Tag: เกลือ

  • หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค

    หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค

    หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค บรรดาอาหารที่มีรสเค็มจัดทั้งหลายล้วนมีส่วนประกอบของโซเดียมทั้งสิ้น รวมไปถึงอาหารที่ไม่มีรสเค็มแต่มีโซเดียมอย่าง ผงฟู ชูรส เนยเทียม น้ำสลัดต่าง ๆ ก็ด้วยนั้น สร้างปัญหาต่อสุขภาพได้เช่นกันหากบริหารมากเกินพอดี และมีความเสี่ยงทำให้เป็นโรคความดันโลหิตได้ง่าย ทั้งยังทำให้เกิดการสะสมของน้ำตามส่วนต่าง ๆ ทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ แล้วยังทำให้เกิดเลือดแข็งตัวได้ง่ายหากมีระดับเกลือแร่ในเลือดสูงเกินไป อันจะนำไปสู่ภาวะไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดในสมองตีบตัน หัวใจวาย ไตวายได้ มีผลการวิจัยพบว่า การกินเกลือแกงมากกว่า หกกรัมหรือ 1 ช้อนชาต่อวัน จะทำให้มีความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงได้ รวมไปถึงมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคดังกล่าว เราจึงควรทานอาหารที่มีโซเดียมน้อย ๆ และเค็มน้อย ๆ ด้วย โดยมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ลดการปรุงอาหารด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กะปิ น้ำปลา ซีอิ๊ว เกลือ ซอส เต้าเจี้ยว ผงชูรส ฯลฯ และชิมก่อนเติมทุกครั้งด้วย รวมทั้งลดการจิ้มน้ำจิ้ม หรือทานน้ำพริก พริกแกงต่าง ๆ เพราะมีเกลืออยู่เยอะมากด้วยเช่นกัน 2. ควรทานอาหารที่ผ่านกระบวนการน้อย ๆ หรืออาหารจากธรรมชาติ…

  • อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงโซเดียม (เกลือ)

    อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงโซเดียม (เกลือ)

    อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงโซเดียม (เกลือ) มีผู้ป่วยอยู่หลายโรคที่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณของโซเดียม หรือเกลือในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคไต เพราะโซเดียมนี้จะทำให้เกิดอาการบวม ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ การเลือกทานอาหารจึงจำเป็นต้องระวังอาหารที่มีปริมาณของโซเดียมให้ดี โดยรายการอาหารด้านล่างนี้จะรายชื่อและปริมาณของโซเดียมต่อหน่วย มก. ในอาหารที่มีน้ำหนัก 100 กรัม 1. ผักทั่วไป (ส่วนใหญ่มีโซเดียม 1 – 20 มิลลิกรัมม) ถั่ว (1- 6) และผลไม้ (1 – 15) ดังนั้นหากเป็นผักต้มหรือข้าวโพดต้มจึงไม่ควรเติมเกลือเพิ่ม 2. อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว เผือก มัน ข้าวโพด (มีโซเดียม 2 – 7 มก. / 100 กรัม) แต่หากแปรรูปแล้วจะทำให้มีโซเดียมเพิ่มขึ้นได้ เช่น ซีเรียลคอร์นเฟลค (1,158) มันฝรั่งแผ่น (997) ขนมปังแครกเกอร์ (613) ขนมปังขาว ขนมปังโฮลวีต (541)…

  • ทานเค็มน้อยลง… ก็นอนกรนน้อยลงด้วย

    ทานเค็มน้อยลง… ก็นอนกรนน้อยลงด้วย

    ทานเค็มน้อยลง… ก็นอนกรนน้อยลงด้วย อาการนอนกรน เป็นภัยเงียบที่มีความร้ายแรงสูงมาก  เพราะจากผลการสำรวจในสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ที่นอนกรนแบบมีการหยุดหายใจรุนแรงด้วย จะมีโอกาสตายภายใน 8 ปี สูงกว่า 2 เท่าตัวเลยทีเดียว  ดังนั้นหากคุณเริ่มรู้สึกว่ากลางคืนนอนไม่ค่อยพอทั้งที่ไม่มีปัจจัยในเรื่องอื่นมาเป็นอุปสรรค กับทั้งมีอาการนอนกรนมากด้วย ควรรีบรักษาตัวแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า และวิธีหนึ่งก็คือการทานเกลือให้น้อยลง หรือทานอาหารที่มีความเค็มให้น้อยลงนั่นเอง  ซึ่งมีนักวิจัยชาวบราซิลพลว่าเพราะอาหารที่มีส่วนประกอบของเกลือน้อย ๆ จะช่วยลดอาการกรน หรือลอการหยุดหายใจชั่วคราวระหว่างการนอนหลับได้  เขาเชื่อว่า การทานเกลือมากเกินไปจะทำให้ร่างกายสร้างของเหลวที่เมื่อเวลาเรานอนราบลงของเหลวเหล่านี้จะเคลื่อนมาอยู่ที่บริเวณคอ ปิดช่องทางการไหลเวียนของอากาศ ทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วคราวได้ การลดอาหารเค็มนอกจากมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการนอนกรนได้แล้ว ยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย

  • อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น!

    อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น!

    อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น! ขึ้นชื่อว่าอาหารแล้ว มีทั้งอาหารที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อร่างกายนะคะ ดังนั้นการทานอาหาร จึงใช่การสักแต่ทานเพราะเห็นว่าเป็นอาหารเท่านั้น แต่หากคุณไม่อยากแก่ และไม่อยากให้ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหาร 11 ชนิดดังต่อไปนี้ด้วย 1. เกลือ เพราะเกลือจะไปดูดซึมน้ำในร่างกาย ทำให้อ่อนเพลียและมีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิต และโรคไต 2. น้ำตาล เมื่อบริโภคน้ำตาลเข้าไป จะไปจับกับคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังเกิดรอยเหี่ยวย่อน ทำให้ดูแก่ลง 3. น้ำตาลเทียม แม้น้ำตาลเทียมจะไม่ทำให้คุณเป็นเบาหวาน แต่ก็อาจก่อปัญหากับร่างกายได้ด้วย ทำให้เกิดอาการปวดหัว และปวดข้อ ตลอดจนอยากทานน้ำตาลจริง ๆ ขึ้นมาได้ 4. ลูกอม มีน้ำตาล น้ำเชื่อมต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ ทำให้ร่างกายเกิดความระคายเคือง และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย 5. น้ำอัดลม ทำให้ร่างกายขาดน้ำและรู้สึกอ่อนเพลียได้ 6. เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ ทำลายเคลือบฟัน ทำให้ฟันสึก และผุกร่อนเร็ว 7. กาแฟ ดูดซึมน้ำในร่างกาย จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า…

  • รู้กันบ้างไหม ในยาสีฟันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

    รู้กันบ้างไหม ในยาสีฟันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

    รู้กันบ้างไหม ในยาสีฟันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? ยาสีฟันที่เรานำมาทำความสะอาดฟันของเราทุกเช้าเย็นนั้น มีส่วนประกอบของอะไรบ้าง เรามาลองดูส่วนประกอบเหล่านี้กันค่ะ กว่า 15-70% ของเนื้อยาสีฟันที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำนั้นคือสารรักษาความชื้น ที่ช่วยในการรักษาปริมาณน้ำในเนื้อยาสีฟันไม่ให้แข็งตัวเวลาถูกเก็บไว้ในหลอดเป็นเวลานาน ซึ่งสารรักษาความชื้นที่นิยมนำมาใช้กันคือ กลีเซอรีน, ซอร์บิทอล และไซบิทอล  อีกทั้งประกอบไปด้วยน้ำอีกประมาณ 0-50%  ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ยาสีฟันไม่แข็งตัว  ยกเว้นยาสีฟันประเภทที่เป็นผง นอกจากนี้ยังมีผงขัดฟันอีกราว ๆ 10-50%  ซึ่งทำหน้าที่ในการขจัดเศษอาหารที่ตกค้าง  และรวมถึงคราบจุลินทรีย์ที่ติดอยู่บนฟัน  โดยสารที่นิยมนำมาผสมเป็นผงขัดฟันได้แก่ อะลูมินา, แคลเซียมฟอสเฟต, แคลเซียมคาร์บอนเนต, เกลือ เป็นต้น   รวมไปถึงมีสารลดแรงตึงผิวและสารแต่งกลิ่นอีกเล็กน้อยราว  ๆ 2% ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบและทำให้เป็นฟอง  และที่ทำให้ยาสีฟันมีรสชาติดีก็คือสารให้ความหวานจะมีส่วนผสมอยู่ถึง 40% ทำให้ยาสีฟันมีรสชาติที่ดีขึ้นกว่าการอมสารเคมีอื่น ๆ  สารที่มักใช้ก็คือ แอสปาร์แทม และสารที่ทำให้ยาสีฟันเกาะกันเป็นเนื้อเดียว ไม่เละเทะ ก็คือ คาราจีแนน ยาเซลลูลส และ โซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส  อีกทั้งสารสำคัญที่ช่วยป้องกันฟันผุ ทำหน้าที่เคลือบฟันเพื่อให้ทนต่อกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก  ก็คือ ฟลูออไรด์นั่นเองค่ะ ความรู้นี้มีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีอาการแพ้สารเคมีต่าง ๆ ให้ลองสังเกตดูได้ว่าที่ข้างหลอดยาสีฟันนั้นระบุไว้ว่ามีสารอะไรผสมอยู่บ้าง  เพื่อการหลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้ได้ค่ะ  

  • WHO ชี้การลดเกลือและเพิ่มโปตัสเซี่ยม ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้

    WHO ชี้การลดเกลือและเพิ่มโปตัสเซี่ยม ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้

    WHO ชี้การลดเกลือและเพิ่มโปตัสเซี่ยม ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้ องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่าโรคความดันโลหิตสูงคุกคามสุขภาพของคนทั่วโลกราวหนึ่งพันล้านคน ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและอัมพาต โรคความดันโลหิตสูงถือเป็นภัยเงียบเพราะไม่ปรากฏอาการชัดเจน ข่าวดีคือเราสามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้ มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่าการลดปริมาณเกลือในอาหารที่เรารับประทานลงจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการเส้นโลหิตในสมองแตกและโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ นักวิจัยกล่าวว่า การลดปริมาณเกลือในอาหารลงช่วยลดอาการความดันโลหิตสูงได้ แต่จะดีขึ้นถ้าคนเราได้รับโปตัสเซี่ยมวันละสี่กรัม หากต้องการเพิ่มโปตัสเซี่ยมหนึ่งกรัม ควรรับประทานผักและผลไม้เพิ่มขึ้นราวสองถึงสามครั้งต่อวัน โดยอาจจะรับประทานกล้วยสามลูกต่อวัน หรือ ส้มสามลูกต่อวัน หรืออาจจะรับประทานกล้วย แอปเปิ้ล และ ส้ม อย่างละหนึ่งลูกต่อวัน หรืออาจจะรับประทานผักหนึ่งครั้งต่อวันและผลไม้อย่างน้อยสองลูกต่อวัน เนื่องจากโปตัสเซี่ยมมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการควบคุมกล้ามเนื้อ ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแสดงความกังวลต่อสุขภาพของคนในประเทศกำลังพัฒนาที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตว่าคนในประเทศกำลังพัฒนาเริ่มนิยมรับประทานอาหารแบบเดียวกับคนในประเทศพัฒนาแล้ว เป็นอาหารที่เค็ม หวาน และมัน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าคนในประเทศกำลังพัฒนาจะป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจกันเพิ่มมากขึ้น พอๆกับโรคที่มีสาเหตุจากโรคอ้วน