Tag: หวัด

  • ประโยชน์ 14 ข้อจากการออกกำลังกาย

    ประโยชน์ 14 ข้อจากการออกกำลังกาย

    ประโยชน์ 14 ข้อจากการออกกำลังกาย 1. ลดความเจ็บปวดของร่างกายลงได้หากเกิดอุบัติเหตุหรือความเจ็บป่วย เพราะข้อต่อ กล้ามเนื้อต่าง ๆ จะมีความแข็งแรง จึงทำให้ได้รับผลกระทบจากความเจ็บป่วยหรือเหตุไม่คาดฝันต่าง ๆ ได้น้อยลง 2. ภูมิใจในรูปร่างที่เซ็กซี่ของตนเอง มีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้รู้สึกดีต่อตัวเองมากขึ้น ช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศให้มากขึ้นด้วย 3. การออกกำลังกายลดการอักเสบในช่องปากได้ จึงมีปัญหาโรคปริทันต์น้อยลงด้วย 4. ช่วยปลอดปล่อยพลังงานสะสมในร่างกายออกมา ลดอาการอ่อนเพลีย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า อารมณ์ดีขึ้น 5. ลดปริมาณไขมันที่เกิดขึ้นจากความเครียด หรือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจากความวิตกกังวล 6. ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดลงได้ถึงร้อยละ 33 สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้มากขึ้น 7. บำรุงสายตาได้ด้วยนะ ลดภาวะจุดรับภาพเสื่อมที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุได้ถึงร้อยละ 70 แต่ระหว่างกายออกกำลังกายกลางแจ้งควรสวมแว่นกันรังสียูวีไว้ด้วยล่ะ 8. ช่วยให้นอนหลับได้ลึกขึ้น ยาวนานขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น สุขภาพคุณจึงดีขึ้นหลายส่วน 9. แม้แต่การเดินก็ยังช่วยให้คุณห่างไกลโรคเบาหวานได้อีกหลายก้าวแล้ว 10. การออกกำลังกายช่วยลดไขมันรอบเอว ลดแก๊สในร่างกาย กระตุ้นการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ เร่งให้กระบวนการย่อยอาหารเร็วขึ้น 11. ทำให้สมองสดใสขึ้น มีความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ลดลง ป้องกันภาวะสมองตื้นสร้างกล้ามเนื้อให้สมองของตนเองได้…

  • ผื่นลมพิษอาจกำเริบในหน้าหนาวได้

    ผื่นลมพิษอาจกำเริบในหน้าหนาวได้

    ผื่นลมพิษอาจกำเริบในหน้าหนาวได้ ผื่นลมพิษ ก็คือการคันบนผิวหนัง อาจมีลักษณะบวมเป็นผื่นปื้นแดง มีขนาดต่าง ๆ กันไป ไม่มีขึ้น เกิดขึ้นและกระจายตัวได้เร็ว มักอยู่ไม่นาน หายได้เองโดยไม่มีร่องรอยอะไร แต่ก็อาจมีผื่นใหม่เกิดขึ้นในที่อื่น ๆ ได้อีก ซึ่งมีสาเหตุที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น… – อากาศที่หนาวเย็นลง – ผื่นที่เกิดขึ้นจากความร้อน เช่น เกิดลมพิษทุกครั้งหลังเล่นกีฬาจนเหงื่อออก – ผื่นบริเวณที่ถูกเข็มขัดหรือยางยืดเสื้อผ้าที่สวมอยู่กดรัดแน่นเกินไป – แพ้อาหาร หรือสิ่งที่ผสมอยู่ในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นสารแต่งสี แต่งรส แต่งกลิ่น สารกันบูด หรือสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ – การแพ้ยา บางชนิดก็อาจเป็นยาที่นึกไม่ถึงได้ เช่น วิตามิน ยาถ่าย ยาระบาย ยาหยอดตา หยอดหู หรือยาแผนโบราณต่าง ๆ – เกิดลมพิษเพราะติดเชื้อ ที่พบได้บ่อยก็คือการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบนเช่น หวัด ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ เป็นต้น เมื่อเกิดผื่นลมพิษไม่ควรเกาผิวหนัง เพราะอาจทำให้เป็นแผลและอักเสบได้ หากคันมากให้ทาด้วยคาลามายน์โลชั่นเพื่อลดอาการคัน ในรายที่เป็นรุนแรง (ซึ่งอาจพบได้น้อยมาก)…

  • ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้

    ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้

    ผู้ป่วยหอบหืดควรหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นอาการดังนี้ 1. สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ละอองหญ้า วัชพืช ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่นตามที่นอน เฟอร์นิเจอร์ หรือของเล่นตุ๊กตาที่ทำจากนุ่นหรือมีขน เชื้อรา แมลงสาบรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงในบ้าน อาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว ไข่ กุ้ง หอย ปลา ปู งา ถั่วเหลือง สีผสมอาหาร สารกันบูด ฯลฯ 2. สารเคมีและควันระคายเคืองต่าง ๆ เช่น ควันบุหรี่ ท่อไอเสีย ควันธูป ฝุ่นละออง สเปรย์ ยาฆ่าแมลง อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน หรืออากาศเย็นๆ กลิ่นฉุนต่าง ๆ ฯลฯ 3. อย่าปล่อยให้ตัวเองป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็น หวัด ไข้หวัด ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ 4. หากต้องการออกกำลังกาย ควรสูดพ่นยาขยายหลอดลมก่อนสักครึ่งชั่วโมงป้องกันอาการกำเริบ 5. หลีกเลี่ยงความเครียดต่าง ๆ 6.…

  • สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด

    สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด

    สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเห็ด พืชที่ชอบขึ้นตามขอนไม้และที่ชื้นแฉะทั้งหลาย มีหลายสายพันธุ์ที่เป็นพิษ แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาทานได้ และสามารถเพาะพันธุ์ขายได้ด้วย มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเห็ดแต่ละชนิดที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ให้คุณค่าต่อร่างกายอย่างไรกันบ้าง – เห็ดชิตาเกะ หรือเห็ดหอม เป็นยาทางแพทย์แผนจีน รักษาโรคได้หลากหลายชนิด ป้องกันเชื้อไวรัสและการก่อกำเนิดของเซลล์มะเร็งได้ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ให้กรดอะมิโน ให้วิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินดีสูง บำรุงกระดูก มีปริมาณของโซเดียมต่ำจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาหวัดได้ – เห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็ง โดยประเทศญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคชรา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น – เห็ดหูหนู ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว เพิ่มภูมิต้านทาน รักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง บำรุงไตและปอด – เห็ดแชมปิญอง หรือเห็ดกระดุม ช่วยป้องกันและต้านทานมะเร็งเต้านมได้ ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง จึงลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง – เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม และเห็ดเป๋าฮื้อ เป็นเห็ดในตระกูลเดียวกัน เชื่อว่าป้องกันโรคไข้หวัด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และบรรเทาอาการโรคกระเพาะได้ –…

  • โรคปอดบวม ติดต่อกันได้ง่ายในฤดูหนาว โดยเฉพาะเด็กเล็ก

    โรคปอดบวม ติดต่อกันได้ง่ายในฤดูหนาว โดยเฉพาะเด็กเล็ก

    โรคปอดบวม ติดต่อกันได้ง่ายในฤดูหนาว โดยเฉพาะเด็กเล็ก ปอดบวม เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่รุนแรงและเฉียบพลัน อาจทำให้เด็กเล็กถึงกับเสียชีวิตได้หากรักษาไม่ทันการณ์ ซึ่งแต่ละปีนั้นองค์การอนามัยโลกระบุว่ามีเด็กเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมมากเป็นอันดับหนึ่ง คือโดยเฉลี่ยเด็กจะเสียชีวิตทุก ๆ 20 นาทีเลยทีเดียว เรียกว่าน่ากลัวไม่น้อยเลย สาเหตุของโรคนี้เกิดได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ผู้มีเจ็บป่วยอยู่แล้ว มีภูมิต้านทานต่ำ คนชรา และเด็กทารก มักจะติดเชื้อได้ง่าย หากคลุกคลีอยู่กับผู้ป่วย หรืออยู่ในที่ที่แออัดจนสูดหายใจเอาเชื้อที่ฟุ้งในอากาศเข้าไป อาการของโรคก็คือมีไข้สูง ไอหนัก หายใจลำบากหรือหายใจเร็ว ถ้าเป็นมากขึ้นจะหายใจหอบ มีเสียงวี๊ด ๆ หรือหายใจหอบแรงจนซี่โครงบุ๋ม เล็บมือเล็บเท้า และปากซีดคล้ำขียว ซึมหรือกระสับกระส่าย หากไม่ได้รับการรักษาจากแพทย์อาจเป็นอันตรายเสียชีวิตได้ การป้องกันโรคนี้ก็คือควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานโรคเข้าไว้ ไม่ควรเข้าไปคลุกคลีกับคนไข้หรือเข้าไปอยู่ในชุมชนหรือสถานที่แออัด ที่อาจติดเชื้อได้ รักษาความอบอุ่นของร่างกายไว้ตลอดเวลาในฤดูหนาว หากเป็นเด็กทารกควรเลี้ยงดูด้วยนมแม่จะได้รับภูมิต้านทานผ่านทางนมแม่มาด้วย ในส่วนของเด็กเล็กที่เริ่มเป็นหวัด ผู้ปกครองควรเอาใจใส่บุตรหลานและสังเกตอาการ โดยปกติหวัดทั่วไปเด็กจะหายดีภายในหนึ่งอาทิตย์ โดยให้เด็กกินอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย จิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ เพื่อมิให้ขาดน้ำ เสมหะจะได้อ่อนตัวขับออกง่ายด้วย หากมีไข้สูงให้ยาลดไข้และเช็ดตัวบ่อย ๆ ให้เด็กพักผ่อนนอนหลับมาก ๆ สอนเด็กให้ปิดปากปิดจมูกทุกครั้งเวลาไอหรือจาม และสอนให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ…

  • ความสำคัญของการล้างมือ

    ความสำคัญของการล้างมือ

    ความสำคัญของการล้างมือ มือเป็นอวัยวะที่ช่วยให้ร่างกายเราสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ทั้งกิจวัตรส่วนตัว ทำงาน และช่วยเหลือดูแลผู้อื่นด้วย แต่ก็มือนี่เองเช่นกันที่อาจนำเอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย และยังแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าห้องน้ำแล้วไม่ล้างมือ แต่ไปจับราวโหนรถไฟฟ้า ลูกบิดประตู ราวบันไดเลื่อน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นการกระจายเชื้อโรคแทบทั้งนั้น ซึ่งโรคร้ายที่ติดต่อจากการสัมผัสนั้นก็ได้แก่ 1. โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค หัดเยอรมัน นอกจากจะติดต่อทางลมหายใจแล้ว การหยิบจับสิ่งของใช้ร่วมกัน ก็สามารถแพร่เชื้อได้ด้วย 2. โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร แพร่กระจายด้วยการที่ใช้มือที่ปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้หยิบจับอาหารเข้าปาก 3. โรคทางการสัมผัส เช่น ตาแดง เชื้อรา แผลอักเสบที่ผิวหนัง หิด เหา เริม 4. โรคติดต่อหลายทาง เช่น อีสุกอีใส อาจติดต่อได้ทั้งลมหายใจและการสัมผัสด้วย โรคทั้งหมดนี้แม้จะพบได้บ่อย แพร่กระจายเชื้อได้ก็มาก แต่การป้องกันแล้วถือว่าได้ผลและแทบไม่ต้องเสียอะไรเลย ซึ่งก็ได้แก่การล้างมือนั่นเอง การล้างมือบ่อย ๆ ป้องกันการระบาดของเชื้อได้หลายชนิด การล้างมือให้สะอาดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเลย แค่ใช้น้ำกับสบู่เท่านั้นแล้วล้างให้ทั่วมือให้หมดจด ก็ลดการติดเชื้อได้มากแล้ว ควรหมั่นล้างมือให้เป็นนิสัย ยิ่งโดยเฉพาะก่อนและหลังกิจกรรมเหล่านี้ – หลังการทำงานหนักที่มือต้องสกปรก เช่น…

  • รู้จัก…โรคลมพิษกันค่ะ

    รู้จัก…โรคลมพิษกันค่ะ

    รู้จัก…โรคลมพิษกันค่ะ อาการผื่นคันที่กระจายตัวไปทั่วร่างกายไม่ว่าจะเป็น แขนขา หน้า ตัว นั้นคือโรคลมพิษที่พอเห่อขึ้นมาทีหนึ่งก็ทำให้คันไปทั่วร่างและทรมานมากเหลือเกิน นอนก็นอนไม่ได้ เมื่อไปหาหมอแล้วก็ได้ยามาทาน ดีขึ้นอยู่พักหนึ่งแล้วก็เป็นใหม่อีก เป็น ๆ หาย ๆ อยู่ตลอดชีวิตอย่างนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ ก่อนอื่นนั้นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า ผื่นลมพิษสำหรับแต่ละคนนั้นอาจมีสาเหตุแตกต่างกันออกไป บางคนเป็นเพราะความเย็น แต่บางคนก็มักเป็นเพราะความร้อน.. เช่น – เกิดผื่นขึ้นทุกครั้งเวลาเล่นกีฬาจนเหงื่อออก เหมือนคนแพ้เหงื่อตัวเอง – ลมพิษบริเวณที่สวมเสื้อผ้ารัดแน่น เช่น ตามแนวเข็มขัดหรือยางยืด – ลมพิษจากการแพ้อาหาร ที่มีส่วนผสมของสารกันเสีย สีผสมอาหาร หรือสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ – บางคนก็เกิดจากการแพ้ยา ซึ่งก็สามารถแพ้ได้ทุกชนิดว่าจะเป็น ยาถ่าย ยาระบาย วิตามิน ยาหยอดตา ยาแผนโบราณ ฯลฯ แพ้ได้หมดทุกอย่าง – และผื่นลมพิษสำหรับบางคนก็เกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ทอนซิลอักเสบ หวัด ไซนัสอักเสบ ฯลฯ การป้องกันสำหรับคนที่มักจะเป็นผื่นลมพิษก็คือ เมื่อทราบว่าตนเองแพ้อะไรแล้วก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้นั้น แล้วลมพิษก็จะหายไปหรือบรรเทาอาการลงได้เอง แต่ผู้ที่ไม่รู้ว่าตนเองเป็นลมพิษเรื้อรังเพราะอะไร หรือรู้สาเหตุแต่แก้ไขได้ยากก็ควรมาพบแพทย์ เพื่อพิจารณะใช้ยาควบคุมอาการ…

  • การป้องกัน…ไข้หวัดในเด็กเล็ก

    การป้องกัน…ไข้หวัดในเด็กเล็ก

    การป้องกัน…ไข้หวัดในเด็กเล็ก โรคหวัดเป็นโรคติดเชื้อที่เด็ก ๆ เป็นกันมากที่สุด ยิ่งอยู่ในวัยที่ต้องเข้าไปอยู่ในเนอสเซอรี่ โรงเรียนอนุบาลทั้งหลายแล้ว ยิ่งติดต่อกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เด็กบางคนเป็นหวัดแทบทุกเดือน เพราะเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นหวัดได้นั้นมีมากกว่าสองร้อยชนิด อาการของเด็กที่เป็นหวัดนั้น โดยมากจะมีอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ มีไข้ ปวดศีรษะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิดด้วยการให้เด็กจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ กินอาหารเหลวหรืออาหารที่ย่อยง่าย หากยังกินนมแม่อยู่ก็ให้ดูดนมบ่อยขึ้น ดูแลน้ำมูกให้จมูกโล่ง ให้เด็กได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ให้เด็กปิดปากเวลาไอหรือจาม และแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อด้วย รวมไปถึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หรือแม้กระทั่งปอดบวม ซึ่งหากเกิดความผิดปกติได้แก่ มีไข้สูงเกินกว่าสองวัน เด็กร้องกวนโยเย เจ็บหู ไอมากหรือไอเสียงก้อง หายใจแรงจนซี่โครงบุ๋ม หรือหายใจถี่เร็ว ควรรีบพบแพทย์ เพื่อป้องกันอันตราย ในระยะนี้คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กมาหาหมอตามนัดและให้ลูกทานยาให้ครบ อย่าหยุดยาเองโดยพละการ ไม่ใช่เห็นว่าอาการทุเลาแล้วจึงหยุดยาเอง ทำแบบนี้เป็นอันตรายมากเพราะจะทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนอื่นได้ง่าย และทำให้ดื้อยาด้วย และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการป้องกันเด็กมิให้เป็นไข้หวัดเสียตั้งแต่แรก ได้แก่การดูสุขภาพของเด็กให้แข็งแรง โดย – ทานอาหารให้ครบหมู่และเหมาะสมตามวัยของเด็ก – ปล่อยให้เด็กได้วิ่งเล่นกลางแจ้งเพื่อเป็นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ – ให้เด็กได้เข้านอนแต่หัวค่ำและนอนหลับอย่างพอเพียงทุกวัน…

  • วิธีดูแลร่างกายตัวเองในฤดูหนาวหรืออากาศเย็น

    วิธีดูแลร่างกายตัวเองในฤดูหนาวหรืออากาศเย็น

    วิธีดูแลร่างกายตัวเองในฤดูหนาวหรืออากาศเย็น สำหรับประเทศไทยแล้ว อากาศเย็น ๆ หรือช่วงหน้าหนาวมักจะเป็นฤดูที่โปรดปรานของใครหลายคนนะคะ เพราะทั้งปีนั้นมีแต่อากาศร้อน ๆ และฝนตกแฉะ ชวนให้เหนียวเหนอะหนะร่างกายมาตลอดทั้งปี หน้าหนาวยังทำให้เราได้ไปเที่ยวดอย เที่ยวภูเขาที่อากาศหนาว ได้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ อย่างมีความสุขด้วย แต่แม้อากาศหนาวจะเป็นที่ชื่นชอบเท่าไร การดูแลตัวเองในระยะนี้ก็ต้องมากเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอาจทำให้เป็นหวัดหรือป่วยด้วยโรคอื่นได้ง่าย ดังนั้นหากอยากหนาวอย่างสนุก ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงดังนี้ค่ะ 1. ทานอาหารให้ครบถ้วนและมีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะอากาศแห้ง ออกกำลังกายให้ร่างกายขับเหงื่ออบอุ่นอยู่เสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ตรากตรำทำงานมากเกินไป 2. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ สุรา หรือเสพยาเสพติดอื่น ๆ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมและเพิ่มโอกาสการติดเชื้อได้ง่าย 3. ในฤดูหนาวที่เรามักอยู่ในห้องนอนนาน ๆ เพราะสว่างช้า ควรจัดห้องนอนให้สะอาด ซักผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนให้สะอาด นำมาผึ่งแดดบ่อย ๆ ในช่วงกลางวันควรเปิดประตูห้องเพื่อระบายอากาศให้แสงแดดได้ผ่านเข้ามาในห้อง ลดการหมักหมมของเชื้อโรคด้วย 4. รักษาร่างกายให้อบอุ่นเข้าไว้ หากหนาวมากควรสวมถุงมือ ถุงเท้า และหมวกไหมพรม เพื่อความอบอุ่นโดยเฉพาะในเด็กและคนชรา 5. หากอากาศแห้งมาก การอาบน้ำตอนเข้าอาจฟอกสบู่แค่บางจุดก็พอ มิเช่นนั้นอาจทำให้ผิวแห้งมากเกินไป…

  • ดูแลร่างกายตนเองยามเมื่อเป็นหวัด

    ดูแลร่างกายตนเองยามเมื่อเป็นหวัด

    ดูแลร่างกายตนเองยามเมื่อเป็นหวัด ในช่วงที่ฤดูหนาวหรือมีอากาศที่เย็นลงจะทำให้คนเป็นหวัดกันได้ง่าย เพราะการสูดอากาศเย็น ๆ ผ่านเข้าสู่บริเวณโพรงจมูกทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง เส้นเลือดฝอยที่เยื่อบุเมือกหดตัว เซลล์ต้านทานโรคจึงทำงานได้ไม่เต็มที่ เชื้อโรคที่หายใจเข้าหรือมีอยู่แล้วจึงเพิ่มจำนวนและเกิดอาการอักเสบของเยื่อจมูกและลำคอขึ้น ซึ่งก็คือเป็นหวัดนั่นเอง ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำมักจะเป็นกลุ่มที่เป็นหวัดได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว เด็ก หรือผู้สูงอายุ สามารถหากจากหวัดชนิดหนึ่งแล้วไปติดหวัดอีกชนิดมาแทนก็ได้ บางคนก็เป็นกันปีละหลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ ที่อยู่เนอสเซอรี่หรือโรงเรียนอนุบาลและสถานเลี้ยงเด็ก เพราะติดต่อกันได้ง่าย อาการสำหรับผู้ที่เป็นหวัด จะไอ จาม มีน้ำมูลไหล เจ็บคอ มีเสมหะ ปวดหัว มีไข้ต่ำ ๆ อย่างมากจะเป็นอยู่ในระยะเวลาประมาณ 1-2 วันแล้วจะค่อย ๆ หายไปในหนึ่งอาทิตย์ โดยบางรายอาจมีน้ำมูกและไอต่อไปอีก 2-3 อาทิตย์ ผู้ที่ปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดนาน ๆ ลุกลามไปเป็นโรคอื่น รวมทั้งภูมิแพ้ได้ด้วย วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นหวัด – อย่าสั่งน้ำมูกแรง ๆ เพราะจะทำให้โพรงจมูกมีแรงดันสูงขึ้น เชื้อโรคจะถูกดันเข้าไปสู่โพรงอากาศรอบจมูก หรือ ไซนัส เกิดการอักเสบลุกลามได้ – รักษาร่างกายตนเองให้อบอุ่นโดยเฉพาะบริเวณลำคอ – ทานอาหารที่ย่อยง่าย แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น –…