Tag: เชื้อโรค
-
อันตรายในห้องน้ำที่ทำให้คุณป่วยซ้ำ ๆ ป่วยบ่อย ๆ
อันตรายในห้องน้ำที่ทำให้คุณป่วยซ้ำ ๆ ป่วยบ่อย ๆ ใครที่มีอาการเจ็บป่วยบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ บางทีลองมาสังเกตห้องน้ำของคุณบ้างนะคะ ว่ามีเชื้อโรคร้ายแฝงอยู่บ้างหรือเปล่า ลองมาเช็คดูไปพร้อม ๆ กันนะคะ 1. ยาแนวในห้องน้ำทำให้เกิดโรคภูมิแพ้และระบบทางเดินหายใจ หากสูดดมในปริมาณมาก อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนัง ดังนั้นหลังจากการก่อสร้างบ้านหรือต่อเติมซ่อมแซมห้องน้ำ ควรเปิดประตู หรือพัดลมระบายอาการเพื่อระบายความเข้มข้นของสารเคมีจากยาแนวเหล่านี้ออกไปให้มากที่สุด 2. ความชื้นในห้องน้ำทำให้คุณป่วยได้ ไม่ควรปล่อยให้ห้องน้ำชื้น ควรเปิดพัดลมดูดอากาศและใช้ม๊อบถูกพื้น เช็คห้องน้ำให้หมาดหรือแห้งได้ก็จะยิ่งดี ป้องกันการก่อตัวของเชื้อราด้วย 3. ติดตั้งพัดลมดูดอากาศผิดตำแหน่ง เช่นติดไว้บนเพดาน ทำให้ความชื้นไม่ถูกระบายออกไป ทางที่ดีควรติดพัดลมระบายอากาศที่สามารถระบายอากาศสู่ภายนอกได้จะดีที่สุด 4. ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง ยิ่งโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียและคลอรีน เพราะสารทั้งสองชนิดทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ปอด และทำให้เกิดโรคหอบหืดได้ด้วย 5. ก๊อกน้ำไม่สะอาดหรือไม่ยอมทำความสะอาด แพร่เชื้อโรคได้มากที่สุดนะคะ เพราะก็อกน้ำเป็นส่วนที่ทุกคนในบ้านจับต้องมากที่สุดแต่มักได้รับการทำความสะอาดน้อยที่สุดด้วย 6. ม่านห้องน้ำแบบไวนิล มีสารที่ก่ออันตรายและสารก่อมะเร็งได้ ควรเปลี่ยนมาเป็นแบบโพลีเสเตอร์หรือไนลอนดีกว่า 7. น้ำยาทำความสะอาดสำเร็จรูปที่มีความสามารถในการกัดเซาะได้ดีนั้น จะทำความรุนแรงต่อผิวและกลิ่นฉุน ๆ ยังระคายเคืองทางเดินหายใจได้อีก ลองเปลี่ยนมาใช้เบกกิ้งโซดาซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ทำความสะอาดห้องน้ำดีกว่า นำสองอย่างนี้มาผสมกันแล้วป้ายไว้บนสิ่งสกปรกประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วขัดล้างตามปกติ จะปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณมากกว่าค่ะ 8. ควรกรองคลอรีนออกจากน้ำด้วย…
-
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ในระยะที่อากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีฝนตกมากขึ้น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายค่อนข้างต่ำ หรือสุขภาพอ่อนแอเพราะปรับตัวไม่ทัน จึงเจ็บป่วยได่ง่าย ยิ่งโดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางลมหายใจจำพวกโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อกันได้ง่ายนั้น เราจึงยิ่งจำเป็นต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมในการป้องกันโรคติดต่อเหล่านี้นั่นเอง ซึ่งมีวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ – เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มป่วย เริ่มเป็นไข้ ไม่สบายรู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่พอ ยิ่งไม่ควรเข้าไปเสี่ยงในแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นตลาด ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล เพราะว่าร่างกายในช่วงที่มีภูมิต้านทานต่ำจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย – หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือหากไม่สะดวกในการล้างมือจะใช้เจลแอลกอฮอล์มาเช็ดก็ได้ ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ยิ่งหากอยู่ในช่วงที่กำลังมีอาการไอหรือจาม ยิ่มควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพราะหากนำมือไปป้ายตาก็อาจติดเชื้อตาอักเสบได้ หรือไปหยิบจับสิ่งของก็จะเท่ากับเป็นการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีกทาง – หลีกเลี่ยงและอยู่ห่างจากผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหวัด ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง จะช่วยป้องกันเชื้อหวัดและโรคทางเดินหายใจได้ดี – หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ – ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ สองลิตร – หากในบ้านของเรามีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ และควรป้องกันการแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นด้วยการไม่คลุกคลีกับผู้ใกล้ชิด ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเมื่อไอหรือจาม และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วย – สำหรับกลุ่มผู้เสี่ยงสูง…
-
หน้าฝนระวังโรคฉี่หนู
หน้าฝนระวังโรคฉี่หนู ในระยะเวลาที่ฝนกำลังตกพรำไม่เว้นแต่ละวันในระยะนี้ ทำให้ผู้ที่ไม่ค่อยดูแลรักษาตัวเองเท่าไรอาจป่วยเป็นโรคฉี่หนูได้ ซึ่งโรคฉี่หนูนี้เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากสัตว์ประเภทสัตว์กัดแทะขนาดเล็ก เช่น หนู กะรอก และยังสามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นได้ไม่ว่าจะเป็น หมา แมว วัว ควาย ฯลฯ ซึ่งหนูนั้นเป็นตัวการแพร่เชื้อที่สำคัญมาก โดยเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคเลปโตสไปโรซิสหรือฉี่หนูนี้จะถูกขับออกมาจากปัสสาวะของหนู แล้วปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำสกปรก ท่อน้ำขัง ที่เฉอะแฉะ พื้นดินแฉะ ๆ ผู้ที่เข้าไปเดินย่ำหรือสัมผัสกับแหล่งน้ำเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวไรชาวสวน ผู้ที่ทำปศุสัตว์ ผู้ที่ขุดลอกคูคลอง ผู้ทำประมง หาปลา ปู หรือเด็ก ๆ ที่เล่นน้ำ เมื่อสัมผัสกับน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้เข้าไป จะทำให้เชื้อโรคแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลเล็ก ๆ หรือเยื่อบุบอบบาง ไม่ว่าจะเป็น จมูก ตา ปาก ก็จะทำให้เกิดโรคได้ นอกจากนี้การทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อก็สามารถติดโรคได้ด้วย อาการของโรคฉี่หนูนี้ มีหลายระดับ ซึ่งอาจแสดงอาการเพียงเล็กน้อยหรือแสดงอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายผู้ติดเชื้อ ภูมิคุ้มกันและปริมาณของเชื้อด้วย ซึ่งระยะแสดงอาการจะอยู่ที่ราว 2-3 สัปดาห์ อาการนั้นจะแสดงออกมาเป็น การมีไข้สูง มักปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมากยิ่งโดยเฉพาะบริเวณน่อง ปรากฏรอยจ้ำเลือดหรือรอยช้ำเขียวตามผิวหนัง เยื่อบุตาอักเสบและมีเลือดออกในลูกตา หากมีอาการที่รุนแรงแล้วไม่ยอมรับการรักษาอาจเสียชีวิตจากตับวายหรือไตวาย และเยื่อหุ้นสมองอักเสบได้…
-
ล้างมืออย่างไร ปลอดภัย ปลอดเชื้อที่สุด
ล้างมืออย่างไร ปลอดภัย ปลอดเชื้อที่สุด เพื่อในปัจจุบันมีเชื้อโรคเป็นจำนวนมากที่กระจายปะปนอยู่ทั่วไปแทบทุกสถานที่ และทุก ๆ ที่ที่เราเอื้อมมือสัมผัสได้ การล้างมือจึงเป็นสุขนิสัยที่ควรปฏิบัติไว้เสมอ จะได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อผ่านทางมือ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ติดเชื้อแผลเป็น หรือโรคท้องเสีย ฯลฯ การล้างมือช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเหล่านี้ได้มาก และเป็นวิธีการป้องกันเชื้อโรคที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง แล้วการล้างมืออย่างไรจึงจะปลอดภัยและปลอดเชื้อที่สุดกันล่ะ หลาย ๆ ท่านเข้าใจว่าการล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อนั้นดีกว่าล้างด้วยสบู่ธรรมดา แต่ก็ปรากฎว่าจากข้อมูลของกรมควบคุมและป้องกันโรคของสหรับนั้น เปิดเผยว่า การใช้สบู่ยาฆ่าเชื้อที่มีขายในท้องตลาด ก็ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคได้ดีไปกว่าสบู่ธรรมดาเลย ซ้ำยังฆ่าได้เฉพาะเชื้อโรคอ่อนด้วย ส่วนเชื้อร้าย ๆ ก็ยังคงแพร่พันธุ์ต่อไป การล้างมือที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคที่สุด และง่ายที่สุดกลับกลายเป็นการล้างด้วยแอลกอฮอล์ 70% ที่ฆ่าเชื้อโรคได้มากมาย และแทบไม่มีเชื้อใดที่จะดื้อแอลกอฮอล์ได้เลย แต่อย่างไรดีหากที่ที่คุณอยู่ ไม่มีแอลกอฮล์หรือแม้แต่สบู่ล้างมือ การล้างด้วยน้ำสะอาด ๆ ก็ยังดีกว่าไม่ล้างมือเอาเสียเลยนะคะ
-
ระวังให้ดี 6 จุดสกปรกสุด ๆ ในห้องน้ำ
ระวังให้ดี 6 จุดสกปรกสุด ๆ ในห้องน้ำ แม้หลังการเข้าห้องน้ำ เราจะล้างมืออยู่ทุกครั้งก็ตาม แต่ยังมีบางจุดของห้องที่ได้รับการสำรวจและศึกษาจากกระทรวงสาธารณสุขที่ได้สำรวจจากครัวเรือนไทยแล้วว่า มีอยู่ 6 จุดในห้องน้ำที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากที่สุด ซึ่งหากคุณทั้งหลายเข้าห้องแล้วสัมผัสสิ่งเหล่านี้ พึงระลึกไว้เสมอว่าควรล้างมือให้สะอาดและใช้สบู่ฆ่าเชื้อโรคล้างทุกครั้งนะคะ 6 จุดที่สกปรกสุด ๆ เหล่านี้ได้แก่ 1. สายชำระ พบเชื้อโรคถึงร้อยละ 85 2. พื้นห้องน้ำ พบเชื้อโรคถึงร้อยละ 50 3. ที่รองนั่งโถส้วม พบเชื้อโรคถึงร้อยละ 31 4. ที่กดชักโครก พบเชื้อโรคถึงร้อยละ 8 5. ก๊อกน้ำ พบเชื้อโรคถึงร้อยละ 7 6. กลอนประตู พบเชื้อโรคถึงร้อยละ 3 ได้ทราบจุดเหล่านี้แล้ว อย่าเพิ่งร้องอี๋ขยะแขยงไปเสียก่อน เพียงคุณรักษาความสะอาดในห้องน้ำ และล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรคและระงับการแพร่เชื้อโรคนี้ไปยังผู้อื่นได้แล้วค่ะ
-
เตือนภัยสุขภาพช่วงสงกรานต์
เตือนภัยสุขภาพช่วงสงกรานต์ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวว่า นอกจากการต้องเฝ้าระวังในเรื่องของอุบัติเหตุในการเดินทางระหว่างวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการระวังการติดเชื้อจากการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวังมากที่สุด เพราะน้ำที่นำมาสาดเล่นกันนั้น อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโรคที่มากับน้ำในช่วงสงกรานต์ของทุกปี โดยดวงตาของผู้ป่วยจะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดโรคมากที่สุด เพราะ ดวงตาสามารถสัมผัสกับน้ำหรือเชื้อโรคที่ปนเปื้อนได้ง่ายที่สุดนั้นเอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการเปลือกตาและเยื่อบุตา ตลอดจนกระจกตาอักเสบ หรือติดเชื้อรุนแรง จนอาจลุกลามเข้าในไปในช่องลูกตาได้ ทำให้ลูกตาอักเสบจนกระทั่งรุนแรงจนตาบอดได้ด้วย อีกทั้งหากเป็นน้ำที่ปะปนฝุ่น ดิน ทราย เศษเหล็ก เศษแก้ว ก็อาจไปเกาะติดกับเยื่อบุตา หากมีการขยี้ตาอย่างรุนแรง ก็อาจทำให้สิ่งเหล่านี้ขูดขีดกระจกตา ทำให้เกิดแผลถลอกและติดเชื้อเป็นแผลบนกระจกตาได้ ดังนั้นผู้ปกครองควรใส่ใจและดูแลเด็ก ๆ ที่เล่นน้ำอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการล้างน้ำสะอาด หรือลืมตาในน้ำแล้วกลอกตาไปมา เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก แต่ถ้ามีสารเคมีปะปนในน้ำด้วย ควรล้างน้ำด้วยการให้น้ำไหลผ่านตามาก ๆ แล้วรีบนำส่งแพทย์โดยด่วน อีกทั้งในช่วงสงกรานต์ซึ่งมีอากาศร้อนยังมีโรคที่ต้องเฝ้าระวังอื่น ๆ อีก เช่น โรคทางเดินอาหาร โรคทางเดินหายใจ โรคตาแดง ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ ตลอดจน โรคปอดบวมและอุจจาระร่วง จึงควรระวังในเรื่องของอาหารการกินและน้ำดื่มที่ต้องดื่มแต่น้ำสะอาด สำหรับโรคทางเดินหายใจมักจะเกิดจากเล่นน้ำในขณะที่อากาศร้อนจัด ซึ่งมักเกิดกับผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ…
-
“แผ่นเปิดเหยียบประตู” เครื่องช่วยชิ้นใหม่เพื่ออนามัยที่ดี
“แผ่นเปิดเหยียบประตู” เครื่องช่วยชิ้นใหม่เพื่ออนามัยที่ดี บางคนไม่ชอบเข้าหรอกค่ะ ห้องน้ำสาธารณะเนี่ย เพราะลูกบิดประตูเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียอย่างมาก เพราะหลายคนเข้าห้องน้ำแล้วไม่ยอมล้างมือ ผู้ชายหลายคนจึงรู้สึกสกปรกเวลาต้องจับประตูหนังออกจากห้องน้ำสาธารณะ นวัตกรรมใหม่ที่จะนำมาเสนอในวันนี้คือ “แผ่นเหยียบเปิดประตู” นั่นเอง ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการจับลูกบิดที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคต่าง ๆ แผ่นเหยียบประตูนี้จะทำมาจากเหยียบแล้วติดตั้งเข้ากับขอบมุมของประตูด้วยน๊อตเท่านั้น การใช้ก็เพียงเหยียบแผ่นออกแรงให้ประตูเปิดเข้าไป ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ต่ออนามัยของมือเรามาก เพราะหากมือเรามีบาดแผลอยู่แล้วไปจับบานประตูหรือลูกบิดแล้วติดเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อมีแผลอักเสบหรือเน่าได้ การใช้แผ่นเหยียบเปิดประตูนี้จึงช่วยลดการสัมผัสกับแบคทีเรียและเชื้อโรคนานาชนิดจากการใช้ห้องน้ำสาธารณะได้เกือบ 100% เลยทีเดียว หวังอยากให้เมืองไทยได้นำเอานวัตกรรมนี้มาใช้บ้าง เราจะได้กล้าเข้าไปใช้ห้องน้ำสาธารณะมากขึ้น ปลอดจากเชื้อโรคติดมือมาสร้างปัญหาให้กับสุขภาพของเราต่อไปในอนาคต
-
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง “โรคมะเร็ง” เป็นโรคที่คนไทยหรือคนทั่วโลกรู้จัก และเกรงกลัวโรคนี้กันเป็นอย่างมาก แต่จะรู้ไหมว่าสาเหตุของการเกิดขึ้นของโรคมะเร็งมาจากไหน และมีสาเหตุจากอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำแนะนำและเกร็ดความรู้ดีๆ เพื่อให้เข้าใจในเรื่อง “มะเร็ง” และหันมาดูแลสุขภาพ หาทางป้องกันตนเองให้ห่างจากโรคมะเร็งกันค่ะ มารู้จักโรคมะเร็งกันก่อนค่ะ! โรคมะเร็ง หมายถึง โรคที่เซลล์หรือเนื้อเยื่อของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงแบ่งตัวแบบกระจายอย่างรวดเร็ว โดยอาจลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียงหรือแพร่กระจายไปตามอวัยวะที่สำคัญต่าง ๆ โรคมะเร็งจะไม่ติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โรคมะเร็งบางชนิดอาจจะมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เช่น มะเร็งเต้านม ถ้ามีประวัติครอบครัวเคยเป็นในแม่พี่สาวหรือน้องสาว ก็อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นในผู้หญิงคนนั้นสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งนั้น ยังไม่มีอะไรที่ทราบกันได้แน่ชัด แต่สิ่งกระตุ้นและส่งเสริมมะเร็ง มีสาเหตุดังนี้ค่ะ 1. เชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งโพรงจมูก หรือเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในกระเพาะอาหารมีคนพบว่าเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร 2. พยาธิใบไม้ในตับก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับและทางเดินน้ำดี สารเคมีหลายชนิดก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น พวกแอสเบสทอส ทำให้เกิดมะเร็งปอด นิเกิล โครเมี่ยม เป็นต้น 3. ยาบางชนิด เช่น ยาฮอร์โมน ซึ่งไม่ควรจะรับประทานเอง ควรจะอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ หรือยารักษามะเร็งบางชนิด เป็นต้น 4. การสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ดังนั้น…
-
สงกรานต์ เทศกาลความสุข แต่เสี่ยงต่อโรค
สงกรานต์ เทศกาลความสุข แต่เสี่ยงต่อโรค วันปีใหม่ไทยกำลังจะมาถึง เทศกาลสงกรานต์คือเทศกาลแห่งความสนุก แต่รู้หรือไม่ว่า การเล่นน้ำสงกรานต์นั้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆมากมาย ยิ่งการที่เล่นน้ำที่สกปรกด้วยแล้วหละก็ เชื้อโรคต่างๆก็ยิ่งสามารถเข้าไปสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางหู จมูก ปาก หรือแม้การสัมผัสต่างๆ เนื่องจากเทสกาลสงกรานต์อยู่ในช่วงหน้าร้อน ยิ่งทำให้เชื้อโรคแบคทีเรียเติบโตได้ง่ายอีกด้วย สำหรับข้อแนะนำในการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคจากการเล่นน้ำก็คือ การรับประทานอาหาร สมควรดูอาหารที่ถูกสุขลักษณะ เนื่องด้วยอากาศที่ร้อนก็ไม่สมควรรับประทานอาหารที่มีกะทิหรือนม ซึ่งเป็นตัวเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรีย และอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออยากแรงก็คือท้องร่วงได้เลย อีกโรคที่คนมักมองข้ามและคิดว่าอาจจะไม่ร้ายแรงมาก แต่แท้จริงแล้วอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว โรคลมแดด หรือ โรคฮีทสโตรค (Heat Stroke) เป็นลมจากอากาศร้อน ทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส เกิดได้ในผู้ที่ร่างกายแข็งแรง ยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างร้อนจัดทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเป็นเวลานานๆ ร่างกายปรับตัวไม่ทัน สูญเสียเหงื่อมาก ระดับความเข้มข้นของเลือดและเกลือแร่ในร่างกายเข้มข้นเกินไป อาการเบื้องต้นได้แก่ รู้สึกกระหายน้ำมากๆ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ ช็อก หมดสติได้ ผู้ป่วยจะมีอาการตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเหงื่อออก ซึ่งต่างจากการเพลียจากแดดทั่วๆ ไป ที่จะพบว่าจะมีเหงื่อออกด้วย…
-
หุ่นยนต์ฉีดยาฆ่าเชื้อโรคในโรงพยาบาล ช่วยแก้ปัญหาการติดเชื้อดื้อยาได้
หุ่นยนต์ฉีดยาฆ่าเชื้อโรคในโรงพยาบาล ช่วยแก้ปัญหาการติดเชื้อดื้อยาได้ โรงพยาบาล นอกจากจะเป็นที่รักษาโรคแล้ว ก็ยังเป็นที่แพร่เชื้อโรคอีกเหมือนกัน และโรงพยาบาลยังเป็นที่บ่มเชื้อดื้อแบคทีเรียดื้อยาที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก เชื้อโรคเหล่านี้ยังคงมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวของวัสดุต่างๆได้นานหลังจากที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อจะออกจาโรงพยาบาลไปแล้ว การทำความสะอาดห้องพักผู้ป่วยด้วยวิธีดั้งเดิมคือเช็ดถูด้วยแรงคนและน้ำยาฆ่าเชื้อเเบคทีเรียธรรมดาทั่วไปหลังจากผู้ป่วยแต่ละคนออกจากห้องไปแล้วไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้หมดจด ซึ่งพื้นผิวในห้องพักผู้ป่วยมีหลายประเภท มีอุปกรณ์การแพทย์หลายอย่างที่ทำความสะอาดให้หมดจดได้ยาก พนักงานทำความสะอาดในโรงพยาบาลมักมีเวลาไม่นานพอในการทำความสะอาดห้องพักผู้ป่วยได้ทุกระเบียดนิ้วก่อนผู้ป่วยคนใหม่จะเข้าพัก ทีมวิจัยจึงนำปัญหานี้ไปศึกษาหาทางแก้ โดยการเปลี่ยนวิธีการฆ่าเชื้อโรคแบบใหม่ โดยใช่หุ่นยนต์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หุ่นยนตร์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคมีหน้าตาคล้ายกับหุ่นยนตร์ R2D2 ในภาพยนตร์เรื่อง Star War เพียงแต่มีท่อพ่นน้ำยาอยู่ด้านบนศรีษะ หุ่นยนตร์นี้จะพ่นไอน้ำยา hydrogen peroxide ซึ่งเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่มีฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อโรคสูงที่มีส่วนผสมของ bleach ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หากรับประทานหรือหายใจเข้าไปเพื่อกำจัดสารอันตรายนี้ หุ่นยนตร์ตัวที่สองจะเข้าไปฉีดน้ำยาละลายสารพิษจากน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในห้อง เพื่อปรับให้ hydrogen peroxide ให้กลายเป็นน้ำและออกซิเจน ทีมวิจัยพบว่าอย่างน้อยยี่สิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ของห้องพักผู้ป่วยมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ส่วนมากเป็นห้องที่ได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อด้วยมือ ในขณะที่การใช้หุ่นยนตร์ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ hydrogen peroxide ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคในโรงพยาบาลลงได้ 64 เปอร์เซ็นต์และยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาเอ็นเทอร์คอคไซ ลงได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์แต่ราคาของหุ่นยนตร์ทั้งสองตัวรวมกันแล้วยังสูงมาก ทีมวิจัยนี้หวังว่า บริษัทผู้ผลิตอเมริกันจะสามารถลดราคาหุ่นยนตร์ลงมาเพื่อให้โรงพยาบาลทั้งในสหรัฐและในประเทศกำลังพัฒนาสามารถจัดซื้อไปใช้ได้ หุ่นยนตร์ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคนี้เคยนำไปใช้เป็นครั้งแรกในโรงพยาบาลหลายโรงที่ประเทศสิงคโปร์ในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคซาร์สเมื่อ 10 ปีที่แล้ว