Tag: เด็กพิเศษ
-
วิธีสังเกตลูกว่าเป็น…ออทิสติก
วิธีสังเกตลูกว่าเป็น…ออทิสติก ปัจจุบันนี้มีคนไทยเป็นออทิสติกมากกว่าสองแสนคน หรือโดยเฉลี่ย 1 คนต่อประชากร 200 คน โรคออทิสติกนี้เป็นกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติในด้านของสังคม การสื่อสารและภาษา ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่คาดว่าเกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม การติดเชื้อไวรัสระหว่างตั้งครรภ์ การติดเชื้อขณะคลอด หรือความไม่สมดุลในสารเคมีบางอย่างในร่างกาย ซึ่งการประเมินว่าเด็กจะเป็นออทิสติกหรือไม่ก็สามารถเฝ้าสังเกตได้จากพัฒนาการของเด็กที่บันทึกไว้ว่าเป็นไปตามวัยหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น การโต้ตอบ การยิ้ม หัวเราะ สนใจฟัง ซึ่งเด็กที่เป็นออทิสติกนั้น จะมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติเมื่อเทียบกับเด็กทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีแรกที่อาจบ่งชี้ว่าเป็นออทิสติกได้ เช่น เด็กดูดนมได้ไม่ดี เด็กนิ่งเงียบ นิ่งเฉย ไม่ชอบให้ใครอุ้ม หรือกอดรัด หรือติดคนจนมากเกินไปก็ได้ ไม่สบตาคน ไร้อารมณ์ เฉยเมยเมื่อถูกชักชวนให้เล่น ไม่อ้อแอ้ ชี้นิ้วไม่เป็น เรียกคนอื่นมาเล่นไม่เป็น ผูกพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป เช่น ของเล่น ตุ๊กตา ผ้าอ้อม หมอนข้าง หรืออะไรก็ได้ หากไปดึงออกจะร้องอยู่นานมาก ผู้เลี้ยงดูเด็กจะสังเกตเห็นได้ว่าเด็กไม่เหมือนคนอื่น แต่หากเป็นเด็กที่อายุเกินขวบไปแล้ว จะเห็นว่าอาการก็คือเด็กจะไม่สนใจคนอื่น ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ชอบแยกตัวเล่นกับคนอื่นไม่เป็น ถ้าไม่กลัวใครมากเกินไปก็จะไม่กลัวใครเอาเสียเลย ชี้นิ้วหรือบอกความต้องการของตัวเองไม่เป็น สมมติไม่เป็น เช่น เล่นตุ๊กตาก็ไม่รู้จะจับตุ๊กตาแบบไหน…
-
การเรียนรู้ของเด็กปัญญาอ่อน
การเรียนรู้ของเด็กปัญญาอ่อน ในประเทศไทยมีอัตราของเด็กปัญญาอ่อนเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะพ่อแม่สมัยนี้แต่งงานกันช้าลง มีลูกก็ช้าลงไปเรื่อย ๆ บางรายก็มีลูกกันอายุ 40 ปีเข้าไปแล้ว เด็กจึงมีความเสี่ยงในการเป็นปัญญาอ่อนมากขึ้น เด็กปัญญาอ่อนนั้นหมายถึงเด็กที่มีเชาว์ปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย แบ่งออกได้เป็นสามประเภทคือ – ปัญญาอ่อนประเภทเรียนได้ หรือปัญญาอ่อนขนาดน้อย เด็กปัญญาอ่อนประเภทนี้จะมีระดับเชาสน์ปัญญาประมาณ 50-70 สามารถเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาในห้องเรียนพิเศษได้ และสามารถร่วมทำกิจกรรมทางสังคมกับเด็กปกติได้ ใช้หลักสูตรที่ปรับจากหลักสูตรเด็กปกติ ส่วนชั้นมัธยมจะเน้นทักษะทางอาชีพ สามารถฝึกอาชีพหรืองานง่าย ๆ ได้ – ปัญญาอ่อนประเภทฝึกได้ หรือปัญญาอ่อนขนาดปานกลาง มีระดับเชาวน์ปัญญาระหว่าง 25-50 พอที่จะฝึกอบรมและเรียนทักษะเบื้องต้นง่าย ๆ ได้ เน้นการช่วยเหลือตนเองและทักษะทางอาชีพได้ – ปัญญาอ่อนมากและรุนแรง มีระดับเชาวน์ปัญญาต่ำกว่า 25 ต้องการการช่วยเหลือหรือฝึกหัดตนเองในกิจวัตรประจำวันเบื้องต้นง่าย ๆ แต่บางคนต้องการการเลี้ยงดูและการรักษาพยาบาลไปด้วย อาการเหล่านี้สามารถสังเกตและตรวจสอบร่วมกับแพทย์ได้ตั้งแต่ยังเด็ก แต่หากสังเกตพบภายหลังควรรีบพาไปพบกุมารแพทย์เพื่อตรวจรักษา และการให้การศึกษาที่เหมาะสม เด็กก็จะมีโอกาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งนอกจากการเรียนในโรงเรียนให้เหมาะสมตามความสามารถแล้ว การนำเอาดนตรีและศิลปะมาช่วยบำบัดฟื้นฟูเด็กก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีเช่นกัน เหมาะสำหรับพัฒนาการเด็กพิเศษในหลาย ๆ กลุ่ม คุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่สนใจสามารถสอบถามจากแพทย์หรือศูนย์ดูแลเด็กพิเศษได้โดยตรงค่ะ
-
ดนตรีและศิลปะช่วยพัฒนาเด็กพิเศษได้อย่างไร ?
ดนตรีและศิลปะช่วยพัฒนาเด็กพิเศษได้อย่างไร ? เด็กพิเศษที่เราพูดกันถึงในวันนี้ได้แก่ เด็กที่มีปัญหาดังต่อไปนี้ เด็กที่มีปัญหาทางร่างกาย, เด็กสมาธิสั้น, ดาวน์ซินโดรม, เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้, ออทิสติก, พิการทางสมอง, เด็กพิการซ้ำซ้อน และเด็กปัญญาเลิศ แต่เด็กพิเศษในกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนานั้นจะหมายถึงเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการดูแลแตกต่างกันไป ยิ่งค้นพบได้เร็วเท่าไรก็มีโอกาสในการพัฒนาและรักษาให้ดีขึ้นไปเท่านั้น การพัฒนาเด็กพิเศษมีหลายวิธี แต่วิธีที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากก็เห็นจะเป็นการนำเอาศิลปะและดนตรีมาเป็นเครื่องมือในการบำบัดนั่นเองค่ะ ในส่วนของการบำบัดด้วยดนตรี จะช่วยให้เด็กได้เกิดการรับรู้ กระตุ้นสมองให้เกิดการทำงาน พัฒนาประสาทสัมผัสร่วมกันของส่วนต่าง ๆ เช่น ตากับนิ้วมือ มือซ้ายและมือขวา แม้แต่การเต้นรำก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาการทำงานร่วมกันของอวัยวะต่าง ๆ ได้ ดนตรีทำให้เด็กรู้จักจังหวะรอคอยเป็น ทำในสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จ ดนตรีเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเอง มีข้อดีก็คือมีเครื่องดนตรีหลายชนิดให้เลือกเล่นตามความชอบ บางคนสามารถนั่งฟังเครื่องดนตรีบางชนิดได้เป็นเวลานาน ทำให้มีสมาธิมากขึ้น พลอยทำให้อยากทำกิจกรรมอื่น ๆ เกี่ยวกับดนตรีได้สำเร็จอีกด้วย สำหรับงานศิลปะเพื่อการพัฒนาเด็กพิเศษนั้นจะช่วยให้เด็กรู้จักฝึกการใช้สายตาแยกแยะเส้นและสี มีความสุขกับการใช้มือจับพู่กันวาดภาพบนกระดาษ พัฒนาการวาดด้วยเทคนิคต่าง ๆ เปิดโอกาสให้เด็กได้สร้างผลงานตามที่ตนเองชอบ ศิลปะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน แต่ก็มีความกล้าหาญขึ้นด้วย สร้างสมาธิ ทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะสร้างชิ้นงานให้เสร็จ อาจได้เปิดเผยความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวเด็กออกมาด้วย จึงเป็นทางช่วยให้สังคมภายนอกและคนอื่น ๆ ยอมรับความสามารถของเด็กได้อีกทางหนึ่ง ความจริงแล้วทั้งดนตรีและศิลปะต่าง ๆ ล้วนเหมาะกับเด็กทุกประเภท…
-
กลุ่มรากหญ้าของเวียดนาม ผลักดันนโยบายเกี่ยวกับโรคออทิสซึ่ม
กลุ่มรากหญ้าของเวียดนาม ผลักดันนโยบายเกี่ยวกับโรคออทิสซึ่ม แม้ว่าจะมีจำนวนโรงเรียนเพื่อเด็กพิเศษเพิ่มมากขึ้นในเวียดนาม รัฐบาลเวียดนามยังไม่มีนโยบายระดับชาติในด้านการบำบัดความบกพร่องของพัฒนาการทางสมองประเภทออทิสซึ่มในเด็ก หรือ เอเอสดี เช่นเดียวกับอีกหลายชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งนี้เวียดนามจัดการประชุมความรู้เรื่องโรคออทิสซึ่มเป็นครั้งแรกเมื่อเร็วๆนี้ หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องหวังว่าการประชุมจะกระตุ้นให้รัฐบาลเวียดนามปรับปรุงนโยบายด้านการศึกษาและการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความบกพร่องด้านพัฒนาการทางสมองต่างๆ เอเอสดี เป็นกลุ่มความผิดปกติของพัฒนาการทางสมองที่ซับซ้อนหลายๆอย่างๆ มีคนเป็นโรคนี้กันหลายสิบล้านคนทั่วโลก เป็นความบกพร่องของพัฒนาการทางสมองส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเข้าสังคม การสื่อสารและมักมีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ ด็อกเตอร์เองกล่าวว่ายอมรับว่าในอดีต ผู้ที่เป็นโรคออทิสซึ่มจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลและถูกมองว่าเป็นคนบ้าหรือคนจิตฟั่นเฟือน หากเปรียบเทียบกับปัจจุบัน คนทั่วไปมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคออทิสซึ่มมากขึ้นและมองว่าออทิสซึ่มไม่ใช่โรคจิตร้ายแรง ในการประชุมเกี่ยวกับโรคกลุ่มออทิสซึ่มที่ขึ้นในเวียดนามเป็นครั้งแรกเมื่อเร็วๆนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์อเมริกันพร้อมด้วยบรรดาเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการศึกษาและกระทรวงแรงงานแห่งเวียดนามเข้าร่วมในการประชุมด้วยซึ่งหลายคนหวังว่าจะนำไปสู่การสร้างนโยบายแห่งชาติเพื่อการบำบัดและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคนี้ เขากล่าวว่าการอธิบายเกี่ยวกับโรคออทิสซึ่มและผลพวงจากความบกพร่องด้านพัฒนาการทางสมองทำได้ง่ายขึ้นเนื่องจากพ่อแม่ชาวเวียดนามมีความรู้เกี่ยวกับลักษณะอาการของโรคมากขึ้นกว่าเดิม บรรดาสื่อมวลชนในเวียดนามรายงานว่าพบผู้มีอาการพัฒนาการทางสมองบกพร่องเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีใครตอบได้ชัดเจนว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเพราะว่าการวินิจฉัยโรคพัฒนาดีขึ้นหรือว่าคนเป็นโรคนี้เพิ่มมากขึ้นกันแน่