Tag: สารต้านอนุมูลอิสระ

  • ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย

    ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย

    ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย คุณทราบหรือไม่คะว่า หากเราบริหารจัดการวิถีการใช้ชีวิตให้ดีแล้ว จะสามารถป้องกันการเป็นโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 30-40 เชียวนะคะ แล้วยังสามารถป้องกันโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ อาการไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ตลอดจนโรคกระดูกพรุนได้ด้วย วันนี้มาดูคำแนะนำในการใช้ชีวิตเพื่อให้ห่างไกลจากมะเร็งกันนะคะ 1. คุณควรเลิกบุหรี่ เพราะคุณทราบหรือไม่คะว่าหากคุณสูบบุหรี่มากกว่า 1 ซอง หรือ 20 มวนต่อวันเป็นเวลา 10 ปีนั้น คุณจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า! เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และหากคุณสูบอยู่แล้วเกิดอยากเลิกขึ้นมาก็สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 60 การสูบบุหรี่ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดอย่างเดียว แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ หรือโรคถุงลมโป่งพองได้อีกด้วย 2. คุณควรเลิกดื่มสุรา หรือหากจำเป็นต้องดื่มเพื่อเข้าสังคมก็จำกัดไว้แค่วันละไม่เกิน 1 แก้ว ผู้ที่ดื่มสุรามากกว่า 3 แก้วต่อวันจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นถึงเกือบสิบเท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม แต่ถ้าคุณยังไม่เลิกดื่มแล้วยังสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 1 ซองอีก ก็จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งมากขึ้นเป็น 50 เท่าเลยทีเดียว! น่ากลัวเอามาก ๆ ค่ะ 3. คุณควรปรับพฤติกรรมการกิน ดังต่อไปนี้…

  • “ชาเขียว” ดื่มชื่นใจ รักษารังแคได้ด้วย

    “ชาเขียว” ดื่มชื่นใจ รักษารังแคได้ด้วย

    “ชาเขียว” ดื่มชื่นใจ รักษารังแคได้ด้วย วันนี้จะพูดถึงชาเขียวที่เรานำเอามาดื่มกันชื่นใจ ได้ทั้งร้อนทั้งเย็น ดื่มได้ทั้งวัน แล้วยังรู้ไหมคะว่า นอกจากดื่มชื่นใจร่างกายได้ประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว  ยังป้องกันรังแคได้อีกด้วย  ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก เพียงนำเอาชาเขียวมาหมักผมเท่านั้นเอง ขั้นตอนก็คือนำเอาผงชาเขียวมาผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำมาชโลมบนหนังศีรษะให้ทั่ว  ชาเขียวที่มีความฝาดจะช่วยลดความคันบนหนังศีรษะ และน้ำมะนาวก็ช่วยลดความมันและทำให้หนังศีรษะสดชื่นขึ้น  จึงทำให้หนังศีรษะที่เป็นรังแคอยู่ทุเลาลง  การหมักผมวิธีนี้ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง  เชื่อได้เลยว่าไม่กี่ครั้งเท่านั้นคุณจะติดใจว่าวิธีนี้ทำให้ผมและหนังศีรษะมีสุขภาพดี ไม่คันหรือมีรังแคบนหนังศีรษะอีกต่อไปค่ะ

  • “ปลาทู” อาหารชะลอความชรา

    “ปลาทู” อาหารชะลอความชรา

    “ปลาทู” อาหารชะลอความชรา ปลาทูเป็นปลาทะเลที่หาทานได้ง่ายมากในประเทศไทย  ไม่ว่าจะเป็นภาคไหนของประเทศเดี๋ยวนี้ซื้อหาปลาทูทานกันได้แล้วแทบทั้งนั้น แม้จะเป็นจังหวะที่อยู่ห่างชายฝั่งก็ตาม  มีราคาไม่แพง แล้วยังเป็นแหล่งของสารอาหารประเภทโปรตีนต่าง ๆ มากมายด้วย เพราะในเนื้อปลาทูสด 1 ขีด จะให้พลังงาน 140 กิโลแคลรี่  ให้โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี1, 2 วิตามินซี รวมทั้งไนอะซินกับร่างกายด้วย  และความลับที่ปลาทูกลายเป็นอาหารชะลอความชราได้ก็คือ ให้ทานปลาทู 2 ตัวต่อวันพร้อมกับผักใบเขียววันละเพียง 5 กำมือ  ร่างกายก็จะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอต่อการยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ได้ ทั้งวิตามินและสารอาหารที่มากมายเช่นนี้  ปลาทูจึงควรคู่เป็นอาหารประจำสำรับกับข้าวของคนไทยเรานะคะ

  • มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย

    มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย

    มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย หากจะพูดถึงพืชผักสีแดงที่มีรสชาติอมเปรี้ยว อมหวานนิด ๆ กรอบและฉ่ำน้ำในตัวแล้ว ก็ต้องนึกถึงมะเขือเทศเป็นลำดับแรก ๆ เลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทานมะเขือเทศแค่ผลเดียวก็ได้รับวิตามินและแร่ธาตุบำรุงร่างกายได้ทั่วจากหัวจรดเท้าเลย มาดูประโยชน์ของมะเขือเทศกันเลยค่ะว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณอย่างไรกันบ้าง – มะเขือเทศมีวิตามินเอปริมาณสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา – ทานมะเขือเทศมาก ๆ ช่วยผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ – วิตามินบีในมะเขือเทศช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ – ส่วนวิตามินซีที่พบมากเช่นกันในมะเขือเทศ ช่วยป้องกันไข้หวัด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย – มะเขือเทศเป็นผักที่ทานได้อย่างสบายใจเพราะมีแคลอรี่ต่ำ ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักตัว – สารไลโคปีนในมะเขือเทศซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน ช่วยป้องกันการก่อตัวของมะเร็ง ซึ่งไลโคปีนในมะเขือเทศนี้มีฤทธิ์มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึงสองเท่าเลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชผักที่นำไปประกอบอาหารก็อร่อย หรือจะทานสด ๆ เหมือนผลไม้ก็ดีทั้งนั้น และแม้ว่าการทานมะเขือเทศจะมีประโยชน์แต่ก็อย่าลืมว่าการทานผักควรทานให้มีความหลากหลาย มีหลากสีสันจึงจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ด้วยนะคะ

  • ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา

    ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา

    ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา เชื่อไหมว่า “ส้ม” เนี่ย มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราทั้งผล ไม่ว่าจะเป็นเปลือกภายนอกตลอดจนเนื้อส้มภายใน มาลองดูกันทีละส่วนเลยค่ะว่า แต่ละส่วนของส้มนั้นมีผลต่อสุขภาพของเราอย่างไรได้บ้าง เริ่มเลยค่ะ 1. เนื้อของส้ม เนื้อส้มมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีนสูงมาก เนื้อส้มเพียง 100 กรัม สามารถให้วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่เพียงพอสำหรับร่างกายแต่ละวันแล้ว นอกจากทำให้ผิวสวย ด้วยคุณสมบัติของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินซี จึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนผิว ทำให้ผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น ผิวจึงสวยใสแลดูอ่อนกว่าวัย และเสริมพลังด้วยเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยให้ผนังหลอดเลือดและเส้นฝอยแข็งแรง จึงลดอาการเส้นเลือดฝอยแตกตามผิวกายส่วนต่าง ๆ ได้ ทั้งยังทำให้เส้นผมและเล็บแข็งแรง วิตามินซียังช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันได้ด้วย 2. ผิวส้ม หรือเปลือกส้ม ประโยชน์ของเปลือกส้มอยู่ที่น้ำมันหอมระเหยบนเปลือก ที่ช่วยสลายความเครียด และความเมื่อยล้า ช่วยให้ร่างกายและความคิดได้ผ่อนคลาย เพียงนำน้ำมันหอมระเหยอมาสูดดมหรือนวดตามร่างกายส่วนร่าง ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในขณะที่กระตุ้นระบบประสาทได้อีก อีกทั้งยังมีการวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษที่ค้นพบว่าเปลือกส้มมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกของส้มเขียวหวานที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้บางชนิด ซึ่งในอนาคตอาจมีการพัฒนาขึ้นไปสู่การบำบัดโรคมะเร็งแนวใหม่ได้ ว่าแล้ววันนี้ออกไปส้มมาทานกันดีกว่าค่ะ

  • ผลการวิจัย ตรวจพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเร่งให้มะเร็งในหนูทดลองโตเร็วขึ้น

    ผลการวิจัย ตรวจพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเร่งให้มะเร็งในหนูทดลองโตเร็วขึ้น

    ผลการวิจัย ตรวจพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเร่งให้มะเร็งในหนูทดลองโตเร็วขึ้น ผลการวิจัยชิ้นใหม่ในหนูทดลองชี้ว่าการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้นเนื่องจากไปแทรกแซงการทำงานของระบบภูมิต้านทานธรรมชาติในร่างกายในการต่อต้านการเกิดมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติหรืออาจจะได้จากการรับประทานผลไม้และผัก คุณ Martin Bergo ศาสตราจารย์ด้านนี้แห่งมหาวิทยาลัย University of Gothenburg เเม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้กันมากมาย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่ยืนยันว่าการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระเสริมในรูปเม็ดจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ศาสตราจารย์ Bergo กล่าวว่า การรับประทานวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเสริมเเบบเม็ด ในปริมาณมากเกินไป อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อร่างกาย ผลการศึกษามากกว่า 10 การศึกษาชี้ว่า การรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินเสริม มีประโยชน์เพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีประโยชน์เลย เขากล่าวว่ามีการทดลองในคนเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมในการป้องกันมะเร็งต้องล้มเลิกไปเพราะทีมนักวิจัยพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระเสริมกลับไปเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในอาสาสมัครในการทดลอง รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Translational Medicine เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เขียนถึงผลการศึกษาของทีมนักวิจัยสองทีม ทีมเเรกนำโดยศาสตราจารย์ Bergo และอีกทีมหนึ่งนำโดยคุณ Par Lindahl นักวิจัยมะเร็งที่ค้นพบโดยบังเอิญว่า การรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเสริมสองชนิด คือ วิตามินอีและวิตามิน N-A-C หรือ อะเซทิล ซิสเทอีน (N-acetyl-cysteine) ซึ่งมีผลให้มะเร็งในปอดของหนูทดลองกำเริบรุนแรงขึ้น ทีมนักวิจัยยังค้นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระเสริมในระดับสูงไปลดระดับการทำงานของโปรตีน P-53…