทธิภาพการทำงานลดลงหรือเปล่า หากว่ามีอาการ ก็ควรมีเพศสัมพันธ์ให้น้อยลง อีกทั้งยังควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อถนอมพลังไตไว้ด้วย…
-
เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เอดส์ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งควบคุมได้
เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เอดส์ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งควบคุมได้ แม้ว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์และเสียชีวิตจากโรคเอดส์จะเริ่มลดลงแล้วตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา แต่ปัจจุบันนี้กลับพบว่ากลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 21 ปี กลับมีการติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นชายรักชาย และกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ทั้ง ๆ ที่การป้องกันโรคเอดส์นั้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่เพราะความประมาท ความคึกคะนอง ความมึนเมา และความคิดว่าเอดส์เป็นเรื่องไกลตัว กลับเป็นความคิดอันตรายที่ทำให้เกิดผู้ติดเชื้อเอดส์มากขึ้น การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หากจะมีเพศสัมพันธ์ให้ปลอดภัยและมีความสุขอย่างเต็มที่แล้ว การใช้ถุงยางอนามัยก็เป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ป้องกันการติดเชื้อเอดส์ได้ แล้วยังป้องกันการท้องไม่พึงประสงค์ สมัยนี้ถุงยางอนามัยถูกผลิตมาให้มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น การใช้ถุงยางจึงเป็นการเพิ่มสุขได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้แล้วการป้องกันเอดส์ที่ดีก็คือ ไม่ควรใช้เข็มฉีดยาและกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้อื่นด้วย เพราะเอดส์สามารถติดต่อได้ทางเลือดเช่นกัน ในส่วนของยาต้านไวรัสในปัจจุบันนี้ สามารถระงับไม่ให้เชื้อมีการแบ่งตัวเพิ่มได้ แต่ต้องกินยาอย่างตรงเวลาและสม่ำเสมอ มิเช่นนั้นเชื้อจะเพิ่มอย่างรวดเร็ว และเชื้อดื้อยาได้ ทำให้การรักษาต่อไปยุ่งยากมาก หรือไม่มียาที่รักษาได้อีกเลย ผู้ที่ติดเชื้อนั้นกว่าร้อยละ 90 หากมีวินัยในการกินยานานเกิน 6 เดือนแล้ว จะตรวจไม่พบเชื้อไวรัส HIV ในเลือด มีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคสูงขึ้น ไม่เจ็บป่วยและไม่แพร่เชื้อกับผู้อื่นรวมทั้งคู่นอนของตนเองด้วย ผู้ติดเชื้อที่เข้ามารับการวินิจฉัยและรักษาเร็วก็ยิ่งมีอายุยืนยาวได้กว่า 30-50 ปี ซึ่งต่างจากผู้ติดเชื้อที่ไม่รักษา อาจมีชีวิตต่อไปได้อีกแค่ 7…
-
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากไวรัส HPV
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากไวรัส HPV สาเหตุการตายอันดับหนึ่งของผู้หญิงไทยนั้น คือ มะเร็งปากมดลูก แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้กว่าหกพันคน และมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเป็นหมื่น ๆ คน ซึ่งสาเหตของมะเร็งปากมดลูกนี้เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง โดยมักติดเชื้อในผู้หญิงที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทุกคนแล้วมีความเสี่ยงทั้งสิ้น มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า ฮิวแมน แพปพิลโลม่า หรือไวรัส HPV โดยผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 99.7 ติดเชื้อชนิดนี้ สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เพราะเชื้อนี้จะอยู่บริเวณอวัยวะเพศของหญิงและชาย โดยร้อยละ 80-90 ของผู้ติดเชื้อจะหายไปเอง ส่วนที่เหลือจะอยู่ที่ปากมดลูก เมื่อนานไป เนื้อเยื่อหรือเซลล์ของปากมดลูกผิดปกติ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์จนกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด ยิ่งมีเพศสัมพันธ์อายุน้อยเท่าไรก็ยิ่งติดเชื้อได้ง่ายเท่านั้น ซึ่งปัจจัยการติดเชื้อ HPV จนกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้นี้ ได้แก่ – การมีคู่นอนหลายคน – มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย – เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ – กินยาคุมกำเนิดเกิดห้าปี – ไม่เคยได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูก – สามีเป็นมะเร็งที่องคชาติ – หญิงที่ไปแต่งงานกับชายที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือชายเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ – หญิงที่ไปแต่งงานกับชายที่มีคู่นอนหลายคน – หญิงที่สูบบุหรี่ หรือสัมผัสควันบุหรี่นานเกิดสามชั่วโมงต่อวัน – ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิหรือป่วยเป็นโรคเอดส์…
-
เคล็ดลับการเพิ่มพลังทางเพศโดยไม่ใช้ยา
เคล็ดลับการเพิ่มพลังทางเพศโดยไม่ใช้ยา เพราะความรักขับเคลื่อนโลก เพศสัมพันธ์จึงเป็นกระบวนการหนึ่งในการผลักดันโลกไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน ระหว่างชายกับหญิงนั้น เมื่อได้แต่งงานกันแล้ว กิจกรรมทางเพศก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตคู่ยืดยาวไปได้ สร้างความกระชับแน่นแฟ้นระหว่างกันและกัน สร้างบุตรหลานให้ออกมาสืบทอดสายสกุลต่อไปได้ แต่เมื่อทั้งสองย่างเข้าสู่วัยกลางคน หรือมีภารกิจหน้าที่การงานมากขึ้น พลังทางเพศที่ควรจะสมบูรณ์ก็อาจหดหายไป จนในบางคู่เกิดความห่างเหินระหว่างกัน บางครั้งการถดถอยของพลังทางเพศก็อาจเกิดจากความอ่อนล้า อ่อนเพลียจากความเครียดในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการขาดการพักผ่อนที่เพียงพอก็ได้ ดังนั้นเราจะมาเติมพลังทางเพศแบบธรรมชาติบำบัดกันค่ะ ฮอร์โมนเพศชายหรือฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนนั้นเป็นฮอร์โมนพลังทางเพศ ซึ่งมีทั้งในตัวของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง การที่พลังทางเพศเหือดหายไปอาจเป็นเพราะร่างกายกำลังพร่องฮอร์โมนตัวนี้อยู่ เราจึงจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณของมันขึ้นมา โดย.. – เข้านอนให้ตั้งแต่หัวค่ำ ไม่ควรเกินสี่ทุ่ม เพื่อที่ร่างกายจะได้หลับสนิทตอนตีสอง เพราะในเวลานี้ฮอร์โมนของการเจริญพันธ์จะทำงานได้เต็มที่ และควรนอนให้พอเพียงอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนด้วย – อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ยิ่งมีส่วนช่วยเพิ่มพลังงานทางเพศให้สมบูณ์ยิ่งขึ้น ยิ่งทานอาหารได้ครบถ้วนทุกหมู่ยิ่งดี หรืออย่างน้อยสำหรับคนที่เร่งรีบ กล้วยสักผล กับนมสักแก้วก็ยังดี – หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมงเป็นต้นไป – นอกจากการพักผ่อนด้วยการนอนหลับแล้ว ควรหาทางคลายเครียดแบบอื่น ๆ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการไปนวดตัว ไปเข้าสปา การฟังเพลง การท่องเที่ยวธรรมชาติ การร้องเพลง ก็ได้ตามต้องการ ฯลฯ – ควรหมั่นมีกิจกรรมทางเพศกับคนที่รักอย่างสม่ำเสมอ…