Tag: ออกกำลังกาย

  • ออกกำลังกายพัฒนาสุขภาพ บรรเทาโรคต่าง ๆ ได้

    ออกกำลังกายพัฒนาสุขภาพ บรรเทาโรคต่าง ๆ ได้

    ออกกำลังกายพัฒนาสุขภาพ บรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ การหาเวลาการออกกำลังกายวันละ 30 นาที เพียงแต่สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ยังผลให้สุขภาพกายเราดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยต่อต้านโรคภัยได้หลากหลาย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณดังต่อไปนี้ 1. ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกายออกทางรูขุมขนซึ่งก็คือเหงื่อนั่นเอง ช่วยลดสารพิษตกค้างในร่างกายด้วย 2. ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น กว่าร้อยละ 70 ของคนที่ออกกำลังกายจะนอนหลับได้สนิทกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย ทั้งนี้ควรออกกำลังกายก่อนเวลา 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยค่ะ 3. ช่วยเสริมสร้างความจำ ทำให้ความจำดีขึ้น กระตุ้นความคิดและทำให้สุขภาพจิตดี ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์และโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ได้ 4. ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดเวลาการย่อยลง ลดความเจ็บปวดจากโรคริดสีดวงทวารและลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ดี ส่งเสริมให้หลอดเลือดและหัวใจทำงานได้มากขึ้น เพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารด้วย 5. ทำให้มีสุขภาพจิตทีดี ลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลต่าง ๆ ลดความคิดในการฆ่าตัวตายได้ 6. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง มวลกระดูกเพิ่มขึ้นและหนาแน่นขึ้น ลดความเจ็บปวดจากหลังได้ร้อยละ 80 กระตุ้นการทำงานของกระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกรานและกล้ามเนื้อโดยรอบ ช่วยขับของเสียออกจากล้ามเนื้อและกระดูกให้มีความแข็งแรงมากขึ้นได้ 7. ป้องกันโรคหวัด ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานต่อสู้กับเชื้อโรคได้รวดเร็วและตอบสนองได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงติดโรคเรื้อรังได้…

  • เคล็ดลับการวิ่งเพื่อลดความอ้วน

    เคล็ดลับการวิ่งเพื่อลดความอ้วน

    เคล็ดลับการวิ่งเพื่อลดความอ้วน การออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้น เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอ้วนได้อย่างรวดเร็ว ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากก็สามารถทำได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันโรคหัวใจ เพิ่มสมรรถภาพให้กับร่างกาย ฯลฯ แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งใหม่ ๆ ควรรู้จักวิธีการวิ่งเสียก่อน มิเช่นนั้นอาจเหนื่อยหอบจนล้าหรือบาดเจ็บได้ค่ะ ท่าวิ่งและการลงน้ำหนักที่ถูกต้อง ควรวิ่งด้วยแรงจากกล้ามเนื้อโคนขา ไม่ควรลงน้ำหนักที่ปลายเท้า ควรวิ่งก้าวยาว ๆ จนกว่าจะเมื่อย เพราะกล้ามเนื้อนั้นจะใช้พลังงานจากไกลโคเจน เมื่อใช้ไกลโครเจนหมดแล้วร่างกายจะเริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะทำให้สะสมได้มากกว่าเดิม ช่วยให้เราออกกำลังด้วยการวิ่งได้ไกลและนานมากขึ้น ควรวิ่งให้เร็ว ๆ บ้าง เพราะการวิ่งเร็วจะทำให้หัวใจต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อลำเลียงออกซิเจนและพลังงาน เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจจึงขยายตัว เป็นการป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้ไปในตัว อีกทั้งในขณะที่วิ่งควรจะใช้กระบังลมในการหายใจ จะสามารถหายใจได้ลึกและยาวขึ้นกว่าปกติ ซึ่งการหายใจด้วยกระบังลมสามารถฝึกได้โดยการนอนหงายแล้วใช้หนังสือวางบริเวณท้อง หายใจให้หนังสือขยับขึ้นลงในขณะที่สูดลมหายใจ การหายใจแบบนี้จะทำให้ปอดขยายตัว ทำงานได้เต็มที่ ทำให้ไม่เหนื่อยง่าย วิ่งได้ระยะทางที่มากกว่าเดิม การวิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นนั้น มีคำแนะนำว่า ควรเลือกรองเท้าสำหรับวิ่งที่สวมสบาย สวมถุงเท้า ดื่มน้ำให้พอเพียงก่อนวิ่ง จิบบ่อย ๆ ระหว่างวิ่ง และดื่มทดแทนหลังจากวิ่ง ควรวอร์มร่างกายก่อนและหลังการออกกำลังกาย เลือกสนามวิ่งที่มีความปลอดภัย เช่น ตามสนามกีฬา ในฟิตเนสหรือตามสวนสาธารณะ ฯลฯ หากเป็นระยะแรกที่เพิ่งออกกำลังกาย…

  • อย่างไรวัยเกษียณ ก็ยังต้องออกกำลังกายอยู่ดี

    อย่างไรวัยเกษียณ ก็ยังต้องออกกำลังกายอยู่ดี

    อย่างไรวัยเกษียณ ก็ยังต้องออกกำลังกายอยู่ดี แม้อายุจะล่วงเข้าสู่วัยเกษียณแล้วแต่การออกกำลังกายก็ยังจำเป็นอยู่ดี เพียงแต่ต้องเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ออกแรงมากนัก หรือเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับช่วงวัยนี้ควรออกกำลังกายเป็นส่วน ๆ ไป โดยให้ทำช้า ๆ ให้มีแรงต้านหรือแรงกระแทกน้อยๆ เพื่อเสริมสร้างการทำงานของร่างกายค่ะ โดยคุณสามารถออกกำลังกายตามแผนต่อไปนี้ได้เลย – เคลื่อนไหวข้อต่อชุดต่าง ๆ ให้สุดพิสัยของการเคลื่อนไหว เช่น บริหารข้อไหล่ โดยการยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ แล้วปล่อยลงทำแบบนี้ 5-10 ครั้ง รวมไปถึงข้อต่ออื่น ๆ ด้วย – เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อหลัง สะโพก เช่น ยกน้ำหนักเบา ๆ ที่ไม่หนักมากนัก ดันกำแพง หรือแม้แต่การยกขายกแขนตัวเอง ก็ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อได้แล้ว – ออกกำลังกายเพิ่มการทรงตัวและความยืดหยุ่น เพื่อการเป็นการยืดกล้ามเนื้อสลับกับการถ่ายเทน้ำหนักไปมาเพื่อการทรงตัว จะได้ไม่หกล้มหรือปวดกล้ามเนื้อง่าย ๆ ได้แก่ การรำมวยจีน โยคะ โดยเล่นในท่าที่ง่าย ๆ – เพิ่มการทำงานของปอดและหัวใจด้วยการเต้นแอโรบิคเบา ๆ เดินเร็วบ้าง โดยใช้เวลาวันละ 15…

  • อยากสุขภาพดี.. ต้องทำเอาเองตั้งแต่วันนี้

    อยากสุขภาพดี.. ต้องทำเอาเองตั้งแต่วันนี้

    อยากสุขภาพดี.. ต้องทำเอาเองตั้งแต่วันนี้ การมีสุขภาพที่ดีนั้นความจริงเป็นเรื่องที่ไม่ต้องพึ่งพาเงินทองเลยนะคะ เป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรเสียด้วยซ้ำไป ซึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพให้ดีได้ก็คือ “การออกกำลังกาย” นั่นเองค่ะ การออกกำลังกายนี้ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เหนื่อยอ่อนง่าย ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม ทำให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ดี ช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย ทำให้การไหลเวียนของเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดี ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ ลดความเครียดทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น บรรเทาอาการซึมเศร้าได้ เยือกเย็นมั่นคงมากขึ้น มีความเชื่อมั่นใจตนเอง และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งการออกกำลังกายที่ประหยัดที่สุดก็คือการวิ่ง (หรือการเดิน) เพราะทำให้ร่างกายได้แข็งแรงแทบทุกส่วน สิ้นเปลืองเงินทองน้อยที่สุด แล้วยังทำให้ปอดได้รับอากาศบริสุทธิด้วย สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนดังต่อไปนี้ – วางแผนการวิ่งหรือการเดินก่อน ว่าวันนี้จะวิ่งกี่นาที ระยะทางกี่กิโลเมตร – เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ระบายเหงื่อและความร้อนได้ดี และรองเท้าที่สามารถรับแรงกระแทกได้ – ก่อนการลงสนามควรวอร์มอัพก่อนสักห้านาที เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อต่าง ๆ ให้พร้อมกับการเคลื่อนไหว – ท่าวิ่งที่ถูกต้องคือต้องตั้งลำตัวให้ตรง หลังไม่งอ ไม่เกร็ง เป็นธรรมชาติ วิ่งน้ำหนักลงที่ส้นเท้าก่อนแล้วถ่ายไปที่ ปลายเท้าอย่างนุ่มนวล ถ้าวิ่งจิกปลายเท้าจะเจ็บหน้าแข้งและหัวเข่า กำมือไว้หลวม ๆ แกว่งแขนช้าเร็วให้สมดุลกับจังหวะเท้า…

  • มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ

    มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ

    มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ การเดินนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสามระยะด้วยกันก็คือ… – เดินช้า ๆ ก็คือการเดินแบบสบาย ๆ เดินช้อปปิ้ง เดินชมนกชมไม้ เดินเล่นในสวนสาธารณะ ยังสามารถพูดคุยได้ตามปกติ หรือเดินร้องเพลงได้ – เดินเร็ว จะมีอัตราการเดินของคนปกติอยู่ที่ปราว 400-700 เมตรในเวลา 6 นาที เดินเร็วจะร้องเพลงหรือผิวปาก ฮัมเพลงไม่ได้แล้ว หากยังทำได้แสดงว่าเดินช้าไป แต่ถ้าเดินเร็วมากจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วนั่นคือเร็วเกิน – เดินแข่ง เป็นการเดินเพื่อการแข่งขัน จะเดินจนพูดไม่เป็นคำ พูดไม่รู้เรื่อง หอบเหนื่อย หายใจไม่ทัน เป็นกิจกรรมสำหรับสร้างความแข็งแรง ยืดหยุ่น ทนทานให้ร่างกาย เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคด้วย ซึ่งการเดินที่จะแนะนำในวันนี้ก็คือแบบที่สองนั่นเองค่ะ ควรเดินให้ได้ครั้งละ 10 นาที ในหนึ่งวันรวมให้ได้ 30 นาที และสัปดาห์ละ 5 วันขึ้นไปจึงจะเห็นผล มีประโยชน์มากต่อร่างกายเพราะช่วยควบคุมน้ำหนัก ควบคุมไขมัน คอเลสเตอรอล ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันกระดูกพรุนกระดูกบาง เพื่อความแข็งแกร่งทนทานของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังลดการเกิดโรคเบาหวานและอัตราการเป็นมะเร็งได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม…

  • ใครจะรู้ว่าการวิ่งช่วยให้อายุยืนยาวด้วยนะ

    ใครจะรู้ว่าการวิ่งช่วยให้อายุยืนยาวด้วยนะ

    ใครจะรู้ว่าการวิ่งช่วยให้อายุยืนยาวด้วยนะ การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ให้ผลดีกว่าการออกกำลังกายแบบมีแรงต้านชนิดอื่น ๆ โดยมีผลวิจัยว่าผู้ที่วิ่งออกกำลังกาย วิ่งจ๊อกกิ้งเป็นประจำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งนั้นจะทำให้มีอายุยืนขึ้นอีกหลายปีเลยทีเดียว ผลการวิจัยนี้ถูกเปิดเผยขึ้นในการงานสัมมนาสุขภาพหัวใจ ซึ่งเป็นผลงานจาก Copenhagen City Heart ที่ทำการศึกษาสุขภาพของชายและหญิงมาตั้งแต่ปี 2519 เกือบสองหมื่นคน การวิจัยครั้งนี้พบว่าหากได้วิ่งจ็อกกิ้งเป็นประจำแล้ว จะช่วยให้ผู้ชายอายุยืนขึ้น 6.2 ปี ในขณะที่ผู้หญิงจะอายุยืนขึ้น 5.6 ปี โดยใช้เวลาวิ่งเฉลี่ยต่อสัปดาห์อยู่ที่ 1-2 ชั่วโมง โดยอาจแบ่งเป็นวิ่ง 2-3 ครั้งในแต่ละสัปดาห์ ในส่วนผู้ที่กำลังลดน้ำหนักนั้นการวิ่งจ๊อกกิ้งเบา ๆ ยังให้ผลดีกว่าการออกกำลังกายด้วยแรงต้านแบบอื่น ๆ ที่อาจทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ง่ายและร้ายแรงกว่า นอกจากนี้ผลการวิจัยยังบอกอีกดว่าการออกกำลังกายประเภทแอโรบิกเป็นประจำถึงช่วงวัยกลางคนจะช่วยชะลอความชราลงได้สูงถึง 12 ปี ทำให้ร่างกายดูอ่อนกว่าวัย และกระฉับกระเฉงมากขึ้นในช่วงวัยชรา มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำอีกด้วย  

  • 8 วิธีดูแลสมอง สร้างความสุขให้กับจิตใจ

    8 วิธีดูแลสมอง สร้างความสุขให้กับจิตใจ

    8 วิธีดูแลสมอง สร้างความสุขให้กับจิตใจ เพราะจิตใจที่ดีเกิดจากสมองที่มีสุขภาพดีด้วย ดังนั้นเราจึงควรดูแลการงอกใหม่และการปรับเปลี่ยนวงจรใหม่ของเซลล์สมอง เพื่อให้มีสุขภาพจิตที่แข็งแรง ร่าเริง แจ่มใส กระฉับกระเฉง ไม่ขี้หลงขี้ลืม และมีความสุขด้วยค่ะ โดยวิธีการดูแลสมองนั้นมีแปดวิธีง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 5 วัน ร่างกายจะหลั่งสารโปรตีนที่ช่วยส่งเสริมกระบวนการงอกใหม่และปรับเปลี่ยนวงจรใหม่ของเซลล์สมองและไม่เป็นอัลไซเมอร์อีกด้วย 2. บริหารจิตใจ ด้วยการทำสมาธิ หรือเล่นโยคะ ฝึกชี่กง ฯลฯ 3. ทานผักผลไม้ให้มาก ทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้าสาม ได้แก่ปลาทะเล และปลาน้ำจืดทั้งหลาย น้ำมันมะกอก ฯลฯ 4. พักผ่อน และนอนหลับให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง หรือมากพอที่จะทำให้สมองสดชื่นแจ่มใส การนอนหลับทำให้สมองผ่อนคลาย จัดระเบียบตัวและและเสริมสร้างความจำในระยะยาวได้ 5. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อ่านหนังสือค้นคว้า หรือฟังบรรยายต่าง ๆ แล้วบันทึกสิ่งที่เรียนรู้มาให้เป็นนิสัย 6. ฝึกใช้สมอง เช่น เล่มเกมส์ ครอสเวิร์ด ซูโดกุ หมากรุก หมากฮอส ต่อจิกซอว์…

  • แค่แกว่งแขนก็ลดโรคและลดพุงยื่นได้อีกด้วยนะ

    แค่แกว่งแขนก็ลดโรคและลดพุงยื่นได้อีกด้วยนะ

    แค่แกว่งแขนก็ลดโรคและลดพุงยื่นได้อีกด้วยนะ การแกว่งแขนลดพุงที่ทาง สสส. ออกมารณรงค์กันอยู่พักใหญ่นั้น ให้ผลดีต่อสุขภาพจริง ๆ นะคะ ซึ่งศาสตร์นี้เป็นของแพทย์แผนจีนที่มีมาช้านานแล้ว เป็นการออกกำลังกายที่ง่ายทำได้บ่อย ไม่ต้องมีอุปกรณ์ใด ๆ ด้วย สาเหตุที่การแกว่งแขนรักษาโรคได้ก็เป็นเพราะว่าบริเวณใต้หัวไหล่ที่เรียกว่ารักแร้นั้น คือชุมทางของต่อมน้ำเหลือง หากเราขยับบริเวณนี้ต่อมน้ำเหลืองก็จะขยับไปด้วย ช่วยให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายสะอาดมากขึ้น ขจัดสารพิษ สารเม็ดเลือดขาว สร้างภูมิคุ้มกัน กรองเชื้อโรคได้สารพัดชนิด ซึ่งการทำให้ต่อมน้ำเหลืองทำงานได้อย่างดีไม่มีสะดุดนั้นต้องอาศัยการขยับร่างกายเข้าช่วย หากต่อมน้ำเหลืองติดขัดก็จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นตามจุดต่าง ๆ และเกิดอาการบวมตามจุดที่น้ำเหลืองไหลเวียน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำเอาขยับแขนมาช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองนั่นเอง การแกว่งแขนมีประโยชน์มาก เพียงแค่ทำวันละ 10 นาทีก็ได้ผลเป็นการออกกำลังกาย ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น สุขภาพแข็งแรงขึ้น อารมณ์ดี แจ่มใส เบิกบาน ยิ่งทำทุกวันก็ยิ่งดี ช่วยลดการสะสมของไขมัน หากเราควบคุมอาหารไปด้วยก็จะช่วยลดพุงได้ ลดความดันโลหิต ช่วยให้ผ่อนคลาย กระปรี้กระเปร่าเพราะได้ยืดเส้นยืดสาย ลดอาการปวดบ่า คอ ไหล่ อาการออฟฟิศซินโดรมทั้งหลายได้ด้วย รวมไปถึงลดน้ำตาลในเลือด ลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยชะลอการเสื่อมของเข่า เพราะการแกว่งแขนนั้นไม่มีน้ำหนักกระแทกส่วนเข่าหรือข้อเท้าเหมือนการออกกำลังกายแบบอื่น ขั้นตอนการแกว่งแขนอย่างถูกวิธี ให้ปฏิบัติดังนี้นะคะ เพื่อผลลัพท์ที่เห็นได้ชัดเจนและถูกต้อง 1. ยืนยืดตัวตรง…

  • แดนซ์กังนัมสไตล์ บริหารร่างกายได้ยอดเยี่ยม

    แดนซ์กังนัมสไตล์ บริหารร่างกายได้ยอดเยี่ยม

    แดนซ์กังนัมสไตล์ บริหารร่างกายได้ยอดเยี่ยม การออกกำลังกายสำหรับบางคนก็เป็นเรื่องที่ไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ตรงกันข้ามสำหรับบางคนการออกกำลังกายเป็นสิ่งเสพติดที่ถ้าไม่ได้ทำวันไหนแล้วรู้สึกขาดอะไร ๆ ไป การออกกำลังกายเป็นการสร้างเสริมสุขภาวะวิธีหนึ่ง ยิ่งทำก็ยิ่งแข็งแรงและห่างไกลโรค โดยรูปแบบการออกกำลังนั้น ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับร่างกายของตนเอง มีความสุขและทำได้ง่ายไม่ลำบาก ซึ่งตอนนี้การออกกำลังกายด้วยการเต้นกังนัมสไตล์ก็เป็นอีกรูปแบบที่น่าสนใจเช่นกัน ทำไมการเต้นจึงมีประโยชน์? มีผลการศึกษาการเต้นโดยวิทยาลัยการแพทย์ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ สหรัฐอเมริกา ศึกษาเกี่ยวกับการเต้นที่ไม่เป็นเพียงแค่การออกกำลังกาย แต่ยังช่วยบำบัดสมองส่วนการรับรู้ การตัดสินใจ ช่วยบำบัดรักษาผู้ป่วยซึมเศร้า และผู้ป่วยความจำเสื่อมได้ อีกทั้งการได้ลองทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย อย่างการเต้นรำเป็นหมู่คณะยังช่วยให้จิตใจมีความสดใส มีชีวิตชีวามากขึ้น ช่วยให้ประสาทตื่นตัว พัฒนาทักษะการเข้าสังคม กระตุ้นสมองส่วนควบคุมการตัดสินใจ กระตุ้นการคิดวิเคราะห์และความฉลาดให้มากขึ้นได้ด้วย อีกทั้งเมื่อออกกำลังกายจนชีพจรเต้นเร็วถึง 120 ครั้งต่อนาที โกรธฮอร์โมนจะหลั่งและเหงื่อออกจะเกิดการเผาผลาญพลังงาน สุขภาพแข็งแรง ขับของเสียต่าง ๆ ออกมาจากร่างากย ล่าสุดนี้การเต้นกังนัมสไตล์กำลังโด่งดังไปทั่วโลก เพราะท่วงท่าต่าง ๆ นั้นเหมาะสำหรับการเต้นประกอบเพลงเพื่อออกกำลังกาย ช่วยอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายหนัก เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ใช้เต้นเพื่อลดน้ำหนักได้ สนุกและได้พละกำลังเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งท่าที่โด่งดังจากเพลงนี้มากก็ได้แก่ท่าขี่ม้าและท่าโยนห่วงคล้องม้า ช่วยกระชับต้นขา ยกสะโพก ลดหน้าท้อง ลดไขมันตามส่วนต่าง ๆ ได้ ว่าแล้วเย็นนี้ชวนเพื่อร่วมงาน ชวนพี่น้องลูกหลานมาเปิดเพลงนี้แล้วเต้นออกกำลังกายกันดีกว่า ถ้าเต้นไม่เป็นก็ให้เด็ก…

  • เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน

    เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน

    เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน มีเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ที่นับถือกัน ซึ่งมีอายุเข้าหลักเลขห้ากันหมด ก็นับว่าวัยเกือบใกล้เกษียณเต็มที่แล้ว ท่านเล่าให้ฟังถึงเพื่อน 4 คนที่มีการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน รูปร่างและสุขภาพของท่านเหล่านั้นก็แตกต่างกันไปด้วย บางคนก็อ่อนกว่าวัยมาก บางคนก็ดูแก่กว่าอายุจริงไปเลย มาลองฟังกันดูว่าพวกท่านเหล่านั้นใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้างนะคะ เพื่อนคนแรก เป็นวิศวกรมีตำแหน่งระดับ ผอ. เขาดูแลสุขภาพดีมาก ไม่แตะต้องอบายมุข ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ กินผักผลไม้ทุกวัน มีความสุข มองโลกในแง่ดี ไม่งัดข้อกับใคร และมีคติในชีวิตว่า ชีวิตคนเรานั้นมีเวลาไม่นาน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า เพื่อนต่อมา เป็นเภสัชกรและเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย มีรูปร่างกระชับคล่องแคล่ว เธอเล่าว่าแม้จะต้องนอนดึกเพราะทำงานหนัก แต่ก็หมั่นดูแลตัวเอง ออกกำลังกายด้วยการเดินหรือวิ่งสม่ำเสมอ เลี่ยงของทอดของมันของหวานหมด ไม่ดื่มกาแฟหรือชาเลย กินปลาเล็กปลาน้อย และสัตว์เล็กต่าง ๆ ไม่กินอาหารกระป๋องอาหารสำเร็จรูป กินอาหารตามธรรมชาติ เพื่อนคนนี้ดูอ่อนกว่าวัยมาก อีกอย่างก็คือเป็นคนไม่เครียด ให้ความสำคัญกับความรักความอบอุ่นในครอบครัว เพื่อนคนที่สาม ทำงานในครอบครัว ส่วนตัวเธอรับผิดชอบการเงินและบัญชี ชอบกินของทอดของมัน ขนมทุกชนิด กาแฟทั้งหวานและมัน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย นอนดึกบ่อย ๆ ผลการตรวจไขมันตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 สูงถึง 200…