Tag: ส้ม

  • ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป

    ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป

    ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป สำหรับสาว ๆ ที่รักการมีผิวพรรณที่เต่งตึงขาวสดใส วันนี้จะขอแนะนำผลไม้ดี ๆสามชนิดที่ยิ่งทานก็ยิ่งสวย ยิ่งทานผิวก็ยิ่งเปล่งปลั่งเต่งตึง สดใสย้อนอายุมาฝากกันค่ะ – Grapefruit หรือ เกรปฟรุต เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหวาน ตระกูลเดียวกับพวกส้มและมะนาว อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กรดซิติก จึงมีประโยชน์ต่อการปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างในเลือดและของเหลวในร่างกาย บำรุงตับ อีกทั้งยังมีกรดซาลิไซลิดที่สามารถจัดการกับแคลเซียมที่ผลึกอยู่ตามข้อ โรคไขข้ออักเสบจึงดีขึ้น – ลูกกีวี ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้เช่นกัน ช่วยป้องกันหวัดได้ในแม้ในห้วงเวลาที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง ทานแล้วผิวสวยใส เพราะอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้หลายส่วนในเวลาเดียวกัน – สับปะรด ไม่ว่าสายพันธุ์ไหน ก็อุดมไปด้วยบรอเมลิน เอนไซม์ที่ช่วยรักษาระดับความเป็นกรดเป็นด่างของร่างกายให้สมดุล อุดมไปด้วยวิตามินซี และแร่ธาตุอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ไม่แพ้ผลไม้จากต่างประเทศ ช่วยต้านทานการอักเสบ และย่อยโปรตีนได้ดี จึงช่วยลดสิวอักเสบและทำให้ผิวสวยใสกระจ่างด้วยวิตามินนานาชนิดค่ะ

  • ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา

    ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา

    ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา เชื่อไหมว่า “ส้ม” เนี่ย มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราทั้งผล ไม่ว่าจะเป็นเปลือกภายนอกตลอดจนเนื้อส้มภายใน มาลองดูกันทีละส่วนเลยค่ะว่า แต่ละส่วนของส้มนั้นมีผลต่อสุขภาพของเราอย่างไรได้บ้าง เริ่มเลยค่ะ 1. เนื้อของส้ม เนื้อส้มมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีนสูงมาก เนื้อส้มเพียง 100 กรัม สามารถให้วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่เพียงพอสำหรับร่างกายแต่ละวันแล้ว นอกจากทำให้ผิวสวย ด้วยคุณสมบัติของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินซี จึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนผิว ทำให้ผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น ผิวจึงสวยใสแลดูอ่อนกว่าวัย และเสริมพลังด้วยเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยให้ผนังหลอดเลือดและเส้นฝอยแข็งแรง จึงลดอาการเส้นเลือดฝอยแตกตามผิวกายส่วนต่าง ๆ ได้ ทั้งยังทำให้เส้นผมและเล็บแข็งแรง วิตามินซียังช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันได้ด้วย 2. ผิวส้ม หรือเปลือกส้ม ประโยชน์ของเปลือกส้มอยู่ที่น้ำมันหอมระเหยบนเปลือก ที่ช่วยสลายความเครียด และความเมื่อยล้า ช่วยให้ร่างกายและความคิดได้ผ่อนคลาย เพียงนำน้ำมันหอมระเหยอมาสูดดมหรือนวดตามร่างกายส่วนร่าง ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในขณะที่กระตุ้นระบบประสาทได้อีก อีกทั้งยังมีการวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษที่ค้นพบว่าเปลือกส้มมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกของส้มเขียวหวานที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้บางชนิด ซึ่งในอนาคตอาจมีการพัฒนาขึ้นไปสู่การบำบัดโรคมะเร็งแนวใหม่ได้ ว่าแล้ววันนี้ออกไปส้มมาทานกันดีกว่าค่ะ

  • 8 ผลไม้ยกระดับผิวขาว สวยสดใส

    8 ผลไม้ยกระดับผิวขาว สวยสดใส

    8 ผลไม้ยกระดับผิวขาว สวยสดใส การมีผิวที่ขาวสวยสดใส ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทานอาหารเสริมที่มีราคาแพง หากคุณรู้จักกับผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารในการช่วยบำรุงผิว แล้วทานสลับกันไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ ผิวของคุณก็จะขาวสดใสขึ้นจากวิตามินและแร่ธาตุตามธรรมชาติเอง โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินหรือเสี่ยงอันตรายเลยค่ะ ผลไม้เพื่อผิวขาวเนียนใสทั้ง 8 ชนิดนั้นมีดังต่อไปนี้ 1. ส้ม มีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ผิวจึงยืดหยุ่นไม่เหี่ยวย่นและไร้จุดด่างดำ 2. ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่แม้จะไม่มีรสเปรี้ยว แต่กลับให้วิตามินซีและกากใยอาหารที่สูงมาก นอกจากเหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ผิวขาวแล้ว ยังเหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักด้วย 3. มะนาว มีรสเปรี้ยว มีคุณค่าทางอาหารคล้ายคลึงกับส้ม แม้จะทานทั้งผลได้ยาก แต่การคั้นน้ำมาดื่มก็ช่วยให้ได้รับวิตามินซีในปริมาณสูงได้เช่นกัน แล้วยังสดชื่นอีกด้วย เหมาะสำหรับความที่สมองตื้อ ๆ 4. แตงโม มีแร่ธาตุช่วยเสริมสร้างความสดชื่นให้ร่างกายและผิวพรรณ ช่วยล้างไตและขับปัสสาวะ 5. มะเขือเทศ มีวิตามินสูง เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนที่รักผิว ช่วยชะลอความชรา ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย 6. แอปเปิ้ล มีกากใยและวิตามินสูงมาก จนชาวตะวันตกยกให้เป็นผลไม้ที่ควรทานทุกวัน วันละผล อุดมไปด้วยเพคติน ช่วยให้เล็บแข็งแรง มีกากใยสูงช่วยในการขับถ่าย 7.…

  • อาหารที่ควรทานเพื่อเสริมสร้างธาตุเหล็ก

    อาหารที่ควรทานเพื่อเสริมสร้างธาตุเหล็ก

    อาหารที่ควรทานเพื่อเสริมสร้างธาตุเหล็ก สำหรับคนในวัยทำงานหรือหญิงสาวที่มีรอบเดือนนั้น อาจรู้สึกอ่อนล้าอ่อนเพลีย จากการขาดธาตุเหล็กได้ อาการนี้มักไม่ใช่อาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน แต่เกิดจากการขาดการดูแลร่างกาย พักผ่อนไม่เพียงพอและการขาดสารอาหาร ดังนั้นวิธีการแก้ไขให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าแจ่มใสเหมือนเดิมนั้น  ควรเปลี่ยนอาหารจำพวกข้าว แป้ง ให้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน  ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง  ขนมปังโฮลวีต  เส้นพาสต้า  ผักใบเขียว ถั่ว ส้ม  ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่  แตงโม  ซึ่งอาหารเหล่านี้ย่อยง่าย ไม่สร้างภาระให้กับกระเพาะอาหารและลำไส้มากเกินไป ไม่ทำให้ท้องอืดเฟ้อ  อีกทั้งยังให้พลังงานได้อย่างยาวนาน เพราะร่างกายจะค่อย ๆ ดูดซึมสารอาหารเหล่านี้  จึงทำให้เราไม่รู้สึกอ่อนเพลีย หรือโหยหาน้ำตาลระหว่างวัน  ทั้งยังช่วยลดความเครียดไปได้ในตัว