Tag: อ้วนลงพุง
-
ตับแข็งไม่ได้เกิดจากการกินเหล้าเท่านั้น
ตับแข็งไม่ได้เกิดจากการกินเหล้าเท่านั้น โรคตับ นั้นมีสาเหตุหลายประการ ซึ่งภาวะไขมันพอกตับนั่นก็เป็นอีกปัญหาที่พบมาก เกิดได้จากการดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ การรับสารพิษสารเคมีต่าง ๆ ภาวะขาดอาหาร หรือได้รับสารอาหารมากเกินไปจนร่างกายสะสมไว้ในรูปแบบไตรกลีเซอไรด์ในตับ ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรังนั้นกว่าร้อยละ 60 มีภาวะไขมันพอกตับ และมักมีปัจจัยต่อไปนี้ร่วมด้วย ได้แก่ อ้วนลงพุง ไขมันที่ลำตัวมากกว่าแขนขา เป็นเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ไขมันพอกตับนี้ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการออกมา กว่าจะรู้ตัวก็มักเป็นโรคตับอักเสบหรือตับแข็งไปแล้ว มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นจะแสดงอาการออกมา ซึ่งอาจมีอาการปวดแน่นชายโครงขวา อ่อนเพลียง่าย ๆ ผู้ที่มีกรรมพันธุ์ครอบครัว ญาติพี่น้องเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ยิ่งควรให้ความใส่ใจกับสุขภาพมากเป็นพิเศษ ได้แก่… – ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน ดูแลอาหารการกิน เลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยกะทิ น้ำมัน นม เนย ชีส กุ้ง ปูไข่ ไข่แดง และอื่น ๆ รวมไปถึงอาหารที่มีน้ำตาลและแป้งมากด้วย เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของไตรกลีเซอร์ไรด์ในตับได้ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย – หมั่นตรวจสุขภาพทุกปี เพื่อให้ทราบความผิดปกติของร่างกายในส่วนต่าง ๆ รวมทั้งตับด้วย และควรดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเหมาะสม –…
-
เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน
เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน มีเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ที่นับถือกัน ซึ่งมีอายุเข้าหลักเลขห้ากันหมด ก็นับว่าวัยเกือบใกล้เกษียณเต็มที่แล้ว ท่านเล่าให้ฟังถึงเพื่อน 4 คนที่มีการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน รูปร่างและสุขภาพของท่านเหล่านั้นก็แตกต่างกันไปด้วย บางคนก็อ่อนกว่าวัยมาก บางคนก็ดูแก่กว่าอายุจริงไปเลย มาลองฟังกันดูว่าพวกท่านเหล่านั้นใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้างนะคะ เพื่อนคนแรก เป็นวิศวกรมีตำแหน่งระดับ ผอ. เขาดูแลสุขภาพดีมาก ไม่แตะต้องอบายมุข ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ กินผักผลไม้ทุกวัน มีความสุข มองโลกในแง่ดี ไม่งัดข้อกับใคร และมีคติในชีวิตว่า ชีวิตคนเรานั้นมีเวลาไม่นาน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า เพื่อนต่อมา เป็นเภสัชกรและเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย มีรูปร่างกระชับคล่องแคล่ว เธอเล่าว่าแม้จะต้องนอนดึกเพราะทำงานหนัก แต่ก็หมั่นดูแลตัวเอง ออกกำลังกายด้วยการเดินหรือวิ่งสม่ำเสมอ เลี่ยงของทอดของมันของหวานหมด ไม่ดื่มกาแฟหรือชาเลย กินปลาเล็กปลาน้อย และสัตว์เล็กต่าง ๆ ไม่กินอาหารกระป๋องอาหารสำเร็จรูป กินอาหารตามธรรมชาติ เพื่อนคนนี้ดูอ่อนกว่าวัยมาก อีกอย่างก็คือเป็นคนไม่เครียด ให้ความสำคัญกับความรักความอบอุ่นในครอบครัว เพื่อนคนที่สาม ทำงานในครอบครัว ส่วนตัวเธอรับผิดชอบการเงินและบัญชี ชอบกินของทอดของมัน ขนมทุกชนิด กาแฟทั้งหวานและมัน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย นอนดึกบ่อย ๆ ผลการตรวจไขมันตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 สูงถึง 200…
-
โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป
โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ คือโรคที่รักษาหายได้ยากหรือรักษาได้ไม่หายขาด ได้แก่โรคในกลุ่ม ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด เบาหวาน และโรคมะเร็ง ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยโรคเหล่านี้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุของโรคเหล่านี้เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป ไม่ว่าจะเป็น การชอบกินอาหารรสชาติหวานจัด ไขมันสูง หรือเค็มจัด การขาดการออกกำลังกาย ชอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่ และชอบสะสมความเครียดด้วย คนที่มีน้ำหนักเกินจนอ้วนลงพุงนั้น จะมีไขมันสะสมในช่องท้องมาก โดยไขมันเหล่านี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ขัดขวางการทำงานของอินซูลินจึงเกิดผลร้ายกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เมื่อมีไขมันในหลอดเลือดก็จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมตัวลง เกิดเป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ ทำให้ไตวาย หัวใจวาย จนเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์และเสียชีวิตได้ เกณฑ์ในการเป็นโรคอ้วนลงพุงนั้น ให้วัดที่ขนาดรอบเอวโดย ผู้ชายมีเส้นรอบเอวตั้งแต่ 90 เซนติเมตรขึ้นไป และ 80 เซนติเมตรขึ้นไปในผู้หญิง รวมกับปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้ได้แก่ 1. มีความดันโลหิตตั้งแต่ 130/85 ขึ้นไป หรือทานยาควบคุมความดันโลหิตอยู่ 2. มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป 3. มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150…
-
ข้าวก็ทานน้อย ดื่มแต่น้ำแล้วทำไมยังอ้วนได้ล่ะ?
ข้าวก็ทานน้อย ดื่มแต่น้ำแล้วทำไมยังอ้วนได้ล่ะ? มีเรื่องเล่าให้คุณผู้อ่านฟังค่ะ เรื่องมีอยู่ว่ามีพนักงานสาวในโรงงานคนหนึ่ง ชื่อบังอร คุณบังอรน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม ได้ชวนเพื่อนอีกสองคนเข้าค่ายลดน้ำหนักกับโรงพยาบาล เพื่อนทั้งสองคนนี้ก็น้ำหนักสูสีกับบังอรนะคะ คือราว 70 กิโลกรัม เมื่อถึงเวลาเข้าค่ายจริง บังอรเองกลับไม่ได้มาเข้าเพราะติดธุระพอดี เพื่อนสองคนจึงเข้าอบรมในเรื่องของการลดน้ำหนักเอง เมื่อทั้งสองเข้ามาเรียนรู้ในค่าย จึงได้ทราบสาเหตุที่ตนเองอ้วนนั้นเป็นเพราะว่า ชอบกินจุบจิบและดื่มชาเย็น วันละสองถุงทุกวัน แล้วยังทานอาหารจานด่วนพวกที่ทอดน้ำมันลึกทั้งหลาย ไม่ค่อยกินผักและกินมื้อดึกประจำ กับทั้งไม่ออกกำลังกายเลยด้วย วิทยากรจึงได้แนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกับการปรับพฤติกรรมการกินของตน ด้วยการลดการดื่มชาเย็น ทานอาหารที่มีน้ำมัน้อย ทานพวกแกงจืดแทน แล้วให้ทานอาหารเย็นก่อนหกโมงเย็น ออกกำลังกายทุกวันด้วยการเดินเร็ววันละครึ่งชั่วโมง ซึ่งพอสองคนนี้ทำตามก็สามารถลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัมในสัปดาห์แรก จนสุดท้ายในหนึ่งเดือนนั้น เพื่อนของคุณบังอรก็สามารถลดน้ำหนักเกือบ 3 กิโลกรัมในหนึ่งเดือนเลยทีเดียว รวมไปถึงเมื่อครบระยะสามเดือน เพื่อนทั้งสองของบังอรสามารถลดน้ำหนักได้ 5.2 กิโลกรัมและ 7 กิโลกรัมตามลำดับ แต่ตัวบังอรที่ไม่เข้าค่าย ก็รีบเร่งลดน้ำหนักตามเพื่อน และด้วยความเชื่อว่าการทานข้าวแล้วจะทำให้อ้วน เธอจึงไม่ยอมกินข้าวเช้าเพื่อจะได้ลดน้ำหนักได้เร็ว ซึ่งแรก ๆ ก็ดูเหมือนจะลดได้ แต่บางวันมีทานกาแฟ ขนมบ้างนิดหน่อย เมื่อทำหลายวันร่างกายก็อ่อนเพลีย เมื่อหิวจนทนไม่ได้ก็ไปหาชาเย็น กาแฟเย็นกินตอนสาย รวมไปถึงขนมต่าง…
-
เลี้ยงเด็กอย่างไร ไม่อ้วนตั้งแต่เล็ก
เลี้ยงเด็กอย่างไร ไม่อ้วนตั้งแต่เล็ก เด็กไทยในปัจจุบันนี้มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์อ้วนลงพุงกันมากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะเด็กชายจะอ้วนมากกว่าเด็กหญิงถึงสองเท่า เด็กในเมืองใหญ่ที่มักทานอาหารที่มีไขมันสูงก็มักจะอ้วนกว่าเด็กที่อยู่ตามชนบทด้วย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นี่เอง อีกทั้งเมื่อเด็กอ้วนมากแล้วโตมาก็ยังคงเป็นผู้ใหญ่อ้วนอยู่ดี และเด็กทีมักมีกิจกรรมชอบนั่งเฉย ๆ เช่น เล่มเกมส์คอมพิวเตอร์หรือดูทีวีทั้งวันจะกินขนม ของกินเล่นต่าง ๆ มากกว่าเด็กที่ได้มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ที่กินน้อยกว่า การเคี่ยวเข็ญให้ลูกลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องที่ยากแน่นอน ดังนั้นผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายคนมีเทคนิคล่อหลอก เพื่อเปลี่ยนนิสัยการกิน และพากันออกกำลังกายให้มากขึ้นตั้งแต่วัยเด็กเพื่อป้องกันเด็กอ้วนและโตมาเป็นผู้ใหญ่อ้วน ที่จะมีปัญหาสุขภาพตามมาอีกมากมาย ด้วยการดูแลเด็กดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ให้เด็กทานอาหารเป็นมื้อ แบ่ง 3 มื้อให้ชัดเจน โดยให้มีสารอาหารที่ครบถ้วนทั้งห้าหมู่ มีผักมีผลไม้ด้วย และช่วยให้ไม่กินขนมจุบจิบหรือกินไม่เป็นเวล่ำเวลา 2. ปรับเปลี่ยนเมนูให้หลากหลาย และน่ากิน แต่ยังคงสัดส่วนอาหารที่พอดีกับร่างกายของเด็ก หมุนเวียนเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ จะได้ไม่เบื่อง่าย ไม่ว่าจะเป็น ไข่ เลือด ตับ เต้าหู้ เนื้อปลา อาหารทะเล โดยให้เด็กกินผักและผลไม้ทุกมื้ออาหารด้วยค่ะ 3. อาหารว่างหรือขนมไม่ควรมีแป้ง น้ำตาล หรือไขมันสูง เช่น มันฝรั่งทอด โดนัท เบเกอรี่ กล้วยบวชชี…
-
ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ
ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ ในประชากรวัยผู้ใหญ่กว่าร้อยหละแปดสิบ หรือแปดในสิบคนนั้น มักจะมีอาการ ปวดหลัง ซึ่งนับเป็นการเสื่อมถอยของร่างกายประเภทหนึ่ง โดยอาการปวดจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการดูแลตัวเองด้วย ผู้ที่มีอาการปวดหลังนี้ กว่าครึ่งจะหายได้เองในสองสัปดาห์ ร้อยละ 90 จะหายได้ในสามเดือน แต่ยังมีอยู่บ้างเหมือนกันราวร้อยละ 5 ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังและอาการลุกลามมากขึ้น เนื่องจากการอักเสบนั้นก้าวข้ามไปถึงขั้นเส้นประสาทถูกทำลาย ซึ่งจะแสดงอาการออกมาเป็นการกลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่อยู่และแขนขาอ่อนแรง ในกรณีนี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ ซึ่งวิธีการป้องกันโรคปวดหลังได้ดีที่สุดก็คือการออกกำลังกาย และป้องกันตนเองมิให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งการบริหารกล้ามเนื้อหลังจะต้องค่อย ๆ สร้างความแข็งแรงทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังไปด้วยกัน และต้องบริหารข้อต่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวกด้วย ซึ่งอาจทำได้ด้วยการเดิน การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ ล้วนทำให้หลังแข็งแรงขึ้นได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่จะไม่ทำให้ปวดหลังก็คืออย่าปล่อยตัวให้อ้วนลงพุง ทานอาหารที่มีคุณค่า รวมไปถึงออกกำลังกายให้มีความสม่ำเสมอด้วย นอกจากนี้การปรับอิริยาบถให้ถูกต้องก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย.. การยืนนั้นต้องหลังตรง แขม่วท้องไว้นิด ๆ ยืนให้ตัวตรงไม่โก่งหรือคด ให้แนวติ่งหูหรือข้อสะโพกเป็นแนวเดียวกัน ไม่ควรยืนนานเกินไป ไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูงมาเกินไป ภายในรองเท้าควรหาแผ่นรองเท้าอุ้งเท้าไว้เพื่อซับน้ำหนัก และหากจำเป็นต้องยืนนาน ๆ ควรหาที่พักเพื่อพักเท้า หรือมีเก้าอี้หรือโต๊ะตัวเล็กไว้ช่วยวางเท้าข้างหนึ่งด้วย ทำให้เป็นนิสัยไว้ตลอดไปจะป้องกันอาการปวดหลังพร้อมทั้งอาการข้อเสื่อมต่าง ๆ ได้ การนั่ง ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงบริเวณเอว เลือกใช้ที่นั่งที่สบายและหมุนได้ ป้องกันการบิดของเอวและที่พักแขน ขณะที่นั่งพักหัวเข่าควรอยู่สูงกว่าระดับข้อสะโพกเล็กน้อย และควรมีเบาะรองเท้าหรือหมอนเล็ก ๆ…
-
อ้วนตั้งแต่เด็ก….เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูง
อ้วนตั้งแต่เด็ก….เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูง เพราะการกินอยู่เดี๋ยวนี้สะดวกขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ขายตามหน้าโรงเรียน ตามทางเท้า ตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างซุปเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ที่เปิดอยู่แทบทุกหัวถนน อีกทั้งพ่อแม่ยังเก็บอาหาร ขนมต่าง ๆ เอาไว้ให้ลูกเพราะกลัวตัวเองจะมีเวลาว่างไม่มากพอสำหรับการดูแลอาหาร เด็ก ๆ จึงไม่ค่อยได้ทานอาหารที่มีประโยชน์มากนัก กลับถึงบ้านก็กินขนมดูทีวี ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายวิ่งเล่นมากเท่าที่ควร เด็กสมัยนี้จึงอ้วนลงพุงแต่เล็กกันเยอะมาก ปัจจุบันนี้มีผลสำรวจพบว่าเด็กหรือเด็กวัยรุ่นที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ระดับช่วงต้นของชีวิตนั้นจะทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสการเป็นมะเร็งสูงกว่าเด็กวัยเดียวกันที่มีน้ำหนักในเกณฑ์มาตรฐานถึงร้อยละ 35 และเมื่อโตขึ้นแล้วเริ่มออกกำลังกายหรือลดน้ำหนัก และปรับการกินอาหารแล้วความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งก็มิได้ลดลงไปอยู่ดี นอกจากนี้แล้วค่าดัชนีมวลกายที่สูงตั้งแต่อายุ 18 ปี จะนำไปสู่การเป็นมะเร็งในเวลาต่อมาสูงยิ่งกว่าคนที่มีค่าดัชนีมวลกายสูงในช่วงวัยกลางคนเสียอีก ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การรักษาสุขภาพที่ดีไว้ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการมาดูแลสุขภาพในช่วงวัยโตหรือวัยกลางคนแล้ว ดังนั้นเด็กและวัยรุ่นจึงไม่ควรปล่อยตัวให้อ้วนน้ำหนักเกิน เพื่อลดโอกาสการเป็นมะเร็งนั้นเอง ความรับผิดชอบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของเด็กเท่านั้น แต่ผู้ปกครองที่ดูแลเด็กควรมีส่วนร่วมและเป็นผู้นำในการจัดการปรับวิถีการกินและการใช้ชีวิตของเด็ก ให้มีสุขภาวะที่ดี ปรับตารางการเรียน การเล่น ให้เด็กได้มีโอกาสออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ได้ทานอาหารที่สะอาดปลอดภัย และมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ลดละการให้เด็กทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลมาก แป้งมาก โดยเฉพาะจังค์ฟู้ดทุกสัญชาตินั่นล่ะตัวดี และที่สำคัญที่สุดก็คือหากอยากให้เด็กหรือวัยรุ่นมีสุขภาพแข็งแรงแล้วล่ะก็ การมีพ่อแม่เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตัวกลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ลูก ๆ ของเรามีอายุยืนยาวและสุขภาพแข็งแรง กับมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลดลงอีกด้วยค่ะ
-
ผงชูรส.. ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน
ผงชูรส.. ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน สำหรับคนไทยแล้วการเติมผงชูรสลงไปในอาหารนั้น สุดแสนจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่าผงชูรสนั้นทำให้คุณอ้วนขึ้นได้อีกด้วย! โดยผลการวิจัยนี้มาจากการค้นคว่าของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลน่ากับนักวิทยาศาสตร์จีน โดยได้ทำการทดสอบกับชาวจีนทั้งหมด 750 คน ที่ทำกับข้าวกันเองและไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ประมาณ 82% ใช้ผงชูรส ยิ่งครอบครัวใดใช้ผงชูรสมากก็ยิ่งมีคนอ้วนมาเป็นสามเท่าของผู้ที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งการทดสอบนี้ได้คำนวณในด้านปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย และแคลอรี่ที่กินเข้าไป และอื่น ๆ มาพิจารณาร่วมด้วย แต่ก็ยังสรุปได้ว่ายิ่งกินผงชูรสมาก ก็ยิ่งอ้วนขึ้นอยู่ดี ผงชูรส หรือ monosodium glutamate เป็นสารที่ทำให้มีรสชาติเพิ่มมากขึ้น คือนอกเหนือจากรสชาติประจำอาหารทั้งสี่คือ เปรี้ยว หวาน เค็ม และขม และออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ในสมองด้านการรับรู้รสชาติ โดยประมาณกันว่าในสหรัฐอเมริกานั้น 50 ปีที่แล้วนั้น ใช้ผงชูรสในการประกอบอาหารถึงกว่าห้าร้อยตันต่อปี แต่ทุกวันนี้ปริมาณที่ใช้กลับทวีจำนวนขึ้นอีกกว่า 300 เท่า ดังนั้นจำนวนของคนที่น้ำหนักเกินจึงมากขึ้นหลายเท่าตัว นอกจากทำให้อ้วนลงพุง มีปัญหาน้ำหนักตัวแล้ว ในบางคนที่แพ้ผงชูรส ยังมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ คือ ปวดหัวอย่างหนัก และหัวใจเต้นเร็วได้อีกด้วยค่ะ นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังก่อโทษกับร่างกายอีกต่างหาก เรามาลด ละ เลิก ผงชูรสกันเถอะนะคะ
-
ลดความอ้วน ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้ยาอีกต่อไป
ลดความอ้วน ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้ยาอีกต่อไป จากกระแสการแพ้ยาลดความอ้วนอย่างรุนแรงนั้น ประเด็นนี้สามารถสะท้อนทัศนคติคนไทยได้เป็นข้อ ๆ ก็คือ คนไทยส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจกับรูปร่าง ขาดความรู้ด้านโภชนาการ ฝันอยากออกกำลังกายแต่ไร้เวลา ส่งผลให้ต้องเผชิญกับ “ภาวะอ้วนลงพุง” สัญญาณอันตรายของความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ดังนั้นวันนี้จะขอนำเอาคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์การกีฬาหรือ อาจารย์สาธิก ธนะทักษ์ โค้ชเป้ง มาให้คำแนะนำในการลดความอ้วนกันนะคะ หลักของการลดความอ้วนก็คือ 1. ไม่กินหวาน เพราะน้ำหวานทั้งหลายทุกประเภทให้แคลอรี่เท่ากับข้าวถึง 2 มื้อ หากต้องการลดความอ้วนก็ก็ต้องงดน้ำหวานต่าง ๆ 2. ทานครบมื้อและครบหมู่ เพื่อให้ได้สัดส่วนของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตอย่างถูกสัดส่วน และควรจำกัดปริมาณของข้าวด้วย 3. ลดกินเค็ม เพราะความเค็มทำให้เสียสุขภาพและทำให้เป็นโรคอ้วนทางอ้อมได้ อีกทั้งเกลือยังเป็นสาเหตุให้ร่างกายบวมน้ำ และทำให้เกิดเซลลูไล้ท์ได้ สำหรับการออกกำลังกายนั้น โค้ชเป้งได้ให้เคล็ดลับไว้ว่า เราควรออกกำลังกายระดับปานกลางประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายชนิดแอโรบิกต่าง ๆ ทั้งการวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ ในระดับที่ร้องเพลงไม่ไหว หายใจแรง แต่ยังพอพูดได้ แต่สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 300 นาทีหรือวันละ…