Tag: เด็กอ้วน
-
ขอเถอะนะ… อย่าเลี้ยงลูกให้อ้วน
ขอเถอะนะ… อย่าเลี้ยงลูกให้อ้วน เด็กอ้วนจ้ำม่ำนั้นอาจจะดูน่ารักน่าอุ้ม แต่ความจริงแล้วการเลี้ยงเด็กให้อ้วนทำให้เด็กมีปัญหาสุขภาพหลายประการ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เด็กอ้วนก็เป็นไปได้ดังนี้ค่ะ – เด็กทานอาหารเก่ง ทานอะไรก็อร่อยไปหมด – เด็กไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เพื่อการเผาผลาญอาหาร – เป็นเด็กที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน พบได้น้อย แต่ก็สามารถรักษาได้ – เด็กมีความเครียด จึงระบายด้วยการกินอาหาร ความเครียดดังกล่าวอาจจะเป็นปัญหาเรื่องเพื่อน เรื่องการเรียน หรือความไม่อบอุ่นในครอบครัว การปล่อยให้เด็กอ้วนน้ำหนักเกินนาน ๆ นั้น อาจทำให้เกิดผลเสียได้ ไม่ว่าจะเป็น การเกิดเบาหวานในเด็ก ที่มักพบในครอบครัวที่มีกรรมพันธุ์เบาหวาน ทำให้เกิดโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง นอนกรน จนหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้กระดูกและข้อต่อเสื่อมก่อนวัยอันควรเพราะต้องรับน้ำหนักมาก ๆ เป็นเวลานาน ตลอดจนอาจทำให้พัฒนาการล่าช้าลง ทั้งการหัดนั่ง หัดคลาน เดิน อาจล่าช้ากว่าเด็กทั่วไป และส่วนใหญ่เด็กอ้วนก็มักถูกเพื่อนล้อ จึงมีนิสัยเก็บตัว เข้ากับผู้อื่นไม่ค่อยได้ การเรียนและสมาธิแย่ลง หากสังเกตเห็นว่าเด็กด้วนแล้ว ควรหันมาเอาใจใส่กับสุขภาพของลูก ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของอาหารการกิน ควบคุมปริมาณของแป้ง ไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ของทอด…
-
ระวังลูกอ้วนคอดำ อาจเป็นเบาหวานได้นะ
ระวังลูกอ้วนคอดำ อาจเป็นเบาหวานได้นะ เดี๋ยวนี้โรคเบาหวานนั้นไม่ได้เป้นกันแต่เฉพาะในผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุแล้ว เดี๋ยวนี้เด็กก็เป็นเบาหวานกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย สำรวจมาล่าสุดพบว่าเด็กที่อายุแค่สามขวบก็เป็นเบาหวานแล้วด้วย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะโรคเบาหวานนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยลดลง อายุสั้นลง พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรเฝ้าระวังดูแล และปลูกฝังนิสัยอันดีแก่ลูก ๆ เพื่อป้องกันโรคเบาหวานและโรคอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย เพราะเด็กสมัยนี้ถูกเลี้ยงให้สบายเกินไปนั่นเอง บางคนกลับบ้านไม่ต้องแตะต้องงานบ้านอะไรเลย พ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง ตัวเองกลับมาจากโรงเรียนก็นั่งหน้าทีวี หรือไม่ก็เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ กินขนมกรุบกรอบไปด้วย ดื่มน้ำอัดลมไปด้วย ไม่ไปวิ่งเล่นออกกำลังกาย หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือพ่อแม่เองก็ไม่ใส่ใจจะพาลูกไปเหมือนกัน ไม่เป็นตัวอย่างของผู้ที่มีสุขภาพที่ดีให้ลูกเห็นเลย ดังนั้นการปรับปรุงนอกจากจะช่วยให้น้องได้เปลี่ยนพฤติกรรมหันดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่เองก็ควรปรับพฤติกรรมเพื่อชี้นำลูกด้วย ด้วยการขยับร่างกายให้มากขึ้น พากันไปออกกำลังกาย เล่นเกมส์หรือดูทีวีให้น้อยลง ทานขนมให้น้อยลง ทานผักผลไม้ให้มากขึ้น นอนหัวค่ำ ตื่นเช้า ลดการกินจุบจิบและอาหารไม่มีประโยชน์ไปด้วย ในส่วนของพ่อแม่ที่มีลูกอ้วนไปแล้ว ควรหันกลับมาดูแลเอาใจใส่อาหารการกินของลูกให้มากกว่าเดิม การลดน้ำหนักให้เด็กนั้น ควรให้กินอาหารให้ครบห้าหมู่ แต่หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน อาหารทอดไขมันสูง อาหารหวานๆ เค็ม ๆ กรอบ ๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย รวมไปถึงน้ำหวาน น้ำอัดลมด้วย แล้วพาลูกไปปั่นจักรยานหรือออกกำลังกายให้มากกว่าเดิม จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานได้ และให้สังเกตที่หลังคอและรักแร้ของลูก หากมีรอยดำ…
-
อ้วนตั้งแต่เด็ก….เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูง
อ้วนตั้งแต่เด็ก….เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูง เพราะการกินอยู่เดี๋ยวนี้สะดวกขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ขายตามหน้าโรงเรียน ตามทางเท้า ตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างซุปเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ที่เปิดอยู่แทบทุกหัวถนน อีกทั้งพ่อแม่ยังเก็บอาหาร ขนมต่าง ๆ เอาไว้ให้ลูกเพราะกลัวตัวเองจะมีเวลาว่างไม่มากพอสำหรับการดูแลอาหาร เด็ก ๆ จึงไม่ค่อยได้ทานอาหารที่มีประโยชน์มากนัก กลับถึงบ้านก็กินขนมดูทีวี ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายวิ่งเล่นมากเท่าที่ควร เด็กสมัยนี้จึงอ้วนลงพุงแต่เล็กกันเยอะมาก ปัจจุบันนี้มีผลสำรวจพบว่าเด็กหรือเด็กวัยรุ่นที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ระดับช่วงต้นของชีวิตนั้นจะทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสการเป็นมะเร็งสูงกว่าเด็กวัยเดียวกันที่มีน้ำหนักในเกณฑ์มาตรฐานถึงร้อยละ 35 และเมื่อโตขึ้นแล้วเริ่มออกกำลังกายหรือลดน้ำหนัก และปรับการกินอาหารแล้วความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งก็มิได้ลดลงไปอยู่ดี นอกจากนี้แล้วค่าดัชนีมวลกายที่สูงตั้งแต่อายุ 18 ปี จะนำไปสู่การเป็นมะเร็งในเวลาต่อมาสูงยิ่งกว่าคนที่มีค่าดัชนีมวลกายสูงในช่วงวัยกลางคนเสียอีก ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การรักษาสุขภาพที่ดีไว้ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการมาดูแลสุขภาพในช่วงวัยโตหรือวัยกลางคนแล้ว ดังนั้นเด็กและวัยรุ่นจึงไม่ควรปล่อยตัวให้อ้วนน้ำหนักเกิน เพื่อลดโอกาสการเป็นมะเร็งนั้นเอง ความรับผิดชอบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของเด็กเท่านั้น แต่ผู้ปกครองที่ดูแลเด็กควรมีส่วนร่วมและเป็นผู้นำในการจัดการปรับวิถีการกินและการใช้ชีวิตของเด็ก ให้มีสุขภาวะที่ดี ปรับตารางการเรียน การเล่น ให้เด็กได้มีโอกาสออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ได้ทานอาหารที่สะอาดปลอดภัย และมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ลดละการให้เด็กทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลมาก แป้งมาก โดยเฉพาะจังค์ฟู้ดทุกสัญชาตินั่นล่ะตัวดี และที่สำคัญที่สุดก็คือหากอยากให้เด็กหรือวัยรุ่นมีสุขภาพแข็งแรงแล้วล่ะก็ การมีพ่อแม่เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตัวกลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ลูก ๆ ของเรามีอายุยืนยาวและสุขภาพแข็งแรง กับมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลดลงอีกด้วยค่ะ
-
ระวัง! เด็กอ้วนน้ำหนักเกิน นอนกรน อาจหยุดหายใจได้
ระวัง! เด็กอ้วนน้ำหนักเกิน นอนกรน อาจหยุดหายใจได้ อาการนอนกรน เป็นอาการที่ไม่จำกัดวัยนะคะ อย่าคิดแค่ว่าจะมีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้น “เด็กอ้วน” ก็สามารถนอนกรนได้เช่นกัน แล้วยังทำให้เกิดอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ไม่แตกต่างจากผู้ใหญ่อีกด้วย การนอนกรนนั้น เป็นสภาวะของร่างกายอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น จนทำให้หยุดหายใจขณะนอนหลับ และมีภาวะพร่องของระดับออกซิเจนในเลือด การนอนจึงมีความผิดปกติ ซึ่งจะพบได้ในคนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรง ราว ๆ 3-12% แต่ในจำนวนนี้จะมีอยู่ราว 1-3% ที่จะมีอาการทางเดินหายใจอุดกั้นและหยุดหายใจขณะหลับเกิดขึ้นด้วย ซึ่งผลที่เกิดจากการนอนที่ไม่พอเพียง ก็คืออาการอ่อนเพลีย ตื่นมาแล้วจะปวดศีรษะในตอนเช้า ร่วมกับอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน ง่วงนอนในเวลากลางวัน สำหรับเด็กวัยเรียนก็จะมีผลต่อประสิทธิภาพของสมอง ทำให้ความจำสั้น มีสมาธิสั้น การเรียนรู้ยากกว่าเพื่อน ผลการเรียนตกต่ำ และบางรายอาจมีอาการคล้าย ๆ โรคสมาธิสั้นหรือซนไม่อยู่นิ่ง ก้าวร้าว และแยกตัวออกจากสังคม ซึ่งหากเด็กมีอาการเหล่านี้แล้วจะมีลักษณะอ้าปากหายใจ และมีเสียงขึ้นจมูก ทำให้การเจริญเติบโตช้า โดยอาการนอนกรนนั้นสามารถเกิดได้กับเด็กที่มีรูปร่างปกติ และเด็กอ้วน แต่ในเด็กอ้วนจะพบได้บ่อยกว่า และมีอาการรุนแรงมากกว่า นอกจากอาการทางร่างกายที่จะปรากฏในวัยเด็กดังกล่าวแล้ว หากไม่รักษาให้ถูกต้องจะเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเองในอนาคตด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการความดันโลหิตสูง หัวใจทำงานผิดปกติ กล้ามเนื้อผนังหัวใจหนาตัวผิดปกติ ผนังหลอดเลือดแข็งตัวและความยืดหยุ่นลดลง อีกทั้งยังทำให้เกิดโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ และความดันโลหิตสูงไปด้วย ซึ่งการรักษาที่ดีที่สุดก็คือการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในมาตรฐาน …